หลังจากที่พวกเขาทั้งสองกลับมาจากการต่อสู้ภายในเมืองราชาขาว หัวใจของหานเซิ่นก็ยังคงไม่สงบสุข ทั้งเมืองราชาดำและเมืองราชาขาวทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ากำลังถูกจับตามองโดยบางสิ่งบางอย่าง
แต่ทางปราสาทนภาไม่มีพลังพอจะควบคุมสถานหยกขาว ถ้าใครบางคนมีอำนาจที่จะควบคุมสถานที่แห่งนั้นได้ นั่นก็จะเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ
หานเซิ่นและไผ่เดียวดายร่วมมือกันเพื่อฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าในเมืองราชาขาว ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วปราสาทนภาราวกับไฟป่า วันถัดมาเมื่อหานเซิ่นตัดสินใจไปที่เมืองราชาดำ เขาก็พบว่าเอ็กซ์ควิสิทมายืนอยู่บนเกาะหยกน้อยของเขา
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นข่าวร้าย เขาลืมเกี่ยวกับข้อตกลงกับเอ็กซ์ควิสิทไปซะสนิทเลย เขาจึงไม่ได้คิดในตอนที่ตอบรับคำเชิญของไผ่เดียวดาย
ตอนนี้เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาร่วมมือกับไผ่เดียวดายฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า เอ็กซ์ควิสิทก็คงจะคิดว่าเขาหายดีแล้ว
มันเป็นอย่างที่หานเซิ่นคิด เอ็กซ์ควิสิทมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูด
“การฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าไม่ใช่งานของคนบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าเจ้าจะหายดีแล้วสินะ”
ถึงแม้หานเซิ่นต้องการจะปฏิเสธและพูดว่าตัวเองยังคงไม่หายดี แต่เขาก็รู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทคงจะไม่เชื่อเขาอีกต่อไป
หานเซิ่นเงียบไป หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูด “ข้าเกือบจะหายดีแล้ว ถ้าเจ้ารีบร้อนมากขนาดนี้ นัดวันเวลามา”
“การกำหนดวันเวลานั้นเป็นการขอให้ล่าช้ายิ่งขึ้นไปอีก ทำไมไม่ตอนนี้เลย?” เอ็กซ์ควิสิทไม่อยากจะรอคอยอีกต่อไป เธอกังวลว่าถ้าเรื่องนี้ยังคงยืดเยื้อต่อไป เธอก็จะไม่มีวันได้ตัวเขา
“เอาสิ ที่ไหน?” หานเซิ่นถาม เขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเวลานี้ก็ต้องมาถึง
“สนามประลองการต่อสู้” เห็นได้ชัดว่าเอ็กซ์ควิสิทต้องการให้ทุกคนในปราสาทนภาได้เห็น เมื่อทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หานเซิ่นก็ไม่สามารถถ่วงเวลาไปมากกว่านี้ได้อีก
“เอางั้นก็ได้” หานเซิ่นตอบตกลง หลังจากนั้นเขาก็ไปที่สนามประลองพร้อมกับเอ็กซ์ควิสิท
ไม่นานหลังจากที่หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทไปถึง ข่าวเรื่องการประลองก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนในปราสาทนภาได้ยินสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และไม่นานทุกเกาะรอบสนามประลองก็เต็มไปด้วยผู้ชม
ทุกคนรู้ว่าทำไมเอ็กซ์ควิสิทถึงอยู่ที่ปราสาทนภาต่อ เมื่อมันมีรายงานว่าหานเซิ่นไปที่สนามประลองพร้อมกับเอ็กซ์ควิสิท มันก็ชัดเจนว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าคิดว่าอาจารย์หานจะเอาชนะเอ็กซ์ควิสิทได้ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว อาจารย์หานมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก เอ็กซ์ควิสิทมีพรสวรรค์แค่ระดับเก้าเปลือกเท่านั้น”
“มันมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น ก็อตสปิริตทัชวิวัฒนาการภายใต้อิทธิพลของหานเซิ่น ดังนั้นมันอาจจะเป็นความผิดพลาด”
“พวกเราไม่ได้รู้เกี่ยวกับเกณฑ์การประเมินพรสวรรค์ของก็อตสปิริตทัชมากนัก แต่ทว่าทุกคนรู้ถึงความสุดยอดของเผ่าเวรี่ไฮ ถึงแม้อาจารย์หานจะไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาพึ่งพาสมบัติซีโน่เจเนอิคมากเกินไป ในตอนนี้เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค นั่นถือเป็นข่าวร้ายสำหรับอาจารย์หาน”
“เหลวไหล! อาจารย์หานไม่จำเป็นต้องพึ่งสมบัติ เขาเอาชนะทุกคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน”
เมื่อหานเหยียนและพี่น้องยวิ๋นได้ยินข่าว พวกเธอก็รีบมาที่สนามประลอง ยวิ๋นซู่อีกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ถ้าหานเซิ่นแพ้ นั่นหมายความว่าเขาต้องไปที่เผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ?”
หานเหยียนส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องกังวล พี่ชายจะไม่แพ้”
“แต่ถ้าเขาแพ้ขึ้นมาล่ะ? คนเผ่าเวรี่ไฮไม่ใช่จะเอาชนะได้ง่ายๆ…” ยวิ๋นซู่อียังคงกังวล
หานเหยียนมองยวิ๋นซู่อีและเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
หานเหยียนสามารถบอกได้ว่ายวิ๋นซู่อีชอบพี่ชายของเธอ ในช่วงที่เธอฝึกฝนกับยวิ๋นฉางคง เธอได้รู้ว่ายวิ๋นซู่อีเป็นผู้หญิงที่ดี
“น่าเสียดายที่พี่ชายมีเหยียนหรันแล้ว และพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดี” หานเหยียนส่ายหัว เธอรู้สึกเสียใจกับยวิ๋นซู่อี
ภายในปราสาท ผู้หญิงคนหนึ่งหันไปพูดกับผู้นำปราสาทนภา
“ถ้าหานเซิ่นพ่ายแพ้ เจ้าคิดจะปล่อยให้เขาไปที่เผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ?”
“ถ้าเขาพ่ายแพ้ แน่นอนว่าเขาต้องไป” ผู้นำปราสาทนภาพูด
“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะรู้ถึงความสำคัญของหานเซิ่นต่อความเจริญรุ่งเรืองของปราสาทนภา” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นั่นเป็นเหตุผลที่เผ่าเวรี่ไฮต้องการตัวเขามากขนาดนั้น เจ้าคิดว่าคนใหญ่คนโตของเผ่าเวรี่ไฮจะอนุญาตให้เอ็กซ์ควิสิทยอมปล่อยไผ่เดียวดายไปง่ายๆหรือยังไง?” ผู้นำปราสาทนภายิ้ม
“ถ้าเผ่าเวรี่ไฮรู้ว่าหานเซิ่นอวยพรให้กับผู้คนได้ นั่นจะไม่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมหรอกหรอ? แผนการของพวกเราจะเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าเดิม” ผู้หญิงคนนั้นพูด
เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้นำปราสาทนภาก็ขมวดคิ้ว หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นมา “เขาเข้าไปในระบบบิ๊กไซเลนซ์เป็นเวลานานแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา พวกเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา แต่ถ้าไม่มีเขา ข้าไม่คิดว่าแผนการนี้จะดำเนินต่อไปได้”
“ข้าได้ส่งกลุ่มคนเข้าไปในระบบบิ๊กไซเลนซ์ แต่สถานที่อย่างระบบบิ๊กไซเลนซ์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาคนๆหนึ่ง และในหนึ่งร้อยคนที่ไปนั้นจะมีแค่หนึ่งคนที่กลับออกมาได้” ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจ
“รออีกหน่อย ถ้าเขาไม่กลับมาจริงๆ อย่างนั้นพวกเราก็ต้องหันไปพึ่งพาอวี้ซ่านซิน” ผู้นำปราสาทนภาพูด
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
ผู้นำปราสาทนภาจับจ้องไปที่สนามประลอง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เขาคิดกับตัวเอง ‘บางทีเขาอาจจะพอมีโอกาส ถึงเขาจะมีโอกาสไม่มาก แต่มันก็ยังดีกว่าการลงทุกอย่างไปกับสิ่งเดียว’
ภายในสนามประลอง เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ตามข้อตกลงของพวกเรา เจ้าต้องใช้แค่ร่างกายและวิชาจีโนในการต่อสู้เท่านั้น ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะจากไปและไม่ปล่อยให้เผ่าเวรี่ไฮมายุ่งอะไรกับเจ้าอีก”
“ถ้าข้าแพ้ ข้าจะตามเจ้าไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ข้าจะฟังคำสั่งของเจ้า” หานเซิ่นพูด
“ดี” เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้า หลังจากนั้นดวงตาที่สามของเธอก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆและเผยให้เห็นดวงตาไท่เก๊กของเธอ
“นางเพิ่งจะขึ้นไปบนเวที แต่นางก็ใช้เนตรเวรี่ไฮซะแล้ว ดูเหมือนว่าเอ็กซ์ควิสิทจะเอาจริง”
“มันเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นเผ่าเวรี่ไฮต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขายังเป็นแค่ระดับราชัน และมันยากยิ่งกว่าที่จะได้เห็นพวกเขาใช้เนตรเวรี่ไฮ”
“นั่นพิสูจน์ว่าเอ็กซ์ควิสิทต้องการตัวหานเซิ่นไปเข้าร่วมเผ่าเวรี่ไฮ”
“ถ้าเป็นข้า ข้าจะยอมติดตามนางและทำตามทุกอย่างที่นางบอก การพัฒนาของข้าจะรวดเร็วขึ้นมากด้วยการช่วยเหลือจากเผ่าเวรี่ไฮ และข้าก็ยังถูกอ้อมล้อมด้วยผู้หญิงที่งดงาม แบบนั้นทำไมเขาถึงไม่อยากไป? ข้าสงสัยเหลือเกินว่าไผ่เดียวดายและหานเซิ่นคิดอะไรอยู่”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าเป็นแค่ศิษย์ปลายแถว หานเซิ่นและไผ่เดียวดายนั้นเป็นอัจฉริยะ”
หานเซิ่นมองคู่ต่อสู้อย่างตั้งใจ พวกเขาทั้งคู่เป็นระดับราชันขั้นที่เก้าเหมือนกัน หานเซิ่นไม่ได้เกรงกลัวสิ่งมีชีวิตไหนในระดับเดียวกัน แต่เอ็กซ์ควิสิทมาจากเผ่าเวรี่ไฮ เธอมีวิชาจีโนลับนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาต้องระวังตัวให้มาก
ในจังหวะที่เธอเปิดเนตรเวรี่ไฮ เอ็กซ์ควิสิทกลายเป็นเหมือนกับเครื่องจักรอีกครั้ง
เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไร ทันใดนั้นมิติรอบๆก็เริ่มจะบิดเบี้ยวด้วยพลังงานประหลาดบางอย่าง
“นี่คือพลังที่แท้จริงของเจ้า?” หานเซิ่นหลี่ตาลงเล็กน้อย เขาเห็นมิติรอบตัวอีกฝ่ายยังคงบิดเบี้ยวไปมา ในตอนนี้ถึงแม้เอ็กซ์ควิสิทจะอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็แทบจะมองไม่เห็นเธอ