เอ็กซ์ควิสิทและปี้ซีตกตะลึง พรสวรรค์ระดับสิบเปลือกเป็นระดับสูงที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจีโน ถึงแม้ตำนานจะกล่าวว่าพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกนั้นมีอยู่จริง แต่นั่นก็เป็นบางสิ่งสำหรับสิ่งมีชีวิตที่เป็นตำนานเท่านั้น
ทุกคนรู้ว่าอัลฟ่าของเวรี่ไฮ ราชาของแอนเชี่ยนท์ก็อตและผู้นำของเซเคร็ดคือบุคคลในตำนาน พวกเขาตีฝ่าจีโนฮอลล์และกลายเป็นตำนานที่ถูกรู้จักจนถึงทุกวันนี้ มันยังมีคนอื่นอีกมายมายที่กลายเป็นตำนานที่สืบทอดผ่านประวัติศาสตร์ของจักรวาลจีโน
แต่ตำนานก็เป็นแค่ตำนาน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเคยถูกทดสอบโดยก็อตสปิริตทัชหรือไม่ แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทและปี้ซีที่กำเนิดในเผ่าเวรี่ไฮก็ยังไม่เคยได้เห็นพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกมาก่อน
แต่ตอนนี้ก็อสปิริตทัชยังคงเคลื่อนไหว ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะลอกเปลือกชั้นที่ 11
“คริสตัลไลเซอร์คนนี้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับอัลฟ่าของเวรี่ไฮ ราชาของแอนเชี่ยนท์ก็อตและผู้นำของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทตกตะลึง แม้คนที่ไร้ซึ่งความรู้สึกอย่างเธอก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง เธอจ้องไปที่หานเซิ่นและก็อตสปิริตทัชที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ศิษย์ของปราสาทนภาเงียบไปเช่นกัน พวกเขาคิดว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เมื่อครู่นี้พวกเขากำลังเย้นหยันเอ็กซ์ควิสิทและปี้ซีอยู่เลย แต่ตอนนี้พวกเขาเองก็คิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอะไรที่เวอร์เกินไปหน่อย
ทุกคนต่างก็ยอมรับว่าเผ่าเวรี่ไฮคือเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลจีโน พรสวรรค์ของพวกเขานั้นเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ทั้งปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิทต่างก็มีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก แต่ตอนนี้หานเซิ่นได้รับ 10 เปลือกแล้ว และกระบวนการก็ยังไม่จบลง
“พรสวรรค์ของอาจารย์หานจะไม่มากเกินไปหน่อยหรอ” ศิษย์ของปราสาทนภาตกตะลึง
ศิษย์ของปราสาทนภารู้มาโดยตลอดว่าหานเซิ่นเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูง แต่มันน่าตกใจเกินไปที่พรสวรรค์ของเขาอาจจะเหนือกว่าเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาเกือบจะไม่เชื่อมัน
เพราะยังไงซะคริสตัลไลเซอร์ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่โดดเด่นในด้านเทคโนโลยี ส่วนยีนของพวกเขาเป็นที่รู้กันว่าเป็นอะไรที่แย่ นี่คือจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของพวกเขา แต่ตอนนี้มันกลับเหนือกว่าเผ่าเวรี่ไฮ ภายใต้สายตาของทุกคนในที่ประชุม ด้วงเต่าที่มีขนาดพอๆกับเล็บมือยังคงสั่วไหว ร่างกายของมันบูดบี้และบิดเบี้ยวด้วยปากที่เปิดออก หลังจากนั้นแมลงที่ตัวเล็กกว่าก็คลานออกมา
แมลงที่ออกมามีขนาดเท่าเม็ดข้าว มันมีรูปร่างเป็นวงรีและดูไม่เหมือนกับก็อตสปิริตทัชอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้เมื่อไหร่ก็ตามที่มันสลัดเปลือกทั้งสิบชั้นก่อนหน้าออกไป มันจะยังคงดูเหมือนกับด้วงเต่า แต่สิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเม็ดข้าวนี้ดูเหมือนกับตัวไหม มันดูน่ารักและค่อนข้างอ้วน
ทุกคนมองไปที่แมลงด้วยความตกใจ แม้แต่ปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิทก็ดูตกตะลึง พวกเขาเป็นเจ้าของก็อตสปิริตทัช แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็นก็อตสปิริตทัชเป็นแบบนี้
“นี่เขามีพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกจริงๆอย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทมองไปที่หานเซิ่นและก็อตสปิริตทัชด้วยสายตาแปลกๆ
หานเซิ่นมองก็อตสปิริตทัชที่อยู่บนโต๊ะ เขาคิดกับตัวเอง
‘แปลกจริงๆ ในตอนที่กลาสเซสวิเคราะห์ยีนของเรา มันบอกว่ายีนของเราไม่เสถียร แต่เจ้าแมลงตัวนี้ลอกเปลือกของมันชั้นแล้วชั้นเล่าได้ยังไงกัน? ถ้าเอ็กซ์ควิสิทและปี้ซีพูดถูกต้องเกี่ยวกับความแม่นยำของมัน นั่นก็หมายความว่าพรสวรรค์ของเราสุดยอดมากๆ’
แต่หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกว่าพรสวรรค์ของตัวเองดีเด่นอะไร อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เขารู้สึกในตอนที่ฝึกเรื่องราวของยีน เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาฝึกมัน เขาก็จะรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากการจะเพิ่มระดับมันนั้นขึ้นอยู่กับทรัพยากรล้วนๆ
ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิด ก็อตสปิริตทัชก็เริ่มเคลื่อนไหว มันสั่นรัวขณะที่เคลื่อนที่ไปทางหานเซิ่น
ปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิทแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็อตสปิริตทัชนั้นเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคของปี้ซี ถึงแม้มันจะเป็นระดับครึ่งเทพ แต่มันก็ไม่สามารถต่อสู้ได้ เนื่องจากความจริงที่มันอ่อนไหวต่อยีนในเลือดของสิ่งมีชีวิต ทำให้มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่หาได้ยากมากๆ
โดยปกติแล้วเวรี่ไฮที่พบก็อตสปิริตทัชจะพยายามจับตัวมันมาครอบครองด้วยวิชาลับ ก็อตสปิริตทัชนั้นจะภักดีจนกระทั่งเจ้านายของมันเสียชีวิต หลังจากนั้นมันถึงจะพยายามหาเจ้านายคนใหม่
ด้วยเหตุนั้นถ้าปี้ซีไม่ได้ออกคำสั่ง ก็อตสปิริตทัชก็จะไม่เคลื่อนไหว แต่ตอนนี้ปี้ซียังไม่ได้ออกคำสั่งอะไร แต่เจ้าตัวน้อยก็เริ่มเคลื่อนตัวไปทางหานเซิ่น นี่ทำให้ปี้ซีรู้สึกตกใจ
ปี้ซีพยายามจะเรียกก็อตสปิริตทัชกลับไป แต่มันเพิกเฉยต่อคำสั่งของเขา มันยังคงคลานไปหาหานเซิ่นและนั่นทำให้ปี้ซีตกใจยิ่งกว่าเดิม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ปี้ซีดูตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขามองหานเซิ่นและก็อตสปิริตทัชด้วยสีหน้ามึนงง
ก็อตสปิริตทัชเป็นซีโน่เจเนอิคระดับครึ่งเทพ แต่พลังของมันไม่ได้เหมือนซีโน่เจเนอิคทั่วๆไป มันไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ร่างกายของมันมีความแข็งแรงระดับครึ่งเทพ แต่มันไม่มีพลังโจมตี
หานเซิ่นเห็นมันคลานมาถึงขอบโต๊ะ หลังจากนั้นมันก็ร่วงลงไป หานเซิ่นเอื้อมมือออกไปรับเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเอาไว้
ในจังหวะที่หานเซิ่นสัมผัสก็อตสปิริตทัช เขาก็รู้สึกได้ถึงความต้องการของมัน
มันไม่ใช่ภาษา แต่เป็นความรู้สึกปรารถนาที่เอ่อล้น หานเซิ่นเข้าใจว่ามันกำลังขอร้องเขา
“ข้าขอร้องเจ้า…ช่วยข้าวิวัฒนาการ…” นั่นคือสิ่งที่มันต้องการจะบอกหานเซิ่น จิตใจของเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเต็มไปด้วยการร้องขอจากใจจริง
“ข้าจะช่วยเจ้าวิวัฒนาการได้ยังไง? เจ้าต้องการเลือดของข้าเพิ่มอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย เขาไม่รู้ว่าจะช่วยก็อตสปิริตทัชได้ยังไง
“ข้าขอร้องเจ้า…ช่วยข้าวิวัฒนาการ…” ก็อตสปิริตทัชส่งข้อความนี้ให้กับเขาซ้ำๆ
‘ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยนี้จะไม่ฉลาด’ หานเซิ่นคิด
แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามันอาจจะไม่ได้ต้องการเลือด มันยังคงมีเลือดเหลืออยู่ที่ปลายนิ้วของเขา แต่ก็อตสปิริตทัชไม่ได้สนใจ มันยังคงส่งข้อความขอร้องเขาซ้ำๆ
‘ถ้ามันไม่ได้ต้องการเลือด อย่างนั้นหนทางเดียวที่เราจะช่วยมันได้ก็คือวิชาโลหิตชีพจร แต่ร่างกายของเรายังไม่ฟื้นตัว เราไม่มีพลังงานมากนัก ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หานเซิ่นลองใช้วิชาโลหิตชีพจร เขาทำให้ฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองเชื่อมต่อกับฟันเฟืองของก็อตสปิริตทัช หลังจากนั้นเขาก็หมุนพวกมัน
ในตอนที่หานเซิ่นใช้วิชาโลหิตชีพจรกับคนอื่น มันเป็นอะไรที่ยากลำบาก ในตอนที่เขาใช้มันกับเลอตู้ บาร์ กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ หานเซิ่นต้องใช้กำลังทั้งหมดเพื่อผลักดันฟันเฟืองของพวกเขา
แต่ครั้งนี้หานเซิ่นใช้พลังเพียงแค่นิดเดียวเพื่อหมุนฟันเฟืองจักรวาลของก็อตสปิริตทัช และมันก็หมุนอย่างรวดเร็ว