ตอนที่ 2607 เครือญาติเวรี่ไฮ
เมื่อหานเซิ่นกลับมาที่เกาะหยก เขาก็พบว่ากระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นมาหาเขา
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ผู้นำของปราสาทนภาได้สั่งห้ามไม่ให้ศิษย์คนไหนของปราสาทนภาเข้าใกล้เกาะหยกน้อย ถ้าเพื่อนของเขาทั้ง 3 คนถูกปล่อยให้เข้ามาแบบนี้ มันก็หมายความว่าพวกเขาต้องได้รับอนุญาตจากผู้นำของปราสาทนภา
เป็นอย่างที่หานเซิ่นคิด พวกเขานำข่าวดีและข่าวร้ายมาแจ้งให้หานเซิ่นทราบ ข่าวดีคือไผ่เดียวดายกำลังจะถูกปล่อยตัว ส่วนข่าวร้ายคือเรื่องที่หานเซิ่นถูกเลือกโดยเอ็กซ์ควิสิทของเผ่าเวรี่ไฮ นั่นทำให้ไผ่เดียวดายไม่จำเป็นต้องไปที่เผ่าเวรี่ไฮอีกแล้ว แต่หานเซิ่นต้องไปที่เผ่าเวรี่ไฮแทน
“ผู้นำของปราสาทนภาต้องการให้พวกเรามาบอกเจ้าในเรื่องนี้”
ยวิ๋นซู่ซางพูด “ถ้าเจ้าไม่อยากจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ พวกเราก็จะหาหนทางที่จะให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ ถ้าเจ้าไม่อยากไป เจ้าก็ไม่จำเป็นฝืนตัวเอง”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เขาไม่อยากจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ไม่ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจะดีสักแค่ไหน เขามีความลับเยอะเกินไป ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยให้เอ็กซ์ควิสิทตรวจดูทุกความคิดของเขาได้ เขากลัวว่าความลับจะรั่วไหล
“ผู้นำของปราสาทนภาต้องการให้เจ้าไปพบเขา มันมีบางสิ่งที่เขาจำเป็นต้องพูดกับเจ้าตัวต่อตัว” กระเรียนพันขนพูด
หานเซิ่นพยักหน้า เขาตามกระเรียนพันขนไปพบกับผู้นำของปราสาทนภา ผู้นำของปราสาทนภาไม่ได้ขอพบกับหานเซิ่นในห้องโถง พวกเขาพบกันภายในสวน
กระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นต้องรอคอยอยู่ด้านนอก พวกเขาไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเดินเข้าไปในสวนตามลำพัง เขาพบผู้นำของปราสาทนภากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในศาลา เขากำลังมองไปที่สระน้ำที่อยู่ใกล้ๆ
“นั่งลง นี่ไม่ใช่ห้องทำงาน และวันนี้ข้าไม่ได้พูดกับเจ้าในฐานะผู้นำของปราสาทนภา เจ้าเป็นศิษย์ของอี๋ซาและข้าเป็นอาจารย์ของนาง ดังนั้นข้าก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนกับลูกศิษย์ของจข้าเช่นกัน” ผู้นำของปราสาทนภาชี้ไปที่ที่นั่งใกล้กับเขา
หานเซิ่นนั่งลงและทำตัวให้สบาย เขาถามขึ้นมา “ท่านต้องการพูดกับข้าเรื่องของเผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นใช่ไหม?”
ผู้นำของปราสาทนภาไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้ เขาพยักหน้า
“ท่านอยากให้ข้าไปหรือไม่?” หานเซิ่นถาม
ผู้นำของปราสาทนภาไม่ตอบ เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบและพูด
“พวกเราได้ทำข้อตกลงกับเผ่าเวรี่ไฮ พวกเราปฏิเสธพวกเขาไม่ได้ ใครก็ตามที่พวกเขาเลือกจะต้องรับใช้พวกเขาเป็นเวลา 4 ปี ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของปราสาทนภา ศิษย์ของปราสาทนภามากมายได้ไปที่เผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาส่วนใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัย พร้อมกับผลประโยชน์มากมายและกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่ถ้าข้ามีกำลังที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของปราสาทนภาคนไหนถูกพาตัวไปที่เผ่าเวรี่ไฮ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ผู้นำของปราสาทนภาก็พูดต่อ “ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะได้ยินเกี่ยวกับเผ่าเวรี่ไฮมาจากไผ่เดียวดายแล้ว ข้าจะไม่โกหกเจ้า เนื่องจากศิษย์ของพวกเขามากมายถูกพาตัวไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ปราสาทนภาจึงไม่มีความลับอะไรต่อเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขารู้แม้กระทั่งวิชาลับของพวกเราอย่างตำราไร้อักษร”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านไม่ปฏิเสธคำขอของพวกเขา?” หานเซิ่นถาม เขารู้ว่ามันต้องมีเหตุผลอยู่ และเขาก็อยากจะรู้ว่ามันคืออะไร
ผู้นำของปราสาทนภาถอนหายใจและพูด “เจ้าสังเกตเห็นสินะว่าเผ่านภาดูเหมือนกับเผ่าเวรี่ไฮ?”
“ท่านจะบอกว่า…” หานเซิ่นขมวดคิ้ว มันเหมือนกับว่าเขารู้สึกตัวถึงบางสิ่ง แต่เขายังคงไม่เข้าใจ
“เผ่านภาและเผ่าเวรี่ไฮเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันในอดีตกาล แต่มันมีพี่น้องที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน” ผู้นำของปราสาทนภาอธิบาย
“พวกเขาแยกตัวกันไป และลูกหลานของพวกเขาก็กลายเป็นเผ่านภาและเผ่าเวรี่ไฮ ตำราไร้อักษรและเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นคล้ายคลึงกันก็เพราะแบบนี้”
หานเซิ่นคิดว่าหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทเป็นเผ่านภาในตอนแรก เขาคิดไปว่านั่นเป็นเพราะเผ่าเวรี่ไฮมีวิชาที่เหมือนกับเผ่าจิ้งจอก ทำให้พวกเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองได้
ตอนนี้เขาได้รู้ความจริงว่าในทางปฏิบัติแล้ว หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทสามารถเรียกได้ว่าเป็นเผ่านภา
ผู้นำของปราสาทนภาพูดต่อ “เนื่องจากพวกเขามี 3 ตาและพวกเขาก็ทรงพลังมากๆ เผ่าเวรี่ไฮจึงเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอดีตกาล ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับในตอนนี้ แต่พวกเขาก็เดินทางระหว่างระบบจักรวาลได้ เมื่อก่อนนั้นมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ”
“แต่อัตราการเกิดของเผ่าเวรี่ไฮนั้นต่ำมากๆ ลูกหลานของพวกเขาที่เกิดมามีจำนวนน้อย ทำให้เผ่าพันธุ์ขยายไปมากกว่านั้นไม่ได้ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็มีกันอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน ต่อมาวันหนึ่งแฝด 3 ก็กำเนิดขึ้นมา และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น 3 พี่น้องมีพรสวรรค์มากๆ และพวกเขาก็กลายเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนเผ่าเวรี่ไฮ เผ่าเวรี่ไฮกลายเป็นผู้นำของทุกเผ่าพันธุ์ พวกเขาควบคุมทั้งจักรวาล”
“แต่ทว่าอัตราการเกิดยังคงเป็นปัญหาสำหรับเผ่าเวรี่ไฮ ถึงแม้พวกเขาจะมีระบบจักรวาลมากมายในครอบครอง แต่พวกเขาก็มีกันแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น พวกเขามีกำลังมากกว่ากลุ่มอื่นๆในจักรวาล แต่เพียงแค่จะปกครองระบบจักรวาลไม่กี่ระบบก็เป็นเรื่องยากแล้ว นั่นเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่าง 3 พี่น้อง”
“พี่คนรองต้องการจะสืบพันธุ์ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นเพื่อเพิ่มประชากร ส่วนพี่คนโตต้องการรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือดเอาไว้ ส่วนคนน้องนั้นเป็นกลาง ทั้ง 3 คนเป็นคนที่ฉลาดมากๆ แต่ไม่มีใครที่จะโน้มน้าวกันและกันได้ ส่วนคนน้องก็คงความเป็นกลางและไม่เข้าไปยุ่งความความขัดแย้ง แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความขัดแย่งระหว่างพี่น้องก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ”
“พี่คนรองไม่ใช่ผู้นำของเผ่าพันธุ์ ดังนั้นเขาจึงทำในสิ่งที่ต้องการไม่ได้ เขาจึงรวบรวมผู้คนที่สนับสนุนเขาและจากไป พวกเขาสร้างเผ่าพันธุ์ที่เจ้ารู้จักในชื่อเผ่านภาขึ้นมา และทำให้พวกเรามีปราสาทนภาอย่างทุกวันนี้ สายเลือดผสมนั้นเพิ่มอัตราการเกิดของพวกเรา แต่มันก็ทำให้ยีนของเผ่านภาไม่เสถียร หลังจากเวลาหลายปี พรสวรรค์ในยีนของเผ่านภาก็ยังไม่ดีเหมือนอย่างของเผ่าเวรี่ไฮ แต่บางครั้งมันก็จะมีหนึ่งในเผ่านถาที่มีพรสวรรค์สูงกำเนิดขึ้นมา ยีนของพวกเขานั้นเหนือกว่าแม้แต่ของเผ่าเวรี่ไฮ”
ผู้นำของปราสาทนภาถอนหายใจและพูดต่อ “แต่ต้นกำเนิดของพวกเขายังคงอยู่ที่เผ่าเวรี่ไฮ สายเลือดของเผ่าเวรี่ไฮยังคงไหลในตัวของพวกเรา เมื่อเผ่านภาตกอยู่ในอันตราย เผ่าเวรี่ไฮก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอเพื่อรักษาความปลอดภัยของพวกเรา ด้วยเหตุนั้นผู้นำของปราสาทนภาจึงได้ทำข้อตกลงกับผู้นำของเผ่าเวรี่ไฮ มันไม่ใช่บางสิ่งที่พวกเราควรจะฝ่าฝืน การที่ปราสาทนภาปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากเผ่าเวรี่ไฮ พวกเราควรจะใช้คืนพวกเขา มันไม่ใช่อะไรที่มากเกินไป”
“ท่านจะบอกว่าข้าควรไปที่เผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
ผู้นำของปราสาทนภาส่ายหัว “เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับเจ้า ข้าแค่ต้องการบอกข้อดีข้อเสียกับเจ้า ถ้าเจ้าไป ข้าก็จะรับประกันความปลอดภัยของเจ้า ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น แถมมันยังมีสมบัติมากมายของเผ่าเวรี่ไฮที่จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า ถ้าเจ้าไปที่นั่นมันจะไม่ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปีในการรักษา เจ้าจะฟื้นตัวในเวลาอันสั้น แน่นอนว่าถ้าเจ้าไม่ไป มันก็ถือเป็นเรื่องดีต่อปราสาทนภาเช่นกัน เจ้าอยู่ที่นี่ในขณะที่ข้าจะรับมือกับทางเผ่าเวรี่ไฮ”
หานเซิ่นรู้สึกซาบซึ้ง เขารู้ว่าลึกๆแล้วผู้นำปราสาทนภาต้องการให้เขาไป แต่หานเซิ่นไม่อยากจะไป เขาจะไม่ปล่อยให้ใครได้รู้ความลับของเขา ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นหายนะต่อก็อตแซงชัวรี่และมนุษยชาติ