Super God Gene – ตอนที่ 2637

หานเซิ่นสองจิตสองใจ เขาอยากจะได้ทะเลดารากร มันเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการใช้เป็นที่ตั้งหลักปักฐานสำหรับมนุษยชาติ ด้วยทรัพยากรที่เพียงพอ เขาสามารถสร้างกองกำลังที่ไม่แพ้ใครในจักรวาลนี้ แบบนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกระจายกันออกไปทั่วทั้งจักรวาลอีก เขาสามารถรวบรวมผู้คนมาอยู่ที่นี่

 

แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะทำอะไรแบบนั้นได้ เขาจำเป็นต้องมีดินแดนเป็นของตัวเอง ตอนนี้สถานที่ปลอดภัยในจักรวาลถูกปกครองโดยเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่ทรงอำนาจเรียบร้อยแล้ว แม้แต่เผ่าพันธุ์เล็กๆก็จะเกี่ยวพันกับปราสาทนภาหรือเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โตเผ่าอื่นๆ แบบนั้นการจะเข้ายึดครองระบบจักรวาลที่กำลังพัฒนาก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ส่วนระบบจักรวาลที่ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนครองครองอย่างระบบจักรวาลเคออสก็เป็นอะไรที่อันตรายเกินไป

 

ผู้นำปราสาทนภาเสนอซีโน่เจเนอิคสเปชที่อุดมไปด้วยทรัพยากรให้กับเขา สำหรับหานเซิ่นนั่นเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพัฒนามนุษย์ชาติภายในจักรวาลจีโน

 

“เจ้าลองกลับไปคิดดู เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบให้คำตอบข้า แค่มาบอกข้าเมื่อเจ้าตัดสินใจได้แล้ว” ผู้นำปราสาทนภาพูด

 

หานเซิ่นพยักหน้า เขาจำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ขณะที่หานเซิ่นหันกลับ เขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“ท่านผู้นำ ลุงอวี้คุนได้มาขอให้ข้าช่วยเขาฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่ง ท่านคิดว่าข้าควรจะช่วยเขาไหม?”

 

“อวี้คุน?” ผู้นำปราสาทนภาเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูด
“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา ถ้าเจ้าทำได้ เจ้าก็ควรจะไปช่วยเขา อวี้คุนนั้นมีชีวิตที่ยากลำบาก”

 

ตอนนี้เมื่อได้รับการเห็นชอบจากผู้นำปราสาทนภา หานเซิ่นก็วางใจที่จะไปพบกับอวี้คุน แต่เขายังอยากจะดูก่อนว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าแบบไหนที่ชายคนนั้นต้องการจะฆ่า หลังจากนั้นเขาค่อยตัดสินใจว่าช่วยได้หรือเปล่า

 

ถ้าเขาตัดสินใจจะช่วย เขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่ แต่มันยังมีปัจจัยหลายอย่างที่จำเป็นต้องคำนึงก่อนที่จะรับงานนี้

 

หลังจากที่หานเซิ่นกลับไปแล้ว เขาก็ติดต่อไปหาอวี้จิง ซึ่งอวี้จิงก็ยินดีจะรีบจัดการให้เขาได้พบกับอวี้คุนในทันที

 

‘เราควรจะไปหรือไม่ไปดี?’ หานเซิ่นครุ่นคิด การไปที่เผ่าเวรี่ไฮนั้นเป็นการตัดสินใจที่ยากสำหรับหานเซิ่น แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นตัดสินใจแทนได้เช่นกัน

 

หานเซิ่นเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง และสุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าควรจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ เขาต้องการทะเลดารากรมาเป็นของตัวเอง ซึ่งถ้าเขาเกิดพลาดโอกาสนี้ไป มันก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีที่เขาจะมีโอกาสได้รับซีโน่เจเนอิคสเปชที่อุดมด้วยทรัพยากรแบบนี้ ถ้าเขาพยายามต่อสู้เพื่อยิ่งชิงซีโน่เจเนอิคสเปชหนึ่งมาเป็นของตัวเอง มันก็จะไม่เป็นอะไรที่ปลอดภัยเหมือนอย่างทะเลดารากร และบางซีโน่เจเนอิคสเปชก็ถูกพัฒนาไปมากเกินไป พวกมันอาจจะทำให้หานเซิ่นไม่สามารถจัดหาทรัพยากรได้มากอย่างที่ต้องการ

 

‘ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องไปที่เผ่าเวรี่ไฮ โชคดีที่ฉันพบวิธีการที่จะป้องกันการอ่านจิตใจของพวกเขา ถ้าวิธีของผู้นำปราสาทนภาไม่ได้ผล เราก็มีวิธีการของตัวเอง และถ้าวิธีการนั้นก็ไม่ได้ผลอีก เราก็ต้องเป็นอย่างหนิงเยวี่ยที่พึ่งพาแค่เจตจำนงของตัวเอง’ หานเซิ่นกัดฟัน ถึงมันจะเป็นอะไรที่ยากลำบาก แต่ถ้าหนิงเยวี่ยสามารถทำได้ เขาก็เชื่อว่าตัวเองจะทำได้เช่นเดียวกัน

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้ให้คำตอบกับผู้นำปราสาทนภาในทันที เขาต้องจัดการเรื่องของอวี้คุนก่อนเป็นอันดับแรก แบบนั้นเขาก็จะมีเวลาได้คิดต่ออีกหน่อย มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องรีบร้อนตัดสินใจเรื่องใหญ่แบบนี้

 

อวี้จิงรีบกำหนดเวลาที่หานเซิ่นและอวี้คุนจะได้พบกัน เมื่อหานเซิ่นได้เห็นอวี้คุน เขาก็รู้สึกตกใจ มันยากจะเชื่อได้ว่าอวี้คุนนั้นเป็นรุ่นเดียวกันกับผู้นำปราสาทนภา

 

นั่นเป็นเพราะว่าอวี้คุนดูแก่กว่าผู้นำปราสาทนภามาก หานเซิ่นไม่รู้ว่าผู้นำปราสาทนภาอายุมากเท่าไหร่แล้ว แต่เขาดูเหมือนคนวัยสี่สิบ ส่วนอวี้คุนดูเหมือนกันคนชราเมื่อเทียบกันแล้ว เส้นผมของเขาเป็นสีเทาและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยย่น ที่สำคัญที่สุดคือสีหน้าของเขาดูแก่และเหนื่อยล้า เขาดูไร้ชีวิตชีวาจนแทบจะไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิต เขาเป็นคนที่ใจเย็น

 

อวี้คุนบอกหานเซิ่นเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่เขาต้องการฆ่า แต่เขาดูไม่มั่นใจนักว่าหานเซิ่นจะช่วยได้

 

หลังจากที่ได้ยินที่ชายคนนั้นบอก หานเซิ่นก็เงียบไป หลังจากนั้นเขาก็พูดกับอวี้คุนไปตรงๆ
“มิสเตอร์อวี้คุน การแลกเปลี่ยนจำเป็นต้องยุติธรรมและเท่าเทียม ข้าจะช่วยท่านต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคตัวนี้ ซึ่งถ้าข้าทำไม่สำเร็จ ข้าก็จะไม่เอารางวัลอะไร แต่ถ้าพวกเราสังหารซีโน่เจเนอิคได้สำเร็จ ท่านจะให้อะไรข้าเป็นการตอบแทน?”

 

อวี้คุนดูเหมือนจะคิดเกี่ยวกับคำถามนั่นมาแล้ว หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด เขาก็นำเอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า เขาวางมันลงบนโต๊ะและพูดอย่างใจเย็น
“พยายามอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเจ้าจะทำสำเร็จหรือไม่ สิ่งนี้จะตกเป็นของเจ้า”

 

หานเซิ่นมองสิ่งที่อวี้คุนวางลงบนโต๊ะ มันเป็นรูปปั้นไม้ขนาดเล็กที่สลักเป็นรูปสัตว์ มันดูคล้ายคลึงกับแรด มันมีขนาดพอๆกับมือคน และไม้ที่ใช้สร้างดูเหมือนจะเหลืองด้วยอายุที่มาก มันดูเป็นอะไรที่เก่าแก่

 

หานเซิ่นไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร มันดูเหมือนกับของประดับ มันไม่ได้ปลดปล่อยพลังอะไรออกมา ดังนั้นมันดูไม่เหมือนกับสมบัติซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังเช่นกัน

 

อวี้จิงยืนอยู่ด้านข้าง และเมื่อเขาเห็นแรดไม้นั่น เขาก็องตะโกนขึ้นมา
“นั่นมันแรดไม้สปิริตนี่น่า? ลุกคุน นี่ลุงคิดจะยอมปล่อยมันไปจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

อวี้จิงหันไปมองหานเซิ่นและพูด “เมื่อนานมาแล้วเผ่าพันธุ์ของพวกเราพบพืชระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายภายในระดับจักรวาลเคออส ผู้คนของพวกเราร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็เอามาได้แค่ส่วนของไม้ที่มีความยาวหนึ่งฟุตเท่านั้น หลังจากนั้นระดับเทพเจ้าคนหนึ่งก็ได้สลักไม้นั่นเป็นไม้สปิริต รูปปั้นสามรูปถูกสร้างขึ้นมาในรูปของช้าง แรดและม้า แรดไม้สปิริตนี้คือหนึ่งในพวกมัน”

 

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ อวี้จิงก็พูดต่อ “ถึงแม้แรดไม้สปิริตจะไม่ได้ถูกทำเป็นสมบัติซีโน่เจเนอิค แต่การพกมันติดตัวนั้นจะช่วยเหลือร่างกายของคนๆนั้น มันจะเติมเต็มร่างกายด้วยกำลังวังชาและทำให้คนๆนั้นมีชีวิตชีวามากขึ้น แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับแรดไม้สปิริต สิ่งที่สำคัญที่สุดคือระดับเทพเจ้าที่แกะสลักพวกมันขึ้นมาได้ทิ้งวิชาจีโนสามตัวเอาไว้ภายในไม้สปิริตทั้งสาม ถ้าใครได้รูปปั้นไปครอบครอง พวกเขาก็จะได้รับวิชาจีโนที่อยู่ภายใน”

 

“วิชาจีโนของช้างไม้สปิริตและม้าไม้สปิริตถูกเรียนรู้โดยคนอื่นไปเรียบร้อยแล้ว พวกมันมีชื่อว่าวิชาหมัดรูปปั้นสปิริตยักษ์และวิชาแม่น้ำนภากลืนวัน พวกมันเป็นวิชาลับที่มีชื่อเสียงของปราสาทนภา”

 

หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อของวิชาจีโนทั้งสอง เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกมันมาก่อน แม้แต่ศิษย์ของปราสาทนภาที่ต้องการจะฝึกพวกมันก็ยังต้องลำบากลำบนอย่างมากกว่าจะได้รับอนุญาตให้เรียนรู้พวกมัน แถมศิษย์ที่ต่ำกว่าระดับราชันก็ไม่สามารถฝึกพวกมันได้

 

แต่เพียงแค่วิชาจีโนนั้นไม่ได้หมายความว่ามันจะดึงดูดความสนใจของหานเซิ่น

 

แต่สิ่งที่อวี้จิงพูดต่อไปนั้นเปลี่ยนใจของหานเซิ่น

 

“ในตอนที่บุคคลสองคนแรกที่ได้เรียนรู้วิชาจีโนของช้างไม้สปิริตและม้าไม้สปริตร พวกมันช่วยเร่งการฝึกฝนของพวกเขา คนหนึ่งพัฒนาจากระดับราชันไปสู่ระดับครึ่งเทพ ขณะที่อีกคนพัฒนาจากระดับครึ่งเทพไปสู่ระดับเทพเจ้า”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset