“เป่าเอ๋อ ทำไมหนูไม่ไปกับอา?” หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อขณะที่ยืนอยู่หน้าประตูนภา
เป่าเอ๋อพยักหน้า เธอจับมือของหานเหยียนและยิ้มออกมา “อา เป่าเอ๋อจะเดินไปเป็นเพื่อนอา”
แต่หลังจากนั้นหนึ่งในศิษย์ของปราสาทนภาที่เฝ้าประตูก็เข้ามาหยุดพวกเขาเอาไว้ เขาพูดกับหานเซิ่น
“อาจารย์หาน ท่านผู้นำสั่งเอาไว้ว่าน้องสาวของอาจารย์หานต้องข้ามถนนนภาตามลำพัง เป่าเอ๋อข้ามไปด้วยไม่ได้”
หานเซิ่นผิดหวังกับเรื่องนั้น แต่เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้นำปราสาทนภาได้ ดังนั้นเป่าเอ๋อจึงต้องกลับมาข้างกายเขา
ผู้นำปราสาทนภาที่กำลังดื่มชาอยู่พึมพำกับตัวเอง
“ถ้าน้ำเต้าสั่นไหวอีกครั้ง มันจะลดลมปราณศักดิ์สิทธิ์ภายในเถาวัลย์ ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก เถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะแห้งตาย”
ผู้นำปราสาทนภาเป็นห่วงเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ พืชนั่นเป็นรากฐานของปราสาทนภา ถ้าเป่าเอ๋อได้รับอนุญาตให้ข้ามถนนนภาทุกครั้งที่หานเซิ่นนำคนมาที่ปราสาทนภา พลังของเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะหายไปจนหมด ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเถาวัลย์น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะแห้งตายไปจริงๆ
ครั้งก่อนที่เป่าเอ๋อข้ามถนนนภา เธอได้รับการอวยพรจากน้ำเต้ามากพอสำหรับคนเป็นหมื่นคน พวกมันเสียพลังไปมากในวันนั้นและปราสาทนภาก็ไม่สามารถสูญเสียแบบนั้นอีกครั้งได้
นอกจากนั้นปราสาทนภายังมีกฎที่ให้ข้ามถนนนภาได้แค่ทีละคน ครั้งก่อนที่เป่าเอ๋อได้รับอนุญาตให้ข้ามพร้อมกับหานเซิ่นก็เป็นเพราะเธอยังเด็ก แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์สูญเสียพลังไปมาก ผู้นำปราสาทนภาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
เอ็กซ์ควิสิทมองดูถนนนภาจากระยะไกล เธออยากรู้ว่าน้องสาวทางสายเลือดของหานเซิ่นจะมีพรสวรรค์แค่ไหน บางทีนั่นอาจจะทำให้เธอได้รู้เกี่ยวกับระดับพรสวรรค์ที่แท้จริงของหานเซิ่นมากขึ้นกว่าเดิม
พรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป มันยากจะเชื่อได้ว่านั่นเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
“พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” จุดประสงค์ในชีวิตของหานเหยียนก็คือไล่ตามหานเซิ่นให้ทัน เธอดูมั่นใจในเรื่องนี้
“ไม่ต้องฝืนตัวเอง แค่ข้ามไปก็พอ” หานเซิ่นไม่อยากให้หานเหยียนก่อเรื่องใหญ่ขึ้นในตอนที่เธอข้ามถนนนภา เขาเชื่อว่าการสร้างชื่อให้กับตัวเองนั้นไม่เคยเป็นเรื่องดี
ถึงการเดินข้ามถนนนภาไม่ได้เป็นอะไรที่เสี่ยง แต่ในตอนที่เธอขึ้นบันไดไปสู่ปราสาทนภา โอกาสที่จะสร้างความประทับใจต่อคนอื่นก็จะปรากฏขึ้นมา ถ้าหานเหยียนทำได้เป็นอย่างดีที่นั่น เธอก็ต้องลืมชีวิตที่เงียบสงบไปได้เลย
หานเหยียนไม่รู้ว่าหานเซิ่นหมายถึงอะไร เธอคิดว่าเขาพูดแบบนั้นก็เพื่อบรรเทาความกดดันของเธอ
“ศิษย์น้องหาน เจ้าแค่เดินไปอย่างสบายๆ นี่เป็นแค่ทางข้ามสั้นๆ”
ยวิ๋นซู่อีพูดให้หานเหยียนสบายใจ เธอไม่อยากให้หานเหยียนรู้สึกประหม่า
“ขอบคุณศิษย์พี่ยวิ๋น” หานเหยียนเริ่มเดินออกไป คนปราสาทนภาต่างก็พากันมาดูเธอเดินข้ามถนนนภาแคบๆ
หานเหยียนรู้ว่าการข้ามถนนนภาอาจจะกระตุ้นให้น้ำเต้าปลดปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา ดังนั้นเมื่อเธอก้าวไปบนเถาวัลย์ เธอก็จ้องมองลงไปที่น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์
น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์นั้นมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก พวกมันน่ารักในแบบของตัวเอง แต่พวกมันไม่มีวี่แววที่จะปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
“ศิษย์พี่ยวิ๋นบอกว่าในตอนที่พี่หานเดินบนถนนนภา เขาก็ไม่ได้รับพรจากลมปราณศักดิ์สิทธิ์ แต่พี่ทำให้น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสั่นไหว ทำไมมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะที่เราเดิมข้ามไป?” หานเหยียนขมวดคิ้ว
เธอเดินหน้าต่อไป และน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่แม้แต่จะสั่นไหว
“แน่นอนว่าถ้าไม่มีเป่าเอ๋อจอมซนคนนั้น คริสตัลไลเซอร์ก็ไม่ควรจะกระตุ้นการสั่นไหวของน้ำเต้านับพันได้”
หานเหยียนเดินข้ามไปครึ่งทางแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีน้ำเต้าไหนที่เคลื่อนไหว ผู้นำปราสาทนภายกถ้วนชาขึ้นมาจิบอย่างรื่นรมย์ เขาดูชอบใจ
“น้องสาวของอาจารย์หานดูเหมือนจะไม่มีพรสวรรค์ที่พิเศษอะไร มันยังไม่มีน้ำเต้าแม้แต่ลูกเดียวที่อวยพรให้กับนางด้วยลมปราณศักดิ์สิทธิ์”
“ในโลกนี้มีคนชื่อหานแค่คนเดียวที่รู้จักในฐานะบิดาของเทพ ไม่ใช่คนชื่อหานของเผ่าคริสตัลไลเซอร์ทุกคนจะได้รับสมญานามแบบนั้น”
“น่าเสียดายที่เป่าเอ๋อถูกห้าม ถ้านางข้ามมาด้วย น้ำเต้านับพันก็อาจจะสั่นไหวให้กับหานเหยียน”
ยวิ๋นฉางคงผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นหานเหยียนมาก่อน แต่เขาตกลงจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ เขาทำการตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะเธอเป็นน้องสาวของหานเซิ่น และยวิ๋นซู่อีก็ได้ขอกับเขาหลายครั้ง
ยวิ๋นฉางคงไม่ได้คาดหวังให้หานเหยียนยอดเยี่ยมเหมือนอย่างพี่ชายของเธอ แต่เนื่องจากเธอเป็นน้องสาวจริงๆของหานเซิ่น เขาจึงคาดหวังเอาไว้สูง
ถึงแม้น้ำเต้านับพันจะไม่สั่นไหวเหมือนอย่างหานเซิ่น แต่อย่างน้อยเธอก็ควรจะได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์บ้าง
แต่ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าจะไม่น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ไหนมอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเธอ
“ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะชื่อหาน แต่นี่ไม่ใช่หานเซิ่น เจ้าผิดหวังอย่างนั้นหรออาวุโสยวิ๋น?” ผู้อาวุโสหกยิ้มให้กับยวิ๋นฉางคง ยวิ๋นฉางคงรับคนนอกคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งจะรับคนนอกเป็นลูกศิษย์
ผู้คนในปราสาทนภาหลายคนซุบซิบกันว่ายวิ๋นฉางคงพยายามจะเอาใจหานเซิ่น มันจะสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของผู้นำปราสาทนภาไปด้วย ด้วยเหตุนั้นหลายคนจึงไม่พอใจกับสิ่งที่ยวิ๋นฉางคงทำ
แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผลที่ผู้อาวุโสคนอื่นจะรู้สึกแบบนี้ ผู้อาวุโสในปราสาทนภาหลายคนต่างก็อยากจะสร้างความสัมพันธ์กับหานเซิ่น แต่ไม่มีใครที่ใกล้ชิดกับหานเซิ่นเหมือนอย่างตระกูลยวิ๋น เมื่อพวกเขาได้ยินว่ายวิ๋นฉางคงจะแย่งตัวหานเหยียนไปเป็นลูกศิษย์ พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจกับข่าวนั่น
แค่พลังในการอวยพรของหานเซิ่นเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนมากมายอยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ผู้อาวุโสทุกคนต้องการลูกศิษย์ที่ดี และถ้าพวกเขามีลูกศิษย์ระดับเทพเจ้าสักคน ชื่อเสียงของพวกเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ปราสาทนภามียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอยู่เท่าไหร่กันเชียว? และกี่คนที่กลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟในอนาคต? เพียงแค่ระดับนั้นก็มากพอที่จะทำให้ใครคนหนึ่งมีชื่อเสียง
เอ็กซ์ควิสิทมองดูหานเหยียนเดินข้ามถนนนภาไปโดยที่น้ำเต้าสักลูกเคลื่อนไหว นี่ทำให้เธอผิดหวังอย่างมาก
เอ็กซ์ควิสิทรู้ว่าคนที่มีพรสวรรค์ระดับ 8 เปลือกหรือสูงกว่าจะได้รับลมปราณจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ธาตุเดียวกัน แต่หานเหยียนยังไม่ได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์ใดๆ นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ของเธอต่ำกว่าระดับ 8 เปลือก
ถ้าน้องสาวของหานเซิ่นมีพรสวรรค์ที่ธรรมดาๆ แบบนั้นมันก็ไม่สำคัญว่าพี่ชายของเธอจะกลายพันธุ์สักกี่ครั้ง มันก็ไม่มีทางที่เขาจะมีพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกไปได้
เมื่อเห็นว่าหานเหยียนข้ามถนนนภาไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น หานเซิ่นก็คิดว่าน่าเสียดายที่เป่าเอ๋อไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามไปพร้อมกับเธอ หานเหยียนไม่มีโอกาสจะดูดซับลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้านับพัน
แต่หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้ เพราะยังไงซะมันก็ไม่มีน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ลูกไหนมอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาเช่นกัน มันมีแค่ตอนที่เขาข้ามพร้อมกับเป่าเอ๋อในครั้งที่ 2 เท่านั้นที่เขาได้รับบางสิ่ง เธอเป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำเต้าทั้งหมดปลดปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขา
เขาจึงคาดคิดว่าน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์อาจจะไม่มอบอะไรให้กับหานเหยียนเช่นกัน
สีหน้าของหานเหยียนยังคงดูสงบนิ่ง เธอเดินไปจนถึงปลายทางของถนนนภาและเตรียมจะก้าวลงไปจากเถาวัลย์น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ แต่จู่ๆหานเหยียนก็หยุดเดิน เธอหันกลับมามองน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ข้าง