“เจ้าบอกได้ไหมว่าสิ่งของชิ้นไหนที่เป็นสมบัติจีโน?” หานเซิ่นถามเอ็กซ์ควิสิท
เอ็กซ์ควิสิทส่ายหัว “ไม่”
หานเซิ่นสังเกตทั่งตีเหล็กอีกสักพัก หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปบนถนนต่อ
“เจ้าคิดจะยอมแพ้ก่อนที่จะลองดูอย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทถามเมื่อเห็นหานเซิ่นเดินออกมา
“เดิมพันว่ามีผู้คนนับไม่ถ้วนจากปราสาทนภาที่พยายามจะเอาทั่งตีเหล็กนั่น ข้ายืนอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่ง แต่สายตาของช่างเหล็กนั้นไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ข้าจึงเลือกไปที่อื่นที่การต้อนรับดีกว่านี้” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปรอบๆ
ขณะที่หานเซิ่นเดินไปรอบๆเมือง ประชากรภายในเมืองก็มองมาที่เขาเช่นเดียวกัน เมืองไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักกันเป็นอย่างดี คนนอกที่เข้ามาจึงโดดเด่นเป็นพิเศษในที่แห่งนี้
ผู้คนในเมืองกำลังมองหานเซิ่นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร แต่หานเซิ่นเข้าใจทัศนคติของพวกเขา ในอดีตศิษย์ของปราสาทนภาคงจะเคยมาพยายามขโมยของของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าผู้คนในเมืองไม่ชื่นชอบการที่คนนอกเข้ามา
ที่ยวิ๋นฉางคงไม่ยอมบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเมืองราชาดำกับเขา นั่นคงจะเป็นเพราะศิษย์ของปราสาทนภาไปทำอะไรหลายอย่างภายในเมืองที่ไม่มีใครคนไหนภาคภูมิใจ
ผู้คนภายในเมืองนั้นไม่ชื่นชอบคนนอก แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้ามาหาเรื่องอะไร พวกเขาแค่จ้องมองหานเซิ่นด้วยสายตาที่เย็นชา มันเหมือนกับว่าพวกเขาเคยถูกเอาเปรียบมาก่อน
ศิษย์ของปราสาทนภาที่เข้ามาถูกจำกัดพลังภายในเมืองแห่งนี้ แต่พวกเขายังคงมีความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ ผู้คนที่นี่ไม่สามารถต่อต้านพละกำลังแบบนั้นได้
ถ้าไม่ใช่เพราะกฎของเมืองราชาดำ ศิษย์ของปราสาทนภาคนไหนก็สามารถถล่มทั้งเมืองด้วยกำปั้นของพวกเขา
“ไม่แปลกใจเลยที่ลุงฉินบอกว่าทุกวันนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะเอาบางสิ่งในเมืองราชาดำออกไป”
หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา เขาไม่เก่งเรื่องการพูดคุยและความสามารถในการสื่อสารกับคนอื่นของเขาก็ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับอะไรมากจากเมืองแห่งนี้
แถมตอนนี้เขาก็ไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ เขาพึ่งพาได้แค่สัญชาตญาณและสายตาของเขาเท่านั้น
หานเซิ่นลองเรียกวิญญาณอสูรออกมา แต่วิญญาณอสูรก็ถูกจำกัดเช่นเดียวกัน เขาไม่สามารถเรียกวิญญาณอสูรออกมาจากจิตได้
“เอ็กซ์ควิสิท เจ้ารู้ไหมว่าเผ่าพันธุ์ของผู้คนที่นี่คือเผ่าอะไร? ทำไมพวกเขาถึงได้ดูเหมือนกับคริสตัลไลเซอร์?” หานเซิ่นถามขึ้นมา
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เอ็กซ์ควิสิทก็พูด “นี่เป็นแค่รูปลักษณ์ของพวกเขา พวกเขาไม่ใช่คริสตัลไลเซอร์ที่แท้จริง จริงๆแล้วพวกเขาไม่เหมือนกับเผ่าพันธุ์ไหนในจักรวาลแห่งนี้ พวกเขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตของเมืองราชาดำ พวกเขาต้องใช้ทั้งชีวิตอยู่ภายในเมืองแห่งนี้”
“สิ่งมีชีวิตในเมืองอีกสี่เมืองเหมือนกับเมืองแห่งนี้หรือเปล่า?”
หลังจากที่หานเซิ่นถามไปแบบนั้น เขาก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา เขาเป็นคนของปราสาทนภา แต่เขากำลังถามคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องที่อาจจะเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเขา
เอ็กซ์ควิสิทดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามของหานเซิ่น เธอส่ายหัวและพูด “เมืองทั้งห้าแต่ละเมืองจะแตกต่างกันออกไป ประชากรของแต่ละเมืองจะมีลักษณะพิเศษและอุปนิสัยที่ไม่เหมือนกัน เมืองอื่นไม่ได้ปลอดภัยเหมือนอย่างเมืองราชาดำ แม้แต่ระดับเทพเจ้าก็อาจจะตายได้ถ้าโชคร้าย”
หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทเดินชมเมืองต่อไปเรื่อยๆ หญ้า ไม้ อิฐและหินชนวนของเมืองแห่งนี้นั้นเก่ามากๆ
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังเดินบนถนนในภาพยนตร์ย้อนยุค ทุกอย่างนั้นดูเหมือนกับสมบัติ แต่พวกมันไม่ใช่
‘มันแย่จริงๆเมื่อไม่มีความสามารถในการสัมผัสสิ่งต่างๆ’
หานเซิ่นถอนหายใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่ามีแว่นตาของคริสตัลไลเซอร์อยู่ เขาไม่รู้ว่าเทคโนโลยีของคริสตัลไลเซอร์จะใช้งานในเมืองแห่งนี้ได้ไหม ดังนั้นเขาจึงลองดู
หานเซิ่นนำแว่นตาขึ้นมาสวมและมองไปที่ผู้คนในเมือง ข้อมูลแล่นผ่านเลนส์ของแว่นตา
“ล็อคเป้าหมาย…วิเคราะห์ข้อมูล…” เสียงของกลาสเซสดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น ข้อมูลยังคงเคลื่อนผ่านเลนส์ของแว่นตา
“ทำไมเจ้าถึงสวมแว่นตา?” เอ็กซ์ควิสิทรู้สึกว่าหานเซิ่นกำลังทำอะไรแปลกๆ เธอมองไปที่แว่นตาของเขา
“ผู้คนไม่ชอบหน้าพวกเรา การสวมใส่แว่นตาเพื่อปกปิดใบหน้าอาจจะช่วยให้พวกเราขอสิ่งของจากพวกเขาได้” หานเซิ่นอธิบาย
เมื่อเอ็กซ์ควิสิทได้ยินหานเซิ่นพูดแบบนั้น เธอก็มองไปที่ผู้คนและพูด
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ใครก็ตามที่เอาสิ่งของออกไปจากที่นี่จะถูกตราหน้าว่าเป็นภัย และพวกเขาจะกลับเข้ามาไม่ได้อีก”
หานเซิ่นหัวเราและไม่ตอบ เขาเริ่มเดินต่อไป ไม่นานหลังจากนั้นผลการวิเคราะห์ของกลาสเซสก็แสดงออกมา
“เป้าหมาย: ยีนกลายพันธุ์ชนิดAT6 เพศชาย อายุยีน: 34 ปี”
“ระดับยีน: ไม่มี”
“ศักยภาพยีน: ไม่มี”
“ยีนกลายพันธุ์ชนิดAT6คืออะไร?” หานเซิ่นถามกลาสเซสด้วยความสงสัย
“ATบ่งชี้ว่ามันคือสิ่งมีชีวิต หมายเลขหกหมายความว่ามันคือสาขาที่หกของสิ่งมีชีวิต” กลาสเซศตอบ
“ATหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง
“ATคือAT” ปัญญาประดิษฐ์ของกลาสเซสมีสติปัญญาระดับเด็กหกขวบ มันไม่สามารถอธิบายให้หานเซิ่นฟังได้
“พวกมันเกี่ยวข้องกับคริสตัลไลเซอร์หรือไม่?” หานเซิ่นเปลี่ยนวิธีการถามของเขา
“ไม่” กลาสเซสตอบ
หานเซิ่นลองถามมันเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์อื่นที่ดูคล้ายคลึงกัน แต่กลาสเซสก็ตอบว่าไม่ทุกครั้ง
“ข้าดูได้ไหมว่ามันมีสิ่งมีชีวิตATไหนอยู่บ้าง?” หานเซิ่นถาม เขายังไม่คิดจะยอมแพ้
“ข้อมูลไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถตอบคำถามได้” กลาสเซสตอบ
ในเมื่อเขาไม่สามารถถามข้อมูลจากกลาสเซสได้ หานเซิ่นก็หันความสนใจกับไปที่ตัวเมือง
กลาสเซสสามารถใช้งานได้ แต่มันสแกนได้แค่สิ่งมีชีวิตเท่านั้น มันไม่สามารถสแกนสมบัติได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงต้องพึ่งตัวเอง
“ถ้าเจ้ายอมติดตามข้าไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ข้าบอกเจ้าได้ว่าสมบัติระดับเทพเจ้าอยู่ที่ไหนและจะเอามันมาได้ยังไง” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่พวกเขาทั้งคู่เดินวนไปรอบเมืองจนครบรอบ จนถึงตอนนี้หานเซิ่นยังคงมือเปล่า
“สมบัติระดับเทพเจ้าอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นรีบถาม
เอ็กซ์ควิสิทเคยถูกหลอกโดยหานเซิ่นมาครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ เธอจึงแค่มองเขาอย่างเงียบๆ
หานเซิ่นไม่สามารถหลอกให้เธอบอกข้อมูลเพิ่มเติมได้ ดังนั้นเขาจึงยักไหล่และพูด “อย่างน้อยๆเธอก็ควรจะบอกว่ามันเป็นสมบัติแบบไหน”
“เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ถ้าข้าบอกเจ้าไปว่ามันคืออะไร เจ้าจะหามันเจอ” เอ็กซ์ควิสิทกรอกตา
หานเซิ่นประหลาดใจ มันถือเป็นเรื่องยากที่เธอจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกแบบนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ” หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็ตัดสินใจกลับไปที่โรงตีเหล็ก
ปราสาทนภานั้นครองเมืองราชาดำมาเป็นเวลานานหลายปี ป่านนี้ของดีๆคงจะถูกเอาไปจนหมดแล้ว ถึงแม้มันจะมีของดีเหลืออยู่ แต่มันก็คงจะเป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะหามันเจอ จนถึงตอนนี้มีเพียงแค่ทั่งตีเหล็กเท่านั้นที่หานเซิ่นรู้สึกสนใจ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาจะพยายามเอามันไป