ผู้นำปราสาทนภาบอกว่าต้องใช้เวลาหลายวันก่อนที่การปิดผนึกแส้เหล็กเทพเสน่จะเสร็จสิ้น ดังนั้นหานเซิ่นจึงฝากอาวุธไว้กับผู้นำปราสาทนภา เขาไม่กลัวว่ามันจะขโมย และถึงจะขโมยไป หานเซิ่นก็ไม่รังเกียจ ตราบใดที่พลังของอาวุธไม่ส่งผลกระทบต่อเขา เขาก็ไม่รังเกียจที่แส้เหล็กจะถูกขโมยไป
‘ถ้าผนึกได้ เราจะขอให้ผู้นำปราสาทนภาช่วยผนึกดาบเขียวน้อยของหนิงเยวี่ยดีไหมนะ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
แต่สถานการณ์ของหนิงเยวี่ยนั้นแตกต่างไปจากหานเซิ่น หลังจากที่พลังของแส้เหล็กเทพเสน่หาถูกผนึก มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อพลังของหานเซิ่น
หานเซิ่นมีร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เขาสามารถลบล้างผลในทางลบออกไปจากตัวได้ เขาสามารถกำจัดหูและหางจิ้งจอกได้ แต่ร่างกายขั้นสุดยอดของหนิงเยวี่ยนั้นทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ เขาจะกลายเป็นผู้หญิงที่บอบบางและอ่อนแอไปตลอดการ
ดาบเขียวน้อยนั้นส่งผลกระทบต่อระดับพลัง หนิงเยวี่ยกลายเป็นคนขี้เกียจไปและถ้าไม่มีพลังของดาบเขียวน้อยนั่นอยู่ เธอก็อาจจะไม่วันเพิ่มระดับขึ้นอีก
เมื่อกลับไปที่เกาะหยกน้อย หานเซิ่นก็รออยู่เป็นเวลาหลายวัน แต่แส้เหล็กเทพเสน่หาก็ยังคงไม่กลับมา ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกค่อนข้างโล่งใจ
ในระหว่างที่รอให้แส้เหล็กเทพเสน่หาถูกผนึก หานเซิ่นไม่ได้ออกไปไหน เขาแค่รออยู่บนเกาะหยกน้อยไปเรื่อยๆ
ในวันที่สี่ ยามอารักขาปราสาทก็มาเรียกให้หานเซิ่นไปเข้าพบผู้นำปราสาทนภาที่สวน หานเซิ่นได้รับแส้เหล็กเทพเสน่หากลับคืนมา
แต่เมื่อหานเซิ่นได้เห็นอาวุธ เขาก็เห็นว่ามันมีชั้นสนิมปกคลุมอยู่ มันคงจะไม่มีใครเชื่อว่าแท่งโลหะขึ้นสนิมนี้เป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ชิ้นหนึ่ง
“การปิดผนึกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ถ้าไม่มีใครไปฝืนเปิดผนึก แส้เหล็กนี้ก็ควรจะไม่มีผลข้างเคียงต่อเจ้าอีก แต่เจ้าก็จะใช้พลังของมันไม่ได้อีกต่อไป” ผู้นำปราสาทนภาพูด
“ขอบคุณ ท่านผู้นำ!” หานเซิ่นกล่าวด้วยความดีใจ
“ข้าขอย้ำว่าเจ้าต้องใช้เวลา 3 วันของทุกเดือนเพื่อทำการสอน” ผู้นำปราสาทนภายิ้ม
หานเซิ่นออกจากสวนโดยไม่ได้พูดถึงดาบเขียวน้อยของหนิงเยวี่ย ถ้าผู้คนได้รู้ว่าหนิงเยวี่ยมีอาวุธเผ่าพันธุ์อยู่ สายตาที่โลภมากก็จะมองมาที่เธอ หนิงเยวี่ยไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านคนที่คิดจะมาเอาดาบเขียวน้อยไป ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงคิดว่าควรจะลืมความคิดนั่นไป
เมื่อกลับมาที่เกาะหยกน้อย หานเซิ่นก็ใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อหมุนฟันเฟืองจักรวาลและเข้าไปในคอร์แอเรียฮอลล์ ที่นั่นเขาใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อกำจัดหูและหางจิ้งจอกทิ้งไป
“อ้า นั่นรู้สึกดีขึ้นเยอะ” หานเซิ่นสัมผัสหัวและไม่ได้รู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ควรอยู่บนนั่น เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
เขาเข้ามาในคอร์แอเรียด้วยตัวตนของดอลลาร์ นี้เป็นครั้งแรกในปีนี้ที่เขาใช้ตัวตนของดอลลาร์เข้ามาในคอร์แอเรีย
หานเซิ่นมองไปรอบๆ แต่เขาไม่เห็นจระเข้น้อยหรือเตาหลอมทองแดง
“มันผ่านมาหนึ่งปีเต็มๆ พวกมันจะยังอยู่แถวๆนี้ไหมนะ”
ในช่วงที่หานเซิ่นได้รับผลกระทบจากแส้เหล็กเทพเสน่หา เขาไม่ต้องการเข้ามาในคอร์แอเรียด้วยฐานะดอลลาร์ เขากลัวว่าคนอื่นจะดูออกว่าเขาคือหานเซิ่น
หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเริ่มบินออกไป แต่หลังจากที่เขาบินไปได้ไม่นาน เขาก็เห็นหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทที่ติดตามเธอมา
“ดอลลาร์ เจ้าอยู่ที่นี่!” หลี่เคอเอ๋อดูประหลาดใจ เธอรีบเข้ามาข้างๆหานเซิ่น
เธอรอคอยมาหนึ่งปีเต็มๆเพื่อจะได้พบกับดอลลาร์อีกครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดสำหรับเธอ ถ้าเธอรู้ว่าต้องรอนานถึงขนาดนี้ เธอก็คงจะไม่มัวเสียเวลารอ
“นี่คงจะเป็นการพบกันแห่งโชคชะตาอีกหน มันยากจะเชื่อได้ว่าพวกเราจะบังเอิญมาพบกันอีกครั้งแบบนี้” หานเซิ่นพูด
“โชคชะตา? ข้ารอคอยเจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหนึ่งปี!” หลี่เคอเอ๋อกรอกตา
“อะไรนะ?” หานเซิ่นถามด้วยความประหลาดใจ
หลี่เคอเอ๋อลังเล แต่เธอก็ตัดสินใจได้แล้ว เธอไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปอีก ถ้าดอลลาร์จากไปอีกครั้ง เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน
“ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง ข้าเป็นคนของเผ่าเวรี่ไฮ พวกเรากำลังรับสมัครคน ข้าหวังว่าเจ้าจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮกับข้า พวกเราจะมอบวิชาจีโนและทรัพยากรเพื่อทำให้เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า เจ้าแค่ต้องทำงานให้กับข้าเป็นเวลาสี่ปีเท่านั้น” หลี่เคอเอ๋อพูดอย่างจริงจัง เธอต้องการทำให้แน่ใจว่าโอกาสนี้จะไม่หลุดมือไป
หานเซิ่นอึ้ง เขาไม่ได้รู้สึกตัวมาก่อนเลยว่าหลี่เคอเอ๋อเองก็ต้องการพาเขาไปที่เผ่าเวรี่ไฮเช่นเดียวกัน
“ต้องขอโทษด้วย แต่ข้ากลัวว่าจะต้องทำให้เจ้าผิดหวัง ข้าเกลียดการถูกจำกัด ข้ายอมตายดีกว่าที่ต้องถูกผูกมัดกับใครคนไหน” หานเซิ่นไม่มีความสนใจจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ และเขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเพื่อหลี่เคอเอ๋ออย่างแน่นอน
หลี่เคอเอ๋อแปลกใจ เธอไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะปฏิเสธข้อเสนอของเธออย่างไม่คิดแบบนั้น
“ได้โปรดคิดเกี่ยวกับมันอีกที! นี่ไม่ใช่ข้อตกลงที่เลวร้ายสำหรับเจ้าเลยสักนิด เผ่าพันธุ์ของข้าจะมอบทรัพยากรที่จะช่วยให้เจ้าได้กลายเป็นระดับเทพเจ้า” หลี่เคอเอ๋อขอร้อง หลังจากที่รอคอยมาอย่างยาวนาน เธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ
เอ็กซ์ควิสิทมองดอลลาร์อย่างประหลาดใจ เธอคิดว่าตัวเองโชคร้ายที่หานเซิ่นปฏิเสธเธอ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าหลี่เคอเอ๋อจะประสบกับเหตุการณ์แบบเดียวกัน
“ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าอยากจะเป็นเพื่อนกับเจ้าต่อไปมากกว่า” หานเซิ่นพูดลดความเลวร้ายของการปฏิเสธในทันทีทันใด
หลี่เคอเอ๋อเข้าใจแนวคิดของหานเซิ่น เธอจึงเงียบไปและไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้สึกผิดหวัง ใครก็ตามที่รอคอยตลอดทั้งปีเพื่อผลลัทธ์แบบนั้นก็จะรู้สึกเสียใจเหมือนกันหมด
“นี่พวกเจ้าทั้งคู่เห็นจระเข้น้อยกับเตาหลอมทองแดงบ้างไหม?” หานเซิ่นถามเพื่อเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“พวกมันควรจะอยู่ในระบบจักรวาลนั่น” หลี่เคอเอ๋อชี้ออกไปทางหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็จากไปพร้อมกับเอ็กซ์ควิสิท เธอดูผิดหวังอย่างมาก
“พี่สาม นี่พวกเราหายเงียบไปเป็นเวลานานเกินอย่างนั้นหรอ? นี่เผ่าพันธุ์อื่นๆลืมไปแล้วหรอว่าเผ่าเวรี่ไฮนั้นทรงพลังขนาดไหน?” หลี่เคอเอ๋อมองเอ็กซ์ควิสด้วยความเศร้า
เอ็กซ์ควิสิทส่ายหัว “บุคคลที่พิเศษมักจะไม่ยินดีมอบชะตากรรมของตัวเองให้กับคนอื่น ถ้าเจ้าอยากได้ดอลลาร์มาเป็นตัวไหม เจ้าก็จำจำเป็นต้องมีความอดทน”
หลังจากนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็เริ่มจะคิดเกี่ยวกับหานเซิ่น
ในช่วงนี้เอ็กซ์ควิสิทกำลังลำบากใจอย่างมาก เธออยากจะเข้าใกล้หานเซิ่นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา
แต่เธอเองก็ไม่สามารถทนต่อพลังของแส้เหล็กเทพเสน่หาได้ เธอกังวลว่าจะไปทำบางสิ่งที่ไม่เหมาะสม ด้วยเหตุนั้นเธอจึงไม่ได้แวะไปหาหานเซิ่นเลย
“พี่สาวดูเปลี่ยนไป นี่หานเซิ่นพิเศษถึงขนาดที่เปลี่ยนพี่สามได้เลยอย่างนั้นหรอ?” หลี่เคอเอ๋อมองเอ็กซ์ควิสิทด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอไม่เคยจินตนาการเลยว่าเอ็กซ์ควิสิทจะพูดออกมาแบบนั้น มันทำให้หลี่เคอเอ๋อรู้สึกสนใจขึ้นมาว่าหานเซิ่นเป็นใครกัน
“ทุกคนมีข้อบกพร่องบางอย่างอยู่ไม่ว่าคนๆนั้นจะเก่งกาจมากสักแค่ไหน” เอ็กซ์ควิสิทพึมพำ
หลี่เคอเอ๋อมองเอ็กซ์ควิสิท เธอคิดว่าในช่วงนี้เอ็กซ์ควิสิทนั้นทำตัวแปลกๆ
“นี่หานเซิ่นเป็นผู้ชายแบบไหนกัน? เขาทำให้พี่สามลืมเวรี่ไฮฟอร์เก็ตเลิฟได้ยังไงกัน?” หลี่เคอเอ๋อรู้สึกสับสน
หานเซิ่นไม่รู้ว่าหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกำลังพูดอะไร เขาบินต่อไปเรื่อยๆและเขาก็ต้องตกใจ เมื่อได้เห็นเตาหลอมทองแดง
เตาหลอมทองแดงนั้นตัวใหญ่โตราวกับปราสาท มันมีดาบเป็นล้านเล่มอยู่ภายในเตาของมัน ไม่มีใครรู้ว่ามันได้รับทรัพยากรมากมายแค่ไหนจากการติดตามจระเข้น้อย