‘ทำไมกระบวนการนี้ถึงดูคุ้นๆ นี่มันเป็นแนวคิดเดียวกับกลาซเซสของคริสตัลไลเซอร์?’ หานเซิ่นมองก็อตสปิริตทัชที่อยู่บนโต๊ะขณะที่ครุ่นคิด
ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนกำลังจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัช พวกเขาไม่เชื่อว่าก็อตสปิริตทัชจะเปิดเผยข้อมูลที่พิเศษแบบนั้นได้จริงๆ
ถ้าอนาคตของพวกเขาถูกตัดสินโดยแมลงตัวหนึ่ง แบบนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝึกต่อไป?
“มันก็เป็นแค่แมลงตัวหนึ่ง มันจะตัดสินชะตากรรมของพวกเราได้ยังไง?”
กระเรียนพันขนถาม เขาพูดขึ้นมาในสิ่งที่ทุกคนกำลังคิด
ปี้ซียังคงดูไร้ความรู้สึกเหมือนทุกที เขามองไปที่กระเรียนพันขนและพูด
“ถึงแม้มันจะไม่ได้แม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสผิดพลาดของมันก็ต่ำมากๆ ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้า พวกเจ้าก็ลองทดสอบดูได้”
“พวกเราจะลองมันได้ยังไง?” กระเรียนพันขนถามขณะที่มองไปที่ด้วงเต่าก็อตสปิริตทัซที่มีขนาดเท่ากับเหรียญ
ปี้ซีไม่ได้พูดอะไร เขายื่นมือออกไปเพื่อแตะก็อตสปิริตทัช ร่างกายของก็อตสปิริตทัชสั่นไหว หลังจากนั้นมันก็คลานกลับเข้าไปในเปลือกก่อนหน้านี้ มันพาตัวเองกลับไปเข้าไปในเปลือกเพื่อประกอบตัวเองทีละชั้นๆ พวกมันประกอบได้อย่างพอดี
ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นมันกับตาตัวเอง พวกเขาก็คงจะไม่คิดว่าเจ้าแมลงตัวนั้นมีเปลือกอยู่ 9 ชั้น
หลังจากนั้นปี้ซีก็พูดขึ้นมา “มอบหยดเลือดให้กับมัน มันจะดื่มเลือดของเจ้าและลอกเปลือกตามคุณภาพยีนของเจ้า”
กระเรียนพันขนไม่ลังเล เขายื่นนิ้วมือออกมาและบีบหยดเลือดหยดหนึ่งลงไป เขาปล่อยให้ก็อตสปิริตทัชดื่มหยดเลือดนั้นเข้าไป
แต่ในครั้งนี้ด้วงเต่าลอกเปลือกเพียงแค่ 7 ชั้นเท่านั้น หลังจากนั้นมันก็หยุดเคลื่อนไหวและตกอยู่ในสภาพที่ดูเหนื่อยล้าอีกครั้ง
“พรสวรรค์ระดับ 7 เปลือก ไม่เลยเลวทีเดียว ถ้าไม่โชคร้าย เจ้าก็จะกลายเป็นระดับเทพเจ้า และบางทีอาจจะไปถึงขั้นทรานมิวเทชั่นได้เลย” ปี้ซีพูดขณะที่มองไปที่ก็อตสปิริตทัช
“บางทีเจ้าแมลงอาจจะเหนื่อยล้าอยู่ก่อนแล้ว และนั่นเป็นเหตุผลที่มันหยุดหลังจากที่ลอกเปลือก 7 ชั้น” ยวิ๋นซู่อีพูดด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย
ศิษย์ของปราสาทนภาเห็นด้วย พวกเขาต่างก็คลางแคลงใจในความเที่ยงตรงของก็อตสปิริตทัช
ปี้ซีหันไปมองเอ็กซ์ควิสิท เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและยื่นนิ้วไปแตะหัวของก็อตสปิริตทัช ก็อตสปิริตทัชสวมชั้นเปลือกของมันกลับไปเหมือนเดิม หลังจากนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็ป้อนเลือดของตัวเองให้กับก็อตสปิริตทัช ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้อง เจ้าแมลงก็เริ่มจะลอกเปลือกของมันอีกครั้ง มันลอกเปลือกทั้งหมด 9 ชั้น
“ถ้าพวกเจ้ายังไม่เชื่อพวกเรา พวกเจ้าก็ลองดูด้วยตัวเอง ยีนของเผ่านภานั้นถือว่าดีเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงส่วนใหญ่ พรสวรรค์ระดับ 5 เปลือกจะถูกพบได้มากที่สุด และมันไม่ยากจนเกินไปที่จะได้ระดับ 7 หรือ 8 เปลือก ระดับ 9 เปลือกนั้นถือว่าหาได้ยากมากๆ ในตอนนี้พวกเราได้ยืนยันเรียบร้อยแล้วว่าไผ่เดียวดายและอวี้ซ่านซินมีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก” ปี้ซีพูด
ศิษย์ของปราสาทนภายังคงไม่เชื่อ จู่ๆยวิ๋นซู่อีก็พูดขึ้นมา “มันเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าแมลงตัวนี้แม่นยำหรือไม่”
“ได้โปรดชี้แนะพวกเรา” ปี้ซีพูดขณะที่มองไปที่ยวิ๋นซู่อี
ศิษย์ของปราสาทนภาทั้งหมดก็มองไปที่ยวิ๋นซู่อีเช่นกัน ยวิ๋นซู่อีมองไปที่ปี้ซีและพูดอย่างมั่นใจ
“เจ้าบอกว่าไผ่เดียวดายมีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือกอย่างนั้นใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” ปี้ซีตอบ
“ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องง่าย” ยวิ๋นซู่อีพูดพร้อมกับหัวเราะ เธอมองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ
“ถ้าไผ่เดียวดายมีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก อาจารย์หานที่มีความสามารถทัดเทียมกับไผ่เดียวดายก็คงจะมีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือกเช่นเดียวกัน เจ้าไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรอ?”
“ใช่ๆ อาจารย์หานและไผ่เดียวดายมีพรสวรรค์ทัดเทียมกัน บางทีพวกเราควรจะให้อาจารย์หานลองทดสอบดู” ศิษย์ของปราสาทนภาเห็นด้วย
ชื่อเสียงของหานเซิ่นในปราสาทนภานั้นไม่ได้น้อยไปกว่าไผ่เดียวดาย และสิ่งที่เขาทำภายนอกปราสาทนภานั้นก็เหนือความคาดหมายของทุกๆคน เขาสามารถเอาชนะเหมิงเลี่ยของเอ็กซ์ตรีมคิงได้ ถ้าแมลงตัวนี้บอกว่าหานเซิ่นไม่มีพรสวรรค์ พวกเขาก็จะไม่เชื่อในความแม่นยำของมัน
“บางทีอาจจะไม่” ปี้ซีมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“ยีนของคริสตัลไลเซอร์นั้นมีข้อบกพร่องอยู่ พวกเขาแค่ก้าวหน้าโดยใช้สติปัญญาเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ก้าวข้ามเผ่าพันธุ์อื่นในด้านไหนๆ คนส่วนใหญ่ในเผ่าคริสตัลไลเซอร์เป็นแบบนั้น แม้แต่คนที่กลายพันธุ์ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมากนัก พวกเขาจะทำให้ก็อตสปิริตทัชลอกเปลือกได้แค่ 1 ถึง 2 เปลือกเท่านั้น การจะทำให้มันลอกได้เพิ่ม 3 เปลือกก็จะถือเป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆแล้ว”
“การทำให้มันลอกเปลือกเพิ่ม 3 เปลือกถือเป็นอะไรที่เยี่ยม ถ้าคริสตัลไลเซอร์ปกติมีพรสวรรค์ระดับ 6 เปลือก แบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่อาจารย์หานจะมีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก” ยวิ๋นซู่อีพูด
“เผ่านภาเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง คนปกติของเผ่านภาจะมีพรสวรรค์ระดับ 5 เปลือก แต่คริสตัลไลเซอร์นั้นไม่ใช่เผ่าพันธุ์ชั้นสูง คริสตัลไลเซอร์ปกติจะมีพรสวรรค์ระดับ 2-3 เปลือกเท่านั้น เผ่าพันธุ์ของพวกเราเคยพบคริสตัลไลเซอร์หลายคนและทำการทดสอบพวกเขาด้วยก็อตสปิริตทัช พรสวรรค์ระดับ 4 เปลือกนั้นถือว่าหาได้ยากมากๆ และข้าไม่เคยเห็นคริสตัลไลเซอร์คนไหนที่มีพรสวรรค์ระดับ 5 เปลือก” ปี้ซีพูด
“ถ้าอาจารย์หานทำการทดสอบและไม่ถูกแสดงว่ามีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก นั่นก็พิสูจน์ว่าก็อตสปิริตทัชนั้นไม่แม่นยำ”
“ใช่แล้ว ด้วยความสามารถของอาจารย์หาน ถ้าเขาไม่ได้รับพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก นั่นก็หมายความว่าการประเมินของแมลงตัวนี้ไม่ถูกต้อง”
“ใช่ ใช่ ถ้าอาจารย์หานไม่ได้มีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก แบบนั้นการทดลองก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”
ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนตื่นเต้นขึ้นมา พวกเขาบางคนไม่ได้สงสัยในความแม่นยำของก็อตสปิริตทัช แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไผ่เดียวดาย ปี้ซีทำให้พวกเขาโกรธ ศิษย์ของปราสาทนภาจึงไม่ชอบใจปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิท นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาตื่นเต้น
“ข้าบอกพวกเจ้าไม่ได้ว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่ พวกเราจะได้เห็นมันหลังจากทดสอบ” ปี้ซียังคงไร้ความรู้สึก มันเหมือนกับว่าใบหน้าของเขากำลังสวมหน้ากากที่ไม่เคยขยับเขยื้อน
หานเซิ่นไม่อยากจะเข้าร่วมการทดสอบ เพราะมันไม่ใช่ธุระอะไรของเขา แต่ศิษย์ของปราสาทนภาต่างก็ขอร้องเขา ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเดินไปข้างๆปี้ซี
ปี้ซีไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแตะหัวของก็อตสปิริตทัชเพื่อให้มันเก็บเปลือกทั้งหมดกลับไป หลังจากนั้นเขาก็บอกหานเซิ่น “มันพร้อมแล้ว”
‘ยีนของมนุษย์นั้นไม่เสถียร แม้แต่กลาสเซสของคริสตัลไลเซอร์ก็ยังบอกอะไรไม่ได้ ก็อตสปิริตทัชนี้จะทำได้ไหมนะ?’
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็หยดเลือดให้กับก็อตสปิริตทัช
ก็อตสปิริตทัชดื่มเลือดของหานเซิ่นเข้าไปในท้องของมัน
ศิษย์ของปราสาทนภาจับจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัชอย่างตั้งใจ ปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิทก็มองไปที่ก็อตสปิริตทัชเช่นกัน พวกเขาอยากจะเห็นว่าหานเซิ่นมีพรสวรรค์ระดับกี่เปลือก
ภายใต้สายตาของทุกคน ร่างกายของก็อตสปิริตทัชก็เริ่มสั่นไหวขณะที่ประมวลผลเลือดที่มันดื่มเข้าไป