Super God Gene – ตอนที่ 2591

ตอนที่ 2591 สู้กับเหมิงเลี่ย

 

“อาวุธเผ่าพันธุ์เป็นระดับเทพเจ้าทันทีที่พวกมันถูกสร้างขึ้นมา”
อี๋ซาพูดและส่ายหัว “พวกมันทรงพลังมากกว่าอาวุธระดับเทพเจ้าทั่วๆไป ถ้าอาวุธเผ่าพันธุ์ถูกใช้โดยสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์ที่สร้างมันขึ้นมา มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมาก แต่ทว่าถ้ามันถูกใช้โดยคนจากเผ่าพันธุ์อื่น คนๆนั้นก็จะต้องรับคุณลักษณะและพลังของเผ่าพันธุ์ที่เป็นเจ้าของอาวุธ ร่างกายของพวกเขาจะถูกคุกคามโดยยีนของอาวุธเผ่าพันธุ์ ซึ่งจะเปลี่ยนพวกเขาเป็นบางสิ่งที่ประหลาด นอกซะจากเจ้าจะมีพลังมากพอที่จะครอบงำอาวุธเผ่าพันธุ์ เจ้าก็จะต่อต้านผลกระทบของมันได้”

 

“มันไม่มีหนทางอื่นเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความหดหู่

 

“ข้าพูดอย่างมั่นใจไม่ได้ว่ามันไม่มีหนทางที่จะลบล้างอิทธิพลของมันอยู่เลย ถ้ามันมียอดฝีมือที่ใช้กำลังเพื่อสยบพลังของอาวุธเผ่าพันธุ์และลบล้างยีนของเผ่าจิ้งจอกออกไปได้ แบบนั้นเจ้าก็คงจะกำจัดผลข้างเคียงของอาวุธเผ่าพันธุ์ไปได้ มันเหมือนกับกระจกเดสทินี่ไนน์สปินของเผ่าจิ้งจอก ยอดฝีมือเผ่าจิ้งจอกที่น่ากลัวคนหนึ่งลบล้างยีนดั้งเดิมภายในกระจากไปและแทนที่ด้วยยีนของตัวเขาเอง แบบนั้นมันก็จะกลายเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าจิ้งจอก”

 

อี๋ซาหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “แต่ยีนของเผ่าจิ้งจอกนั้นดีมากๆ ข้าได้ยินว่าในตอนที่พวกเขาจุดดวงไฟในจีโนฮอล์ อันดับของพวกเขาค่อนข้างสูง แส้เหล็กทองแดงม่วงนี้อาจะถึงขั้นทรูก็อตจริงๆ ดังนั้นเจ้าต้องหายอดฝีมือขั้นทรูก็อตมาช่วย”

 

“นั่นหมายความว่าหมดหนทางอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่ากำลังจะร้องไห้ เขาไม่รู้จักใครสักคนที่ถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตด้วยซ้ำ

 

ถึงแม้เขาจะรู้จัก มันก็ไม่มีเหตุผลที่คนๆนั้นจะสละเวลามาช่วยลบล้างยีนของเผ่าจิ้งจอกภายในแส้เหล็กให้กับเขา

 

“เจ้าค่อนข้างดูดีอย่างที่เจ้าเป็น” อี๋ซาพูด หลังจากนั้นเธอก็บินต่อไป

 

หานเซิ่นนำกลาสเซสขึ้นมาสวมเพื่อบิดบังใบหน้าของตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ใช้มันเพื่อวิเคราะห์ยีนของอี๋ซา

 

ตัวเลขบนหน้าจอเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ และมันใช้เวลาสักพักกว่าที่ผลลัพธ์การวิเคราะห์จะออกมา รีเบทไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่ศักยภาพยีนของอี๋ซานั้นอยู่ที่ 8 ดาว

 

“ถ้าศักยภาพยีนของเธอคือ 8 ดาว นั่นก็หมายความว่าเธอจะกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย น่าเสียดายที่ในตอนนี้วิชาโลหิตระดับราชันของเรายังเป็นแค่ระดับราชัน เราส่งเสริมยีนของระดับเทพเจ้าไม่ได้ ถ้าทำได้ เราก็คงจะช่วยปรับปรุงยีนของเธอให้ดียิ่งขึ้น แบบนั้นมันก็มีโอกาสที่สูงขึ้นที่เธอจะไปถึงขั้นทรูก็อต’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

ก่อนหน้านี้หานเซิ่นพยายามจะใช้พลังของวิชาโลหิตชีพจรกับนกแดงน้อย แต่มันไม่ได้ผล วิชาโลหิตชีพจรของเขาไม่สามารถผลักดันฟันเฟืองของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้

 

หานเซิ่นมองไปที่เสือขาวและสังเกตเห็นว่าศักยภาพของมันคือ 9 ดาวเท่ากันกับจระเข้น้อย

 

หานเซิ่นขอให้อี๋ซาช่วยดูดาบเขียวน้อยของหนิงเยวี่ย แต่เธอไม่สามารถระบุได้ว่ามันเป็นอาวุธแบบไหน แต่เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา มันก็โอกาสสูงที่ดาบเขียวน้อยจะเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ แต่เผ่าพันธุ์ไหนนั้น? เธอเองก็ไม่รู้

 

วาฬขาวเกือบจะซ่อมแซมตัวเองจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว หานเซิ่นเชิญอี๋ซาขึ้นมาบนวาฬขาว และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ

 

พวกเขาไม่ได้พบยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ไหนขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านระบบจักรวาลเคออส แต่พวกเขาได้พบกับซีโน่เจเนอิคอวกาศ โชคดีที่อี๋ซาสามารถจัดการพวกมันได้ พวกเขาจึงไม่ได้เผชิญกับภัยอันตรายอะไร

 

เจ้าเสือขาวเอาแต่หลับทั้งกลางวันและกลางคืน ดูเหมือนมันไม่คิดจะกระดิกนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

 

ขณะที่วาฬขาวบินต่อไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีกลุ่มยานอวกาศมาขวางหน้าพวกเขา ภาพของมันทำให้หานเซิ่นและคนอื่นรู้สึกหนาวขึ้นมา

 

“สปริงเรน” หานเซิ่นจดจำสัญลักษณ์ของยานรบเหล่านั้นได้ มันเป็นสัญลักษณ์ของสปริงเรน ซึ่งเป็นองค์กรที่คุณหญิงมิร์เรอร์เป็นคนบัญชาการ

 

ยานรบเหล่านั้นเข้ามาล้อมวาฬขาวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ชายหญิงคนหนึ่งออกมาจากยานหลัก ผู้หญิงคนนั้นคือคุณหญิงมิร์เรอร์ ส่วนคนผู้ชายนั้นคือลุงสี่ของเอ็กซ์ตรีมคิงเหมิงเลี่ย

 

“พวกเราเพิ่งจะออกมาจากแมงมุมหลุมดำได้ไม่นาน ทำไมพวกเขาถึงหาพวกเราเจอเร็วขนาดนี้?” หานเซิ่นแปลกใจ

 

“หานเซิ่น เจ้าอยากจะมากับพวกเราแต่โดยดี? หรือเจ้าต้องการให้พวกเราลากตัวเจ้ากลับไป?” เหมิงเลี่ยถามและหัวเราะ

 

หานเซิ่นยังคงเงียบ ถึงแม้พวกเขาจะมีระดับเทพเจ้าอยู่ด้วย แต่ระดับเทพเจ้าของพวกเขาเป็นขั้นต่ำที่สุด ระดับเทพเจ้าของพวกเขาเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟเท่านั้น คุณหญิงมิร์เรอร์เองก็เป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเช่นกัน แต่เธอเป็นระดับเทพเจ้ามายาวนานกว่า แถมพลังของเธอก็ยังเป็นอะไรยากที่จะรับมือ

 

เหมิงเลี่ยคงจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่น เพราะแม้แต่เลอตู้ที่กลายเป็นระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถจะเอาชนะเขาได้ การต่อสู้กับเขาจะเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการรับมือกับคุณหญิงมิร์เรอร์

 

แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีทางเลือก เขาสวมใส่เสือคลุมวิญญาณราชานกยูงและถือคันธนูงูหกคอร์ เขาออกไปจากวาฬขาวโดยที่มีนกแดงน้อยติดตามไปด้วย

 

อี๋ซาเองก็ออกมาเช่นกัน เธอแค่ยืนเงียบๆถัดไปจากหานเซิ่น

 

คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่อี๋ซาและพูด “ราชินีแห่งมีด เผ่ารีเบทอยู่ข้างเดียวกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมาโดยตลอด เจ้าคงจะไม่ทำลายความสัมพันธ์อันยาวนานของพวกเราเพียงเพราะหานเซิ่นหรอกใช่ไหม”

 

“เผ่ารีเบทได้ทำสร้างพันธมิตรกับปราสาทนภาเรียบร้อยแล้ว” อี๋ซาพูด
“ข้ายินดีจะเป็นมิตรกับเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ถ้าพวกเจ้ามาขวางทางข้า อย่างนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น”

 

ในตอนที่หานเซิ่นเริ่มหนีจากเอ็กซ์ตรีมคิง อี๋ซายังไม่สามารถมาช่วยเขาในทันทีได้ นั่นเป็นเพราะเธอต้องจัดการกับเรื่องทางการเมืองของเผ่ารีเบท เธอไม่สามารถนำทุกชีวิตของรีเบทเข้ามาเกี่ยวข้องเพียงเพื่อจะช่วยหานเซิ่น

 

แต่ตอนนี้เมื่อรีเบทเข้าเป็นพันธมิตรกับปราสาทนภา พวกเขาก็ได้รับการคุ้มครองจากปราสาทนภา ซึ่งนั่นทำให้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงไม่กล้าจะแตะต้องพวกเขาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

“ราชินีแห่งมีด เจ้าควรจะลองคิดให้ดี การทำแบบนี้มันคุ้มค่าอย่างนั้นหรอ? มันคุ้มค่าจริงๆอย่างนั้นหรอที่จะทรยศพวกเราเพื่อลูกศิษย์เพียงคนเดียว? เจ้ารู้ว่าคนทรยศของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นถูกจัดการยังไง” เหมิงเลี่ยขมวดคิ้ว

 

“ถ้าข้าปกป้องลูกศิษย์เพียงคนเดียวไม่ได้ การมีอยู่ของเผ่ารีเบทจะยังมีประโยชน์อีกอย่างนั้นหรอ?”

 

“ข้าอยากรู้จริงๆว่าปราสาทนภาเสนอผลประโยชน์อะไรให้เจ้า เจ้าถึงกล้าปฏิเสธความหวังดีของเอ็กซ์ตรีมคิง” ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์แข็งกร้าวขณะที่เธอยกมือขึ้นและเคลื่อนที่ไปโจมตีอี๋ซา

 

อี๋ซาไม่เคลื่อนที่ แต่เธอชักมีดสั้นออกมาเพื่อโจมตีใส่คุณหญิงมิร์เรอร์

 

เหมิงเลี่ยถอนหายใจ ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีทอง หลังจากนั้นเขาก็กดมือลงบนสิงโตที่กำลังขี่อยู่และร่างของสิงโตก็ถูกย้อมด้วยสีทอง

 

วินาทีต่อมาเหมิงเลี่ยก็สะบัดมือ สิงโตสีทองลอยขึ้นและเปลี่ยนกลายเป็นมีดทองคำที่คล้ายคลึงกับหัวสิงโต

 

“ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบตัวแต่โดยดี”
เหมิงเลี่ยยกมีดที่ดูเหมือนกับหัวของสิงโตขึ้นและเคลื่อนที่เข้ามาหาหานเซิ่น ทุกก้าวของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังบดขยี้ทั้งโลก

 

เหมิงเลี่ยเคลื่อนที่เข้ามาราวกับเทพสีทอง นกแดงน้อยส่งเสียงร้องใส่เขาขณะที่เพลิงฟีนิกซ์ลุกโชติช่วงขึ้นมา มันกลายฟีนิกซ์ที่งดงามเคียงข้างหานเซิ่น

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset