“นี่…นี่เป็นไปได้ยังไง…” เอ็กซ์ควิสิทไม่อยากจะเชื่อ
เธอรู้สึกราวกับว่าการเชื่อมต่อกับจักรวาลนั้นกำลังถูกฉีกขาด พลังที่ผูกเธอกับจักรวาลนั้นกำลังถูกเอาออกไป ความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลของเธอกลายเป็นอะไรที่เบลอและยากจะเข้าใจ ความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้และอารมณ์ความรู้สึกที่เลวร้ายต่างๆค่อยๆแทรกซึมเข้ามาสู่ตัวเธอ มันทำให้เธอรู้สึกกลัว กระสับกระส่าย สิ้นหวังและเจ็บปวด
“เป็น…ไปได้ยังไง…ข้าเป็นระดับครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว…ทำไมข้าถึงยังพ่ายแพ้…ทำไมกัน…?” ความเจ็บปวดทางกายภาพที่เธอได้รับเป็นสิ่งเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดทางจิตใจ
อารมณ์ต่างๆที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนทั้งหมดมาผสมกันอยู่ในตัวของเธอ พวกมันทำลายความสามารถในการคิดของเธอ ขณะที่เธอมองดูเงาของหมัดที่กำลังกระหน่ำเข้ามา เธอไม่เคยรู้สึกไร้กำลังแบบนี้มาก่อน เธอรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอและไร้ประโยชน์ มันเหมือนกับว่าจักรวาลและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในนั้นทอดทิ้งเธอ มันทำให้เธอหวาดกลัวยิ่งกว่าความเสียหายทางกายภาพที่เธอได้รับ
“ถึงแม้ทั้งจักรวาลจะอยู่ข้างเธอ แล้วมันจะยังไง ถ้าเธอยิ้มไม่ได้ มันก็ไร้ความหมาย การเป็นหนึ่งกับจักรวาลจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีความสุข มีเพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์” เสียงของหานเซิ่นดังเข้ามาในหูของเธอ หลังจากนั้นหมัดสุดท้ายของเขาก็ชกเข้ามาใส่ท้องของเธอ มันเป็นหมัดที่รุนแรงและทั้งร่างกายของเธอก็กระเด็นขึ้นด้วยแรงกระแทกของมัน
ปัง!
เอ็กซ์ควิสิทอยู่บนอากาศ ชุดเกราะจีโนสีดำที่เธอสวมใส่แตกกระจายราวกับแก้วบางๆและกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่ระยิบระยับ ลมปราณสีดำและขาวของเธอกลายเป็นควันที่ค่อยๆจางหายไป เธอกระอักเลือดออกมาจากและแสงของเนตรเวรี่ไฮก็ดับไป ดวงตาปกติของเธอปิดลงไป แต่เมื่อพวกมันเปิดขึ้นอีกครั้ง พวกมันเป็นสีดำ
ดวงตาเหล่านั้นไม่ได้ดูไร้ความรู้สึกและเย็นชาเหมือนกับก่อนหน้านี้ พวกมันดูไร้กำลัง พวกมันดูสิ้นหวัง พวกมันดูสับสน มันมีอารมณ์ความรู้สึกต่างๆมากมายหมุนวนอยู่ภายใน
เศษของชุดเกราะตกลงมายังพื้นของสนามประลอง และร่างกายของเอ็กซ์ควิสิทก็ร่วงลงมาในแขนของหานเซิ่น
“หวังว่าครั้งต่อไปที่ข้าพบกับเจ้า ข้าจะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้า”
ใบหน้าของหานเซิ่นอยู่เหนือเอ็กซ์ควิสิท แต่ในตอนที่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอก็หมดสติไป
ทั้งปราสาทนภาตกอยู่ในความเงียบ เวรี่ไฮระดับครึ่งเทพควรจะไร้เทียมทานกับคนที่ยังไม่เป็นระดับเทพเจ้าเต็มตัว หานเซิ่นใช้หมัดของเขาทำลายชุดเกราะจีโนของเธอจนแหลกละเอียด มันเป็นอะไรที่ยากจะทำความเข้าใจได้
ในตอนที่ศิษย์ของปราสาทนภาตื่นจากภวังค์ หานเซิ่นก็ได้อุ้มเอ็กซ์ควิสิทออกไปจากลานประลองเรียบร้อยแล้ว
“ต่อหน้าคนอื่นที่อยู่ระดับเดียวกัน ข้าเป็นราชา… ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาจารย์หานจะทำมันได้จริงๆ”
“เจ้าหมายความว่ายังไงที่ว่าเขาทำมันได้จริงๆ? เขาทำมันไปเรียบร้อยแล้ว ครึ่งเทพของเผ่าเวรี่ไฮที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลเพิ่งจะพ่ายแพ้ให้กับหานเซิ่นที่เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า”
“นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ด้วยความแข็งแรงทางร่างกายขนาดนั้น เขาน่ากลัวยิ่งกว่าเผ่าดราก้อนที่แข็งแกร่งที่สุด มันคงจะไม่มีใครที่มีร่างกายแข็งแรงไปกว่าหานเซิ่นอีกแล้ว”
“อย่าลืมไปว่านี่คืออาจารย์หานที่เป็นบิดาของเทพ เขาอวยพรให้กับคนอื่นและทำให้คนพวกนั้นกลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาคงจะต้องอวยพรให้กับตัวเองเช่นเดียวกัน”
…
ทั่วทั้งปราสาทนภากำลังพูดกันถึงเรื่องนี้ ประโยคที่ถูกพูดซ้ำกันมากที่สุดคือ “ต่อหน้าคนอื่นที่อยู่ระดับเดียวกัน ข้าเป็นราชา” แม้จะผ่านไปนานหลังจากการประลอง ศิษย์ของปราสาทนภาก็ยังคงพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ผู้นำปราสาทนภาได้ออกคำสั่งกับศิษย์ทุกคนไม่ให้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปสู่ภายนอก แต่ปราสาทนภาไม่มีกำแพงเหล็ก ถึงแม้พวกเขาจะพยายามปกปิดเรื่องนี้ แต่เรื่องของหานเซิ่นก็รั่วไหลออกไปอยู่ดี
แต่คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้นี้ไม่ได้สนใจอะไรมาก ไม่มีใครเชื่อว่าคริสตัลไลเซอร์ระดับราชันคนหนึ่งจะต่อสู้กับเวรี่ไฮระดับครึ่งเทพได้ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินเกี่ยวกับข่าวนี้คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นมา
มีเพียงแค่ศิษย์ของปราสาทนภาที่ได้เห็นการต่อสู้เท่านั้นที่เข้าใจถึงความน่ากลัวของหานเซิ่น
บุดด้าระดับเทพเจ้าคนหนึ่งได้ยินเกี่ยวกับข่าวนี้ และคำพูดของเขาก็กลายเป็นที่โด่งดังทั่วจักรวาล “เจ้าเองก็เก่งที่สุดเช่นกันอย่างนั้นหรอหานเซิ่น?”
บุดด้าระดับเทพเจ้าคนนั้นพูดอย่างนี้เพื่อเย้ยหยันหานเซิ่น เขาคิดว่าผู้คนนั้นแต่งเรื่องที่เวอร์เกินกว่าจะเชื่อได้ขึ้นมา
หลังจากนั้นเป็นเวลายาวนาน “เจ้าเองก็เก่งที่สุดเช่นกันอย่างนั้นหรอหานเซิ่น?” ก็กลายเป็นสำนวนที่ใช้กับคนที่ชอบโอ้อวดจนน่าหัวเราะ มันกลายเป็นสำนวนที่แพร่หลายและถูกใช้กันไปทั่ว ผู้คนเยาะเย้ยหานเซิ่นอย่างน่าไม่อายและหลายคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำพูดนั้นมาจากบุดด้า
…
“เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอะไรแบบนี้ เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน? ทำไมคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งถึงมีพละกำลังมากขนาดนั้นได้?” ผู้หญิงข้างๆผู้นำปราสาทนภาพูดด้วยความแปลกใจ เธอไม่เคยคาดคิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้จะออกมาเป็นแบบนี้
“มันจะต้องเกี่ยวข้องกับวิชาจีโนที่เขาฝึก อี๋ซาเคยขอให้ข้าช่วยดูวิชาจีโนของเขา นางต้องการให้ข้าปรับแต่งมัน นั่นเป็นวิชาจีโนที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึก ในตอนที่ข้าได้เห็นมัน ข้าไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตไหนฝึกมันได้ แม้แต่นักสู้ระดับเทพเจ้าก็ไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งพอ ในตอนแรกข้าคิดว่าคนที่คิดวิชาจีโนนั่นขึ้นมาแค่ต้องการเล่นตลก แต่ตอนนี้ข้าเชื่อว่าหานเซิ่นฝึกมันได้สำเร็จจริงๆ และนั่นอาจจะหมายความว่าเขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ผู้นำปราสาทนภาก็ส่ายหัว “มันน่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่รู้ว่าเรียนรู้มันมาจากไหน ไม่อย่างนั้นถ้าเขาแบ่งปันความลับของวิชาจีโนนี้ การจะสร้างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาก็จะไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป”
“มันไม่มีหนทางที่จะปรับแต่งวิชาจีโนนั่นเลยอย่างนั้นหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นถาม
“ข้าเคยศึกษามันก่อนหน้านี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปรับแต่ง แถมวิชาจีโนนั่นก็เป็นของหานเซิ่น ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา พวกเราก็แจกจ่ายมันไม่ได้ นั่นเป็นสัญญาที่ข้าให้ไว้กับอี๋ซา” ผู้นำปราสาทนภาพูด
“นั่นเป็นอะไรที่น่าเสียดาย” ผู้หญิงคนนั้นพูด เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ
หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นจากไปแล้ว ผู้นำปราสาทนภาก็เอากระดาษและปากกาขึ้นมา เขาเขียนคำว่า “หานเซิ่น” และหลังจากที่มองดูมันอยู่สักพัก เขาก็วาดวงกลมสองวงถัดไปจากชื่อและเขียนเครื่องหมายคำถามระหว่างพวกมัน
เขามองพวกมันต่ออีกสักพัก และผู้นำปราสาทนภาก็พูดกับตัวเองขึ้นว่า
“บางทีเขาอาจจะเป็นบุคคลที่เหมาะสมจริงๆ”
ไม่ว่าโลกภายนอกจะพูดอะไร หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นชื่อเสียงของหานเซิ่นในปราสาทนภาก็เพิ่มสูงขึ้นไปอีก ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้มีสายเลือดของเผ่านภา แต่ทุกคนก็ปฏิบัติกับเขาราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งในเผ่านภา
ทุกครั้งที่หานเซิ่นทำการสอนวิชาจีโน การบรรยายของเขาจะเต็มไปด้วยผู้คน ศิษย์ของปราสาทนภาจะพากันมาฟังการสอนของเขา แม้แต่คนที่เป็นระดับราชันและครึ่งเทพก็ยังมาฟังการบรรยายของหานเซิ่น
ชุดเกราะจีโนของเอ็กซ์ควิสิทถูกทำลาย และมันต้องใช้เวลานานกว่าที่เธอจะฟื้นตัว หานเซิ่นคิดว่าตัวเองอาจจะเจอกับปัญหาเข้า แต่กระเรียนพันขนมาบอกเขาว่าเอ็กซ์ควิสิทนั้นไม่ได้มีแผนจะเอาเรื่องกับเขา เธอก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเผ่าเวรี่ไฮเช่นกัน
“การเป็นหนึ่งกับจักรวาลจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีความสุข มีเพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์… หวังว่าครั้งต่อไปที่ข้าพบกับเจ้า ข้าจะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้า”
เอ็กซ์ควิสิทนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เธอมองออกไปยังก้อนเมฆอย่างใจลอย เธอเอาแต่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นพูดกับเธอ