หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหานเซิ่น สีหน้าของอวี้ซ่านซินไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว เขาถามอย่างใจเย็น
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวอัลฟ่าของเผ่านภาที่ถูกรู้จักกันในนามผู้สยบปีศาจไหม?
“ไม่เคย” หานเซิ่นไม่ได้มีอารมณ์ที่จะฟังเรื่องราว แต่ถ้าคนอย่างอวี้ซ่านซินอยากจะพูด เขาก็ยินดีที่จะรับฟัง
“ในสมัยโบราณก่อนที่ทุกดวงดางจะติดต่อและเดินทางถึงกันได้ เผ่านภานั้นอยู่อาศัยบนดวงดาวที่มีปีศาจตัวหนึ่งอาศัยอยู่เช่นกัน ปีศาจนั่นจะกินคนๆหนึ่งทุกๆวัน แต่ปีศาจนั่นไม่มีร่างกายของตัวเอง ถ้ามันต้องการจะกินใครสักคน มันก็จะสิงร่างของหนึ่งในชาวนภาเพื่อกินอีกร่างหนึ่ง”
“เนื่องจากพวกเขาไม่มีวิธีการป้องกันการเข้าสิงของปีศาจ เผ่านภาจึงมีเหตุการณ์พ่อกินลูก ภรรยากินสามีหรือแม้แต่เด็กๆกินปู่ของพวกเขา เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งอัลฟ่าของพวกเราเสนอตัวเองให้กับปีศาจ และอนุญาตให้ปีศาจเข้าสิงร่างกายของเขา”
“หลังจากนั้นอัลฟ่าของเผ่านภาก็กักขังปีศาจเอาไว้ได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นอยากรู้
“ไม่ใช่ อัลฟ่าของพวกเราไม่ได้เหนือไปกว่าชาวนภาทั่วๆไป เจ้าปีศาจเข้าควบคุมร่างกายของเขาได้สำเร็จเช่นกัน เจ้าปีศาจใช้ร่างของเขากินชาวนภาไปมากมาย” อวี้ซ่านซินพูดออกมาตรงๆ นั่นไม่ใช่คำตอบที่หานเซิ่นคาดว่าจะได้ยิน
อวี้ซ่านซินมองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ “ถึงแม้อัลฟ่าของพวกเราจะถูกควบคุมโดยเจ้าปีศาจ แต่เขาทำบางสิ่งที่ชาวนภาที่ถูกสิงคนอื่นทำไม่สำเร็จ ชาวนภาคนอื่นเมื่อถูกสิงโดยปีศาจ พวกเขาจะยังคงมีจิตใจเป็นของตัวเอง แต่พวกเขาไม่กล้าเกลียดชังเจ้าปีศาจ พวกเขาหวาดกลัวมัน ถึงแม้พวกเขาจะเสแสร้งว่าไม่กลัว แต่พวกเขาก็หลอกเจ้าปีศาจไม่ได้ นั่นก็เพราะว่าเมื่อเจ้าปีศาจเข้าสิงชาวนภาคนหนึ่ง มันจะมองทะลุเข้าไปในความคิดของพวกเขา ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะพูดหรือทำอะไร เจ้าปีศาจก็จะมองทะลุเข้าไปในความคิดของพวกเขา เจ้าปีศาจจะควบคุมและบังคับให้พวกเขาฆ่าตัวตาย แต่อัลฟ่าของพวกเราเป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้”
“เขาทำอะไร?” หานเซิ่นอยากรู้ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“เขาไม่ได้ทำอะไร เขาเอ็นดูกับเจ้าปีศาจนั่น” อวี้ซ่านซินพูด
“ท่านบอกว่าเจ้าปีศาจมองทะลุผ่านความคิดของคนที่ถูกสิง แบบนั้นอัลฟ่าจะหลอกเจ้าปีศาจได้ยังไง?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน เขาคิดว่าอัลฟ่าของเผ่านภาต้องเกลียดชังเจ้าปีศาจ
อวี้ซ่านซินหัวเราะและพูด “นั่นเป็นเหตุผลที่อัลฟ่าของพวกเราต่างออกไป เขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่เขาเกลียดชังมากที่สุด แต่แล้วเขากลับละทิ้งความโกรธของตัวเองและปฏิบัติกับเจ้าปีศาจด้วยความรัก มันเหมือนกับว่าเขาถือว่าเจ้าปีศาจเป็นลูกชายของตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าเจ้าปีศาจจะทำผิดอะไร เขาก็จะยกโทษให้กับมัน นั่นเป็นความรักที่มาจากหัวใจ ในจักรวาลนี้นอกจากอัลฟ่าของพวกเราแล้ว ข้าก็ไม่เคยเห็นใครที่จะทำแบบเดียวกันนั้น”
“ท่านกำลังจะบอกว่าความรักของอัลฟ่าส่งไปถึงเจ้าปีศาจอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูด
“ใช่ ความรักของอัลฟ่าส่งผลกระทบต่อเจ้าปีศาจ เจ้าปีศาจนั่นควรจะเข้าสิงคนๆหนึ่งเพียงแค่วันเดียวก่อนที่จะกำจัดทิ้ง แต่เมื่อมันเข้าไปสิงในร่างกายของอัลฟ่า มันก็อยู่ภายในร่างของเขาไปตลอด มันไม่เคยจากเขาไปจนกระทั่งอัลฟ่าพบจุดอ่อนของเจ้าปีศาจและฆ่ามันได้สำเร็จ เขาจบฝันร้ายที่ยาวนานของชาวนภาได้สำเร็จ” อวี้ซ่านซินพูด
หานเซิ่นทึ่งกับเรื่องนี้ อัลฟ่าของเผ่านภาใช้ความรักเพื่อจะได้รับความเชื่อใจจากปีศาจที่สามารถอ่านจิตใจคนได้ หานเซิ่นไม่รู้ว่าคนแบบไหนกันที่จะทำแบบนั้นได้ ถ้าเขาต้องไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกับอัลฟ่าของเผ่านภา หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าจะทำได้สำเร็จ
“มิสเตอร์อวี้ อัลฟ่าของพวกท่านเป็นคนใจพระอย่างแท้จริง ข้าเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าท่านต้องการให้ข้าไปแสดงความรักต่อปีศาจ? ข้าคงจะทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าจะโกรธและข้าก็คงจะถูกฆ่าตาย”
หานเซิ่นเข้าใจว่าอวี้ซ่านซินต้องการจะบอกอะไรถึงเล่าเรื่องนี้ แต่เขารู้ว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้ การเข้าใจมันไม่ได้ช่วยอะไร
“ไม่เป็นไรถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะช่วยเจ้า” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม
“จริงอย่างนั้นหรอ? ท่านจะช่วยข้าในเรื่องนี้?” หานเซิ่นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
อวี้ซ่านซินหัวเราะและพูด “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมชื่อของข้าคืออวี้ซ่านซิน?”
‘ฉันจะไปรู้เรื่องแบบนั้นได้ยังไง?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปคือ
“ข้าได้ยินมาว่าอารมณ์โกรธของท่านดีขึ้นเมื่อท่านได้รับชื่อนี้มา มันทำให้ท่านคิดในทางบวกมากขึ้น?”
อวี้ซ่านซินยิ้มและพูด “ขอบคุณเจ้าที่คิดกับข้าแบบนั้น แต่ข้าไม่ได้มีความคิดในทางบวกแบบนั้น เหตุผลที่ข้าถูกเรียกว่าอวี้ซ่านซินก็เพื่อจะบอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าไม่ควรจะยอมแพ้กับตัวเอง มันไม่สำคัญถ้าข้าจะกลายเป็นคนที่ชั่วร้ายหรือก่อคดีที่ไม่มีใครยอมรับได้ มันไม่สำคัญว่าข้าจะถูกเกลียดชังมากแค่ไหน อย่างน้อยที่สุดข้าก็จะไม่เกลียดชังตัวเอง ข้าจำเป็นต้องมีจิตใจที่ดีเพื่อรักตัวเอง”
หานเซิ่นอึ้งไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนหนึ่งอธิบายเหตุผลที่พวกเขามีจิตใจที่ดีให้คนอื่นฟัง
“วิชาจีโนที่ข้าฝึกมีรากฐานจากพลังที่ชั่วร้าย ถ้าข้าคิดในสิ่งที่ชั่วร้าย พวกมันก็จะทรงพลังมากขึ้น ในตอนที่ข้ายังหนุ่ม เหตุผลที่ข้ามาที่ปราสาทนภาและฆ่าผู้อาวุโสก็เป็นเพราะเรื่องนี้ แต่ยิ่งวิชาจีโนนี้แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ครอบงำจิตใจของข้ามากขึ้นเท่านั้น ข้าไม่ได้ฝึกวิชาเพื่อฆ่าฟัน แต่ข้าฝึกมันเพื่อทำให้จิตใจตัวเองแข็งแกร่งและไม่ถูกครอบงำโดยความชั่วร้าย มีเพียงแค่ข้าที่ควบคุมตัวเองในโลกใบนี้ได้ ไม่มีใครคนอื่นที่จะใช้ข้าได้ ไม่แม้แต่พระเจ้า” อวี้ซ่านซินพูดออกมาเบาๆ แต่หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงน้ำหนักในคำพูดของเขา
แต่หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผ่าเวรี่ไฮยังไง
อวี้ซ่านซินมองไปที่หานเซิ่นและยิ้ม “วิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลที่ข้าฝึกไม่ได้มีพลังในการสัมผัสเหมือนอย่างของเผ่าเวรี่ไฮ แต่มันมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง ข้าจะใช้ความชั่วร้ายของข้าเข้าสิงเจ้า และเมื่อเผ่าเวรี่ไฮใช้สัมผัสของพวกเขารุกรานเข้าไปในจิตใจของเจ้า พวกเขาก็จะได้สัมผัสกับความชั่วร้ายของจิตใจข้า ทั้งหมดที่พวกเขาจะได้สัมผัสคือจิตใจของข้า นั่นหมายความว่าพวกเขาจะสัมผัสอะไรเกี่ยวกับเจ้าไม่ได้ แบบนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสัมผัสของพวกเขา เจ้าจะมีความสุขกับผลประโยชน์ของเวรี่ไฮโดยไม่ต้องกังวลกับการถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา แบบนั้นเจ้ายังจะปฏิเสธผลประโยชน์มากมายอีกอย่างนั้นหรอ?”
“ท่านทำแบบนั้นได้จริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่ได้คลางแคลงใจในสิ่งที่อวี้ซ่านซินพูด ถึงแม้มันจะฟังดูไม่น่าเชื่อสักแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ถามออกไป
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า พวกเรามาลองทดสอบกัน ไปพบกับเอ็กซ์ควิสิทของเผ่าเวรี่ไฮ หลังจากนั้นเจ้าจะได้รู้ว่าที่ข้าบอกเป็นความจริงหรือไม่” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม