หานเซิ่นยิงแส้เหล็กทองแดงสีม่วงออกไปราวกับลูกธนูอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เขาใส่พลังเข้าไปมากยิ่งกว่าเดิม ในจังหวะที่แส้เหล็กถูกปล่อยจากสายธนู มันก็เทเลพอร์ตและหายลับไป
“การเทเลพอร์ตใช้ไม่ได้ผลกับข้า นอกซะจากเจ้าจะเทเลพอร์ตโดยไม่สร้างการกระเพื่อมในอวกาศ” เหมิงเลี่ยพูด หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปในอากาศ
แส้เหล็กทองแดงสีม่วงปรากฏขึ้นในบริเวณที่เหมิงเลี่ยยื่นมือออกไป
ครั้งนี้เหมิงเลี่ยไม่ได้ใช้มีดหัวสิงโตเพื่อทำลายมัน เขาใช้มือจับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงแทน เขาต้องการจะนำมันมาดูใกล้ๆเพื่อดูว่ามันเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าแบบไหนกันแน่
แต่เมื่อมือของเหมิงเลี่ยกำลังจะจับแส้เหล็กทองแดงสีม่วง แส้เหล็กก็เปลี่ยนเส้นทางและหายไปจากสายตาของเขาอีกหนหนึ่ง
ในตอนที่เหมิงเลี่ยเห็นแส้เหล็กทองแดงสีม่วงอีกครั้ง อาวุธก็ปักเข้าไปในอกของเขาแล้ว
“การยิงนั่นไม่เลวเลย” เหมิงเลี่ยพูดอย่างไม่ได้กังวลอะไร เมื่อดูจากการยิงแส้เหล็กทองแดงสีม่วงของหานเซิ่นในตอนที่ปะทะกับมีดแสงสีทองแล้ว เหมิงเลี่ยก็มั่นใจว่ามันไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ของเขาได้ แต่หลังจากที่พูดจบ สีหน้าของเหมิงเลี่ยก็เปลี่ยนไป เขาก้มลงไปมองและเห็นแส้เหล็กเจาะทะลุหัวใจของเขา เลือดสีทองเริ่มไหลออกมาจากร่างกายของเขา
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” เหมิงเลี่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ของเขาควรจะไม่ได้รับความเสียหายจากอาวุธระดับเทพเจ้าธรรมดาๆ นอกจากนั้นหานเซิ่นก็เป็นแค่ระดับราชันเท่านั้น ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้อาวุธระดับเทพเจ้า เขาก็ไม่ควรจะเจาะทะลวงร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ของเหมิงเลี่ยได้
เหมิงเลี่ยรู้สึกเจ็บปวดบริเวณอก ซึ่งนั่นทำให้เขารู้ว่าบาดแผลที่ได้รับนั้นเป็นของจริงไม่ใช่ภาพลวงตา
“นอกซะจากว่า…” ความเป็นไปได้หนึ่งผุดขึ้นในจิตใจของเหมิงเลี่ย เขาเอื้อมมือไปจับด้ามของแส้เหล็กทองแดงสีม่วง
“นอกซะจากว่านี่จะเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย… และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาเจาะทะลวงร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ของเราได้”
ดวงตาของเหมิงเลี่ยลุกโชนอย่างสว่างไสว เขาดึงแส้เหล็กทองแดงสีม่วงออกมาจากอกของตัวเอง
เมื่อแส้เหล็กทองแดงสีม่วงถูกดึงออกมา บาดแผลบริเวณอกของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีร่องรอยของบาดแผลหลงเหลืออยู่เลย
ในตอนที่หานเซิ่นเห็นแส้เหล็กทองแดงสีม่วงปักเข้าไปในหัวใจของเหมิงเลี่ย เขาก็รู้สึกดีใจ แต่เขามองโลกในแง่ดีเกินไป และการมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าจริงๆแล้วยอดฝีมือระดับเทพเจ้านั้นแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันแน่
“ขอบคุณที่มอบอาวุธระดับเทพเจ้าที่ทรงพลังแบบนี้ให้กับข้า ถ้าเจ้าใจกว้างถึงขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่มอบโล่เมดูซ่าส์มาให้กับข้าด้วยเลยล่ะ?”
เหมิงเลี่ยถือแส้เหล็กทองแดงสีม่วงอยู่ในมือ หลังจากนั้นแสงสีทองก็เข้าห่อหุ้มแส้เหล็กทองแดงสีม่วงและย้อมสีของมันให้กลายเป็นสีทอง
ร่างกายแห่งราชันโกลทองแดงสีม่วงสามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าให้กลายเป็นอาวุธทองคำ พลังนั้นใช้ได้ผลกับอาวุธระดับเทพเจ้าเช่นเดียวกัน มันไม่สามารถเปลี่ยนธาตุของอาวุธระดับเทพเจ้าได้ แต่เหมิงเลี่ยสามารถใช้มันเพื่อยึดครองอาวุธระดับเทพเจ้าชนิดต่างๆได้
ขณะที่แส้เหล็กทองแดงกำลังเปลี่ยนเป็นสีทอง จู่ๆใบหน้าของเหมิงเลี่ยก็เปลี่ยนไป เขาเห็นว่าแส้เหล็กทองแดงสีม่วงไม่ได้เปลี่ยนสีทองอีกต่อไป มันกำลังกลับไปเป็นสีม่วงแทน สัญลักษณ์ลึกลับที่สลักอยู่บนแส้เหล็กนั้นเรืองแสงขึ้นมาและมันก็ระเบิดใส่มือของเหมิงเลี่ย
“นั่นเป็นไปได้ยังไง? นี่มัน…นี่มันอาวุธขั้นทรูก็อต?” เหมิงเลี่ยมองไปที่มือของเขา ส่วนเนื้อหนังที่สัมผัสกับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงไม่ได้เป็นทองคำที่แวววาวอีกต่อไป มันเป็นแค่ผิวหนังธรรมดา
อาวุธระดับเทพเจ้าที่ไม่มีใครควบคุมสามารถทำลายพลังของร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ได้ นั่นเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
เหมิงเลี่ยเงยหน้าขึ้นมาและจ้องไปที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วงที่ตอนนี้กลับไปอยู่ในมือของหานเซิ่น เขายิ้มออกมาและพูด
“อาวุธขั้นทรูก็อต… มันเป็นอาวุธขั้นทรูก็อต… หานเซิ่น เจ้าเป็นคนที่โชคดีมากๆ เจ้ามีอาวุธขั้นทรูก็อตอยู่ถึง 2 อันด้วยกัน ยอดฝีมือมากมายนั้นต้องแสวงหาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้มาสักอัน แต่เจ้าที่เป็นแค่ระดับราชันกลับมีพวกมันอยู่ถึง 2 อัน”
“ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นคนโชคดี ทำไมเจ้าถึงยังยืนกรานที่จะหาเรื่องข้าอยู่เรื่อยๆ? สิ่งที่เจ้าทำไม่ใช่ว่ามันขัดกับเจตจำนงของพระเจ้าหรอกหรอ?” หานเซิ่นพูด
เหมิงเลี่ยหัวเราะ แสงสีทองสว่างไสวในมือของเขา เขาแพร่กระจายพลังสีทองกลับไปที่มือและพูด
“เส้นทางสู่การวิวัฒนาการนั้นทำให้พวกเราทั้งหมดต้องต่อสู้กันเพื่อไปสู่ท้องฟ้า การวิวัฒนาการของทุกคนถูกสร้างขึ้นบนกระดูกของคู่ต่อสู้ สิ่งที่เจ้ากินและสิ่งที่เจ้าใช้มาจากสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่า ถ้าเจ้าไม่พยายามต่อสู้เพื่อขึ้นไป เจ้าก็จะเป็นแค่เศษอาหารบนถนนที่จะถูกสิ่งมีชีวิตอื่นกลืนกิน ในเมื่อกฎของจักรวาลเป็นแบบนั้น ทำไมข้าถึงต้องกลัวสิ่งที่จะฉุดรั้งข้าเอาไว้ด้วย?”
“เจ้าเป็นคนโชคดี ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะใช้ความโชคดีของเจ้าให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ด้วยอาวุธขั้นทรูก็อต 2 อัน เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะทรงอำนาจยิ่งขึ้นไปอีก นั่นคือโชคของข้าและโชคของเอ็กซ์ตรีมคิง”
เหมิงเลี่ยปลดปล่อยแสงแห่งเทพสีทองออกมาในวงกว้าง ทั้งระบบจักรวาลเปลี่ยนเป็นสีทอง ทั้งโลกสั่นสะเทือนไปพร้อมกับเขา มันเหมือนกับว่าโลกใบนี้กำลังตอบสนองต่อสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูด
ถึงแม้หานเซิ่นจะเป็นศัตรูกับเหมิงเลี่ย แต่เขาก็ยอมรับว่าชายคนนี้พูดถูก ในจักรวาลแห่งนี้ไม่ว่าจะใบหญ้า ขอนไม้ ก้อนหินหรือหยดน้ำ พวกมันต่างมีชีวิต ไม่ว่าจะเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงหรือมนุษย์คนหนึ่ง ถ้าพวกเขาต้องการจะมีชีวิตรอด พวกเขาก็ต้องทำด้วยการยืนบนเลือดและกระดูกของผู้อื่น ถ้าความสำเร็จขึ้นอยู่กับโชคเพียงอย่างเดียว อย่างนั้นแล้วการต่อสู้เพื่อไปให้สูงขึ้นก็จะไม่มีความหมายอะไร
“เจ้าพูดถูก” หานเซิ่นใส่แส้เหล็กทองแดงสีม่วงบนธนูงูหกคอร์อีกครั้ง เขาผลักดันวิชากายหยก วิชาชีพจรและเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงจนถึงขีดจำกัด
ทั้งร่างกายดูเหมือนจะสั่นไหวด้วยกำลัง เลือดพลุ่งพล่านผ่านเส้นเลือดของเขาและหัวใจของเขาก็เหมือนกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ร่างกายของเขาเริ่มจะปูดบวม และเขาก็ดูตื่นเต้นมากๆ
เสือคลุมขนนกเรืองแสงสีรุ้งและแพร่ไปปกคลุมแส้เหล็กทองแดงสีม่วง สัญลักษณ์ที่สลักอยู่บนแส้เหล็กก็ดูเหมือนจะสว่างขึ้นมา เหมือนกับว่าพวกมันเปลี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์ลึกลับแห่งแสงที่ห้อมล้อมแส้เหล็กทองแดงสีม่วง
แม้แต่หูบนหัวของหานเซิ่นและหางของเขาก็เรืองแสงสีม่วง
เมื่อเห็นหานเซิ่นและแส้เหล็กทองแดงสีม่วง ความตื่นเต้นของเหมิงเลี่ยก็เพิ่มขึ้นสูงจนทะลุเพดาน
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว… ในที่สุดข้าก็เข้าใจ! อาวุธนั่นเป็นของเผ่าจิ้งจอก มันคือแส้เหล็กคิวปิด! ไม่แปลกใจเลยที่มันสร้างความเสียหายกับร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ของข้าได้”
“แส้เหล็กคิวปิด?” หานเซิ่นคิดว่าชื่อนั่นแปลกๆ
“แส้เหล็กคิวบิดถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแส้เหล็กเทพเสน่หา ข้าคิดว่ามันถูกทำลายไปในตอนที่ผู้อาวุโสของเผ่าจิ้งจอกเข้าไปในจีโนฮอลล์ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะยังอยู่ และตอนนี้มันก็มาอยู่ในการครอบครองของเจ้า พระเจ้ากำลังช่วยเอ็กซ์ตรีมคิง ด้วยแส้เหล็กเทพเสน่หา ชื่อเสียงของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีก”
เหมิงเลี่ยหัวเราะและพูดอย่างตื่นเต้น ขณะที่มองไปที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วง