ในจังหวะนั้นศิษย์ของปราสาทนภารู้สึกราวกับว่าหินก้อนใหญ่ถูกยกออกจากไหล่ พวกเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
หานเซิ่นคือที่สุดของที่สุดในปราสาทนภา มันผ่านไปสักพักแล้ว แต่หานเซิ่นก็ยังทำอะไรไม่ได้ ขณะที่เอ็กซ์ควิสิทยืนนิ่งราวกับขุนเขา การโจมตีพลาดเป้าครั้งแล้วครั้งเล่าสร้างความกดดันให้กับศิษย์ของปราสาทนภา และทำให้พวกเขาหายใจไม่สะดวก พวกเขาคิดว่าเอ็กซ์ควิสิทเป็นเหมือนเทพที่ไม่สามารถแตะต้องได้
แต่หลังจากนั้นมีดของหานเซิ่นก็ตัดแขนเสื้อของเอ็กซ์ควิสิทได้สำเร็จ การได้เห็นโอกาสแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยผ่อนความวิตกกังวลของผู้ชม
“โจมตีต่อไป” เอ็กซ์ควิสิทพูด เธอสะบัดแขนเสื้อและพลังเขี้ยวก็ดับไปราวกับมีใครบางคนใช้ถังน้ำราดใส่กองไฟ หานเซิ่นยกมือขึ้นอีกครั้งและฟันออกไปทางเอ็กซ์ควิสิท ครั้งนี้เขาใช้พลังและความเร็วที่มากยิ่งกว่าเดิม
ในที่สุดเอ็กซ์ควิสิทก็เคลื่อนไหว เธอก้าวเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอที่จะหลบหลีกการโจมตีของหานเซิ่น ถึงอย่างนั้นมันก็ดูไม่เหมือนว่าเธอคิดจะตอบโต้
หานเซิ่นผลักดันตัวเองเพื่อปลดปล่อยพลังมากยิ่งกว่าเดิม เขาใช้วิชามีดเขี้ยวดาบอีกครั้งหนึ่ง เท้าของเอ็กซ์ควิสิทเคลื่อนไหวอย่างสง่างามขณะที่เธอสไลด์ไปด้านข้างเบาๆเพื่อหลบทุกการโจมตีของหานเซิ่น มีดลมปราณของหานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสชุดของเอ็กซ์ควิสิทได้อีกเป็นครั้งที่สอง
“ถึงแม้หานเซิ่นจะก้าวข้ามพลังของเอ็กซ์ควิสิทที่ส่งผลต่อสนามประลองได้ แต่เขาก็ยังตามความเร็วของนางไม่ทัน สถานการณ์ของหานเซิ่นในตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่นัก เขาจำเป็นต้องก้าวข้ามทั้งวิชาที่นางใช้และความเร็วของนาง” กระเรียนพันขนพูดเมื่อเขาเข้าใจสถานการณ์ของหานเซิ่น
“พลังของเผ่าเวรี่ไฮน่ากลัวเกินไปแล้ว มันเหมือนกับพวกเขากำลังขี้โกง ทั้งจักรวาลนั้นกำลังช่วยเหลือนาง” ยวิ๋นซู่อีพูดอย่างหดหู่
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเผ่าเวรี่ไฮก็คงจะไม่กลายเป็นเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่งของจักรวาลจีโน แม้แต่แอนเชี่ยนท์ก็อตที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดก็อิจฉาพลังของพวกเขา” ไผ่เดียวดายพูด
ผู้นำปราสาทนภาสังเกตหานเซิ่นด้วยความสนใจอย่างยิ่ง เขายิ้มและพูด
“เผ่าเวรี่ไฮเป็นที่รู้จักในเรื่องความแข็งแกร่ง ในแง่หนึ่งการต่อสู้กับเผ่าเวรี่ไฮนั้นเสมือนการต่อสู้กับจักรวาล ถึงแม้ระดับพลังของเอ็กซ์ควิสิทจะยังต่ำ แต่คนในระดับเดียวกันกับนางก็จะยังคงเสียเปรียบอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนาง นอกซะจากว่าคนๆนั้นจะมีระดับสูงกว่าเวรี่ไฮถึงสองขั้น มันก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับพวกเขา หานเซิ่นจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจ”
“เจ้าคิดว่าหานเซิ่นมีโอกาสชนะการต่อสู้นี้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยความสงสัย
“ข้าคิดว่าเจ้าเองก็ถูกใจเขาเช่นกัน” ผู้นำของปราสาทนภาพูด
“ข้าถูกใจเขาก็เพราะพลังในการอวยพรและอาวุธระดับเทพเจ้าที่เขามี พรสวรรค์ของเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร มันคงจะดีกว่าคนอื่นในระดับเดียวกัน แต่ลำพังแค่วิชาการต่อสู้ของเขายังคงไม่เพียงพอจะรับมือกับคนเผ่าเวรี่ไฮ ข้าไม่ได้จะบอกว่าหานเซิ่นอ่อนแอ แต่เผ่าเวรี่ไฮนั้นแข็งแกร่งเกินไป” ผู้หญิงคนนั้นพูด
“ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นมีโอกาสชนะอยู่ดี” ผู้นำปราสาทนภาพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
หานเซิ่นฟันออกไปโดยใช้วิชามีดเขี้ยวดาบอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็หยุดการโจมตี
“เจ้ายังมีวิชาจีโนอะไรอีก? ใช้พวกมันซะ” เอ็กซ์ควิสิทสั่ง เธอยังอยากจะเห็นพลังของหานเซิ่นมากกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ตอบโต้
ขณะที่ศิษย์ของปราสาทนภามองไปที่เอ็กซ์ควิสิท มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังมองไปยังวัลคีรี่ที่ไม่สามารถเอาชนะได้ เธอกลายเป็นอะไรที่ไม่สามารถแตะต้องได้
แต่หานเซิ่นไม่ได้เกรงกลัว เขาเคยเห็นเอ็กซ์ควิสิทรับใช้จระเข้ระดับเทพเจ้าราวกับเป็นสาวใช้คนหนึ่ง ดังนั้นเขาไม่คิดว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถเอาชนะได้
แถมพลังของเอ็กซ์ควิสิทก็ไม่ได้ดูไร้เทียมทานสำหรับหานเซิ่นซะทีเดียว
ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนจับจ้องไปที่หานเซิ่น ถ้าพวกเขาตกอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันกับหานเซิ่น พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกสิ้นหวังขนาดไหน พวกเขาคงจะทำให้ชุดของเอ็กซ์ควิสิทยับไม่ได้ด้วยซ้ำ
หานเซิ่นสลัดมือและพูดกับเอ็กซ์ควิสิท “ข้าอุ่นเครื่องเสร็จแล้ว ตอนนี้พวกเรามาเริ่มกันเลย”
“อุ่นเครื่อง? นั่นเป็นแค่การยืดเส้นยืดใส่ของเขาหรอกหรอ?”
“อาจารย์หาน… การพูดเกทับแบบนี้ ดูจะเป็นอะไรที่มากเกินไป”
“ฮ่าๆ! อาจารย์หานยังคงเป็นอาจารย์หาน การเกทับของเขานี่ไม่แพ้ใครจริงๆ”
หานเซิ่นได้ใช้พลังที่มีเฉพาะที่สุดของที่สุดระดับราชันขั้นที่เก้าเท่านั้น มันไม่มีทางที่เขาจะเก็บพลังส่วนใหญ่เอาไว้และยังคงไม่ได้ใช้พวกมันออกมา
แต่ถึงอย่างนั้นศิษย์ของปราสาทนภาก็เริ่มจะตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อพวกเขามองไปที่เอ็กซ์ควิสิท เธอก็ไม่ได้ดูเหมือนสิ่งที่ไม่สามารถแตะต้องได้เหมือนก่อนหน้านี้
ในตอนที่เอ็กซ์ควิสิทเปิดเนตรเวรี่ไฮของเธอ อารมณ์ความรู้สึกของเธอก็ดูเหมือนจะหายไป เธอดูสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ตอนนี้เธอขมวดคิ้ว
“การตีหน้าตายของเจ้านี่มันดีเกินไปแล้ว…” ผู้นำปราสาทนภาอยากจะหัวเราะออกมา
“เขาเป็นเหมือนกับเจ้าในตอนที่เจ้ายังหนุ่ม” ผู้หญิงคนนั้นพูด
“แต่ในตอนที่ข้ายังหนุ่ม ข้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้าไม่ได้แสแสร้งอย่างที่เขาทำ” ผู้นำปราสาทนภาโต้แย้งสิ่งที่เธอพูด
ผู้หญิงคนนั้นกรอกตาของเธอ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
ผู้นำปราสาทนภาเป็นคนฉลาด เขาจึงหยุดพูดไป เพราะยังไงซะผู้หญิงคนนี้ก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตของเขา
“ในเมื่อเจ้าอุ่นเครื่องเสร็จแล้ว พวกเราก็มาเริ่มกันเลย”
เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างสงบนิ่ง เธอเพียงแค่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาในช่วงสั้นๆ และสิ่งที่หานเซิ่นพูดก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอมากนัก
ฟอร์เก็ตเลิฟของเวรี่ไฮนั้นไม่ใช่เรื่องตลก ระดับพลังของเอ็กซ์ควิสิทยังต่ำ แต่เวรี่ไฮระดับเทพเจ้านั้นสามารถมองสามีหรือลูกของตัวเองถูกฆ่าตรงหน้าโดยที่ไม่รู้สึกอะไร
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องมองให้ดี” หานเซิ่นค่อยๆยกมือขวาขึ้น เขากำนิ้วมือเข้าด้วยกันเป็นกำปั้น
ทุกคนเห็นว่าหานเซิ่นเตรียมตัวจะปลดปล่อยหมัดออกมา แต่ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวหนึ่งไหม?”
“คำกล่าวอะไร?” เอ็กซ์ควิสิทถาม
“ที่ว่าข้ายิ่งใหญ่ที่สุดในระดับตัวเอง” หานเซิ่นพูดแต่ละคำอย่างช้าๆ
“ไม่เคย” เอ็กซ์ควิสิทรู้ว่าหานเซิ่นหมายความว่าอะไร แต่สีหน้าของเขายังคงไม่สั่นคลอน การกระทำนั้นเป็นอะไรที่ดังกว่าคำพูด
ในตอนที่ศิษย์ของปราสาทนภาได้ยินสิ่งที่เขาพูด พวกเขาเองก็คิดว่านี่มันมากเกินไป เมื่อดูจากสถานการณ์ของหานเซิ่นแล้ว มันเป็นอะไรที่มากเกินไปจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นในตอนนี้เจ้าก็ควรเรียนรู้มัน” หานเซิ่นแกว่งหมัดของเขาออกไป
ร่างกายของเขาฉีกผ่านอวกาศและหายไปจากสายตาของทุกคน เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ชกใส่ใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิท จมูกของเอ็กซ์ควิสิทถูกบี้และมีเลือดพุ่งออกมา ขณะที่ร่างกายของเธอถูกส่งกระเด็นออกไป เธอไปชนเข้ากับบาเรียของสนามประลองอย่างความรุนแรงจนแม้แต่โล่ป้องกันก็ยังแตกกระจาย
หลังจากนั้นทุกคนในปราสาทนภาก็เงียบสนิทไป