หลังจากที่พักรักษาตัวอยู่หนึ่งปี ตอนนี้หานเซิ่นก็เกือบจะมีสุขภาพดีเหมือนกับตอนก่อนจะใช้โล่เมดูซ่าส์เกซแล้ว แต่แทนที่จะทำให้ชีวิตของเขาง่ายขึ้น การฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บกลับนำปัญหาใหม่มาให้กับเขา
ก่อนหน้านี้ตอนที่ร่างกายของหานเซิ่นยังไม่หายดี ไม่มีใครมาขออะไรเขา แต่ตอนนี้เมื่อเขาหายดีแล้ว ผู้คนมากมายก็พยายามจะใช้อำนาจหรือความสัมพันธ์ของพวกเขากับหานเซิ่นเพื่อจะขอให้หานเซิ่นช่วยอวยพรให้กับลูกหลานของตัวเอง
บางคนนั้นง่ายที่หานเซิ่นจะปฏิเสธ ขณะที่บางคนนั้นเป็นเรื่องยาก อย่างเช่นยวิ๋นฉางคงและผู้อาวุโสหกที่เป็นคนคอยดูแลเผ่ารีเบท มันยังมีคนอื่นอีกที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหานเซิ่น แต่พวกเขาเป็นระดับเทพเจ้าและเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของปราสาทนภา
ถ้าหานเซิ่นปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด เขาก็จะขัดใจทุกคนในปราสาทนภา แต่ถ้าหานเซิ่นรับคำขอของพวกเขา หานเซิ่นก็จะถูกขออย่างไม่หยุดจนไม่มีเวลาได้หยุดพัก
“หานเซิ่น เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ในตอนที่หานเซิ่นกลับจากหอคอยที่เจ็ดของสถานหยกขาว ปัญหาอีกอย่างก็มาหาเขา
หานเซิ่นเงยหัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ ซึ่งมันเป็นเสียงของอวี้จิง เขากำลังขี่สัตว์ขี่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวหนึ่งมา ดูเหมือนกับว่าชายคนนี้จะมีความเป็นอยู่ที่ดี
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าคงจะไม่ได้มาขอให้ข้าช่วยอวยพรให้หรอกใช่ไหม?”
อวี้จิงมักจะมีจุดประสงค์บางอย่างในตอนที่มาหาหานเซิ่น ลึกๆแล้วอวี้จิงเป็นนักธุรกิจที่ชั่วร้าย การได้พบกับเขาไม่เคยเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
เมื่ออวี้จิงได้ยินหานเซิ่นพูดแบบนั้น เขาก็หัวเราะออกมา
“เจ้าคงจรำคาญกับการถูกผู้คนรบกวนในช่วงนี้สินะ แต่เจ้าไม่ต้องทนกับมันอีกต่อไป ความจริงแล้วข้ามีข้อเสนอที่จะนำความสงบสุขกลับมาสู่ชีวิตเจ้า”
“โอ้? ข้อเสนอนั่นคืออะไร?” หานเซิ่นมองอวี้จิงด้วยความสับสน เขาไม่เชื่อว่าอวี้จิงจะมาหาเขาเพียงเพราะจะช่วยแก้ไขปัญหา ชายคนนี้ไม่ใช่คนจิตใจดีแบบนั้น
อวี้จิงดูจริงจังในตอนที่พูด “ผู้คนมาหาเจ้าเป็นการส่วนตัวก็เพราะมันไม่มีช่องทางอย่างเป็นทางการที่จะขอการอวยพรจากเจ้า ถ้าเจ้าสร้างช่องทางอย่างเป็นทางการขึ้นมา อย่างเช่นการเปิดการประมูลเพื่อให้ผู้คนเสนอราคาสำหรับการอวยพร นั่นก็จะหยุดพวกเขาจากการมาหาเจ้าเป็นการส่วนตัว เจ้าจะหาเงินได้จำนวนมากและยังขจัดความเครียดไปจากชีวิตในเวลาเดียวกัน”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินคำแนะนำนี้ เขาก็รู้ว่าอวี้จิงมีแผนการบางอย่างอยู่ แทนที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับหานเซิ่น มันจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญยิ่งกว่าเดิม
การเปิดการประมูลนั้นจะทำให้เขาหาเงินได้เป็นจำนวนมาก แต่มันจะไม่หยุดบุคคลที่มีอำนาจของปราสาทนภาจากการติดต่อหานเซิ่นเป็นการส่วนตัว และถ้าหานเซิ่นปฏิเสธจะอวยพรให้กับคนที่ไม่ได้ทำการประมูล ผู้คนก็จะคิดว่าหานเซิ่นเป็นคนโลภมาก ถ้าเขาเพียงแค่ขายการอวยพรโดยไม่ช่วยเหลือทางปราสาทนภาโดยตรง ผู้คนก็อาจจะเกียจชังเขาขึ้นมา นั่นบอกหานเซิ่นว่าไอเดียการทำการประมูลนั้นคงจะไม่ได้ผล แต่ถ้าเขาเปลี่ยนวิธีการเล็กน้อย เขาจะให้ผู้นำปราสาทนภาเป็นช่องทางอย่างเป็นทางการที่จะตัดสินว่าความสามารถในการอวยพรของเขาจะถูกใช้ยังไง ผู้นำปราสาทนภาจะเป็นคนที่ระบุว่าใครจะได้รับการอวยพร ซึ่งจะช่วยลดภาระของหานเซิ่น
และถ้าบุคคลที่มีอำนาจของปราสาทนภาต้องการจะได้รับการอวยพรจากหานเซิ่น พวกเขาก็จะไปรบกวนผู้นำปราสาทนภาแทนที่จะเป็นหานเซิ่น
แน่นอนว่าหานเซิ่นไม่สามารถใช้พลังกับทุกคนได้ เขาจึงต้องโกหกว่าการทำการอวยพรจะส่งผลกระทบต่ออายุขัยและพละกำลังของเขา เขาสามารถบอกได้ว่าจำเป็นต้องใช้เวลาสองถึงสามปีกว่าผลข้างเคียงในทางลบของการอวยพรจะหายไป แบบนั้นเขาก็แค่ต้องทำการอวยพรนานๆครั้ง
หานเซิ่นยังกล่าวอ้างได้ว่าผู้นำปราสาทนภาเป็นคนที่ควบคุมว่าการอวยพรจะถูกแจกจ่ายยังไง แบบนั้นถ้ามีใครบางคนมาหาหานเซิ่นเป็นการส่วนตัว เขาก็สามารถบอกได้ว่าผู้นำปราสาทนภาสั่งห้ามเขาจากการอวยพรให้กับคนอื่นนอกเหนือจากช่องทางอย่างเป็นทางการ
ถ้าหานเซิ่นเสนอโอกาสที่มีค่าแบบนั้นให้กับผู้นำปราสาทนภา มันก็ไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธ
เมื่อคิดได้แบบนั้นหานเซิ่นก็คิดแผนการอย่างหนึ่งขึ้นมา และความหดหู่ในช่วงนี้ของเขาก็หายไป
“ข้าจะไม่เปิดการประมูล การอวยพรนั้นจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายของข้า ข้าไม่คิดจะอวยพรให้กับคนอื่นนอกซะจากว่ามันจะจำเป็นนจริงๆ การได้รับทรัพยากรเพิ่มเติมนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ” หานเซิ่นพูดกับอวี้จิง
“นั่นเป็นอะไรที่น่าเสียดาย” อวี้จิงพึมพำอย่างผิดหวัง
“นี่เจ้ามาหาข้าเพียงเพราะจะบอกข้าในเรื่องนี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ที่จริงแล้วข้ามาที่นี่เพราะใครบางคนขอให้ข้ามาทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้า” อวี้จิงพูด
“มันคงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอวยพรหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม
อวี้จิงหัวเราะและพูด “แน่นอนว่าไม่ ญาติระดับครึ่งเทพของข้าอยากให้เจ้าช่วยฆ่าซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งให้กับเขา แต่ทว่ามันไม่มีโอกาสที่เขาจะมาพูดกับเจ้าต่อหน้าได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงส่งข้ามาแทน”
“ฆ่าซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่ง? ทำไมเขาถึงมาขอข้า? มันมียอดฝีมือมากมายอยู่ที่นี่ ถ้าเขาแค่ต้องการใครสักคน ทำไมเขาถึงเลือกข้า?”
หานเซิ่นไม่สามารถเชื่อได้ว่าครึ่งเทพคนหนึ่งจะต้องการความช่วยเหลือจากเขาเพื่อฆ่าซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่ง
“กรณีของญาติข้ามันเป็นอะไรที่พิเศษ เขาขอความช่วยเหลือจากคนที่เป็นระดับเทพเจ้าไม่ได้ และเขาต้องการจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่ง เขาได้ยินว่าเจ้าและไผ่เดียวดายโค้นล้มซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งได้สำเร็จ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการให้เจ้าช่วยเขา เจ้าเจรจาต่อรองได้ ญาติของข้านั้นร่ำรวยมากๆ” อวี้จิงอธิบาย
ครึ่งเทพที่อวี้จิงพูดถึงคนนี้มีชื่อว่าอวี้คุน เขาเป็นหนึ่งในครึ่งเทพที่มีประสบการณ์มากที่สุดในปราสาทนภา เขามาจากรุ่นเดียวกับผู้นำปราสาทนภาและเป็นคนที่มีพรสวรรค์พอสมควร
เขามีโอกาสที่จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าเมื่อนานมาแล้ว แต่มีบางสิ่งเกิดขึ้นในครอบครัวของเขา ซึ่งหยุดเขาจากการทำแบบนั้น จนถึงตอนนี้เขาจึงยังไม่เป็นระดับเทพเจ้า
“อะไรที่สำคัญถึงขนาดที่เขาต้องเลื่อนการเพิ่มระดับเป็นเวลานานอย่างนั้น?” หานเซิ่นถาม
หานเซิ่นไม่ได้แค่ถามเรื่องนี้เพราะความอยากรู้อยากเห็น เขากังวลว่าเรื่องนี้อาจจะลากเขาเข้าไปในความขัดแย้งภายในของปราสาทนภา หานเซิ่นระวังตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องแบบนั้น
อวี้จิงเข้าใจหานเซิ่น เขายิ้มและอธิบาย “เจ้าไม่ต้องกังวล มันไม่ได้มีใครในปราสาทนภาที่มีความบาดหมางกับลุงอวี้คุน ที่เขาไม่ได้กลายเป็นระดับเทพเจ้าก็เพราะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับลูกชายของเขา ลูกชายของเขานั้นไปเกี่ยวข้องกับคนผิดและเผยข้อมูลลับบางอย่างเข้าจนทำลายแผนการของปราสาทนภา ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลุงอวี้คุน แต่เขาก็เข้าคุกสามสิบปีแทนลูกชาย เขาเพิ่งจะถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อไม่กี่ปีนี้”
“หนึ่งในระดับเทพเจ้าของพวกเราจะช่วยเหลือลุกอวี้คุน ถ้าเขาทำการขอตามกฎของปราสาทนถา เขามีสิทธิ์ที่จะขอความช่วยเหลือ แต่ลุงอวี้คุนนั้นอับอายมากเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกชายทำ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะขอความช่วยเหลือจากระดับเทพเจ้าคนไหน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอยากจะร่วมงานกับเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวลว่าเขาจะจ่ายไม่ได้ เขานั้นสูงอายุและมีเงินเป็นจำนวนมาก”
“ข้าขอเวลาคิดก่อน” หานเซิ่นตอบ สถานการณ์ของอวี้คุนเป็นอะไรที่ซับซ้อน ดังนั้นหานเซิ่นต้องการคำนึงเกี่ยวกับผลที่อาจจะตามมาหลังทำงานร่วมกับชายคนนั้นซะก่อน
“โอเค ให้คำตอบกับข้าโดยเร็วที่สุด ลุงอวี้คุนกำลังรออยู่ และข้าต้องการเอาคำตอบไปให้เขา” อวี้จิงพูด
หลังจากที่บอกลาอวี้จิง หานเซิ่นก็เดินทางออกจากเกาะหยกน้อยและมุ่งหน้าไปที่เกาะหลักที่ผู้นำปราสาทนภาอยู่อาศัย