มันเป็นเรื่องบังเอิญที่หลี่อวี้เจินมาเจอกับหานเซิ่นที่ต้นไม้ดารา หลี่อวี้เจินเพิ่งจะได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เพื่อเข้ารับการทดสอบ ซึ่งถ้าเขาสอบผ่านการทดสอบ เขาก็จะได้เป็นคนรับผิดชอบต้นไม้ดาราขณะที่เจ้าของไม่อยู่ หลี่อวี้เจินยังได้รู้ข่าวมาอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือเรื่องที่เมื่อผู้อาวุโสคนนี้เดินทางออกไปจากต้นไม้ดาราแล้ว เขาอาจจะไม่กลับมาอีก ดังนั้นถ้าหลี่อวี้เจินได้เป็นคนดูแลต้นไม้ต่อ มันก็มีโอกาสสูงที่ต้นไม้ดาราจะเป็นของเขาอย่างถาวร นั่นเป็นเหตุผลที่หลี่อวี้เจินตื่นเต้นและรีบร้อนมาที่นี่
การได้ดูแลต้นไม้ดาราชั่วคราวนั้นไม่ใช่งานที่สำคัญอะไร แต่การได้เป็นผู้ดูแลอย่างถาวรถือเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ แต่ทว่าในตอนที่เขามาที่ต้นไม้ดารา เขาก็เห็นว่าหานเซิ่นมายืนอยู่หน้าต้นไม้เรียบร้อยแล้ว เขาคิดว่าหานเซิ่นเสียมารยาทอย่างมากตอนอยู่ที่ทะเลสาบ หานเซิ่นเพียงแค่ตัวไหม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กล้าล่วงละเมิดคนของเผ่าเวรี่ไฮ หลี่อวี้เจินคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สั่งสอนบทเรียนให้กับหานเซิ่น
‘ภายนอกเอาท์เตอร์สกาย เจ้าอาจจะเป็นอัจฉริยะ แต่ในที่แห่งนี่เจ้าต่ำยิ่งกว่าดิน ถ้าเจ้าไม่รู้ในเรื่องนั้น เจ้าก็คงจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเราไม่ได้ ข้าหวังดีกับเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงของเอ็กซ์ควิสิท’ หลี่อวี้เจินยิ้มกับตัวเอง
หลังจากนั้นชายแก่ก็มองไปที่ต้นไม้และพูดขึ้นมา “ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมพวกเจ้าทั้งคู่ไม่แข่งกันกำจัดแมลงล่ะ?”
“กำจัดแมลง?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมานี้จำเป็นต้องคอยกำจัดแมลงด้วยหรอ? นั่นเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจไม่น้อย
เนื่องจากหานเซิ่นเพิ่งจะได้รู้ถึงการมีอยู่ของต้นไม้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหน้าที่ของคนเฝ้าต้นไม้ดาราก็คือการกำจัดแมลงเป็นครั้งคราว ไม่อย่างนั้นแมลงก็จะกินและทำลายผลไม้ดารา นั่นเป็นสิ่งที่หลี่อวี้เจินจะต้องทำถ้าเขาได้รับเลือกให้เป็นคนดูแลต้นไม้
ถ้าหลี่อวี้เจินไม่มาอยู่ที่นี่ การทดสอบของหานเซิ่นก็คงจะเป็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไป แต่ทว่าด้วยสถานการณ์ที่พิเศษ ชายแก่จึงคิดว่าการทดสอบนี้เป็นอะไรที่เหมาะสมกับพวกเขาทั้งคู่
“ในระหว่างการทดสอบ พวกเจ้าจะใช้สมบัติหรือพลังพิเศษอะไรไม่ได้ พวกเจ้าจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองในการกำจัดแมลง และพวกเจ้าจะทำให้ต้นไม้ดาราได้รับความเสียหายไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแค่พวกเจ้าจะไม่ได้รับรางวัล พวกเจ้ายังจะถูกลงโทษด้วย” ชายแก่พูดเตือน
“ลุง แมลงแบบไหนกันที่พวกเราต้องกำจัด?” หานเซิ่นถามชายแก่อย่างมีมารยาท
“มันมีแมลงเพียงแค่ชนิดเดียวที่กล้าเข้ามาใกล้ต้นไม้ดารา” ชายแก่ตอบ
“พวกมันถูกเรียกว่าด้วงดารา ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งวัน พวกเจ้าจะผ่านการทดสอบถ้าพวกเจ้ากำจัดแมลงได้หนึ่งพันตัว และทุกๆการกำจัดแมลงหนึ่งร้อยตัว พวกเจ้าจะได้รับผลไม้ดาราหนึ่งลูก”
หานเซิ่นดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เขากลัวว่าถึงแม้จะทำทุกอย่างได้ถูกต้อง ชายแก่ก็อาจจะไม่ยอมมอบผลไม้ดาราให้กับเขา แต่ตอนนี้เมื่อชายแก่มอบเงื่อนไขแบบนั้นออกมา หานเซิ่นก็สามารถวางใจได้
“พวกเรามาเริ่มกันตอนนี้เลย แล้วพรุ่งนี้พวกเจ้าค่อยกลับมาที่นี่ ร่างของด้วงดารานั้นทิ้งเอาไว้บนต้นไม้ พวกมันจะถูกเก็บกวาดในภายหลัง” ชายแก่พูด
หานเซิ่นและหลี่อวี้เจินโค้งคำนับชายแก่ หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มบินขึ้นไปบนยอดต้นไม้ หลี่อวี้เจินหันมามองหานเซิ่นก่อนที่จะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่น เขาหายตัวไปบนต้นไม้ ขณะที่หานเซิ่นยังคงค่อยๆบินขึ้นไป
ต้นไม้ดารานั้นใหญ่มหึมา ผลไม้ดาราแต่ละลูกเป็นเหมือนกับดาวเคราะห์น้อย ถึงแม้หานเซิ่นจะบินได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าที่เขาจะขึ้นไปถึงยอดของต้นไม้
หลี่อวี้เจินเริ่มฆ่าแมลงมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ต้นไม้นั้นใหญ่โตเกินไป หานเซิ่นจึงไม่เห็นตำแหน่งของหลี่อวี้เจิน ด้วยเหตุนั้นเขาต้องตามหาพวกแมลงตามลำพัง
เมื่อเห็นต้นไม้ดาราจากระยะใกล้ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าใบของต้นไม้ดาราดูเหมือนกับหยกจริงๆ ผลไม้ลูกยักษ์นั้นใสราวกับคริสตัล
เนื่องจากชายแก่พูดอย่างเคร่งครัดว่าไม่สามารถสร้างความเสียหายกับต้นไม้ดาราได้ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่กล้าแตะต้องต้นไม้ เขาเพียงแค่บินไปรอบๆ
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็พบแมลงตัวหนึ่งนอนอยู่บนกิ่งของต้นไม้ดารา มันดูดุร้ายราวกับมังกรและมีขนาดราวกับกระทิงที่โตเต็มวัย เปลือกของมันเป็นสีฟ้า เปลือกของมันแสงส่องระยิบระยับออกมาราวกับดวงดาว ใบหน้าของมันดูเหมือนกับใบหน้าของด้วงเขี้ยวกาง มันมีอุ้งเท้าทั้งหมดแปดข้างและมีเขาประหลาดที่เหมือนกับก้ามปู
ชายแก่สั่งให้พวกเขากำจัดแมลงโดยไม่สร้างความเสียหายกับต้นไม้ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้ตรงเข้าไปฆ่ามันในทันที เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงมองเจ้าแมลงจากระยะไกล
เมื่อดูจากพลังชีวิตของด้วงดาราแล้ว หานเซิ่นก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันเป็นระดับราชันขั้นที่สามไม่ก็ขั้นที่สี่ สิ่งมีชีวิตแบบนั้นกำจัดได้ไม่ยาก
แต่หานเซิ่นยังคงไม่รีบร้อนทำอะไร เขามองไปที่แมลงและคิดกับตัวเอง
‘เขาบอกว่าห้ามสร้างความเสียหายกับต้นไม้ นั่นหมายความเราจะทำการต่อสู้บนต้นไม้ไม่ได้ เราจำเป็นต้องฆ่าแมลงในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพื่อที่แมลงจะได้ไม่มีโอกาสสร้างความเสียหายกับต้นไม้’
‘มันเป็นซีโน่เจเนอิคชนิดว่างเปล่า ดังนั้นร่างกายของมันไม่มีธาตุ มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่พึ่งพละกำลังล้วนๆ นั่นหมายความว่าเปลือกของมันจะต้องแข็งกว่าซีโน่เจเนอิคตัวอื่นที่อยู่ระดับเดียวกัน การจะฆ่าสิ่งมีชีวิตแบบนี้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นเป็นเรื่องยาก’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หลังจากที่สังเกตเจ้าแมลงอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่สามารถระบุจุดอ่อนของมันได้ ร่างกายทั้งร่างของมันปกคลุมไปด้วยเปลือก หานเซิ่นรู้ว่าการจะฆ่าพวกแมลงนั้นจำเป็นทะลวงเปลือกของมันให้ได้
‘ถ้ามันไม่มีจุดอ่อน เราก็ต้องเจาะทะลวงเปลือกของมันด้วยกำลัง แต่การใช้กำลังเป็นอะไรที่มีความเสี่ยงสูง ถ้าเกิดเราพลาดและมันโต้กลับมา มันก็อาจจะสร้างความเสียหายต่อต้นไม้ดารา’ หานเซิ่นครุ่นคิดขณะที่ยังสังเกตด้วงดาราต่อไป
ทางด้านหลี่อวี้เจินได้เปรียบกว่ามาก ไม่เพียงแค่เขาขึ้นไปถึงบนต้นไม้ก่อนหน้าหานเซิ่นหนึ่งชั่วโมง แต่เขายังรู้ข้อมูลเกี่ยวกับด้วงดาราอยู่ก่อนแล้ว เขารู้ถึงจุดอ่อนของพวกมัน และเขาก็รู้วิธีที่จะฆ่าพวกมันอย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่เจอด้วงดารา หลี่อวี้เจินก็เริ่มกำจัดมันในทันที หลี่อวี้เจินไม่ได้ฝึกวิชาเวรี่ไฮเซ้นสต์ แต่เผ่าเวรี่ไฮมีวิชาจีโนอยู่มากมายนับไม่ถ้วน หลี่อวี้เจินเป็นหนึ่งในระดับราชันที่เก่งกาจที่สุดในเผ่าเวรี่ไฮ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะฆ่าด้วงดาราระดับราชันตัวหนึ่ง
เปลือกของด้วงดารานั้นแข็งมากๆ แม้แต่นักสู้ระดับราชันก็ยังเจาะทะลวงเปลือกของมันได้ยาก แต่หลี่อวี้เจินใช้เพียงแค่ไม่กี่หมัดในการฆ่าด้วงดารา
หลี่อวี้เจินฆ่าด้วงดาราไปเป็นสิบตัวก่อนที่หานเซิ่นจะขึ้นมาถึงยอดต้นไม้ด้วยซ้ำ แถมในตอนที่หานเซิ่นเจอด้วงดารา เขาก็ไม่ได้ทำการโจมตีในทันที เขาทำการสังเกตพวกมันอยู่สักพัก ในตอนที่หลี่อวี้เจินฆ่าด้วงดาราได้หนึ่งร้อยตัว หานเซิ่นยังไม่เริ่มฆ่าด้วงตัวแรกเลย
“ทำไมพ่อถึงยังไม่ทำอะไร?” เป๋อเอ๋อจับมือของเอ็กซ์ควิสิทขณะที่พูดขึ้นมา
ภาพในกระจกแสดงให้เห็นทั้งหานเซิ่นและหลี่อวี้เจิน หลี่อวี้เจินฆ่าด้วงไปหนึ่งร้อยตัวแล้ว แต่หานเซิ่นยังคงไม่ทำอะไร
“เขากำลังคิดหาวิธีที่จะฆ่าด้วงดารา” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“มันมีอะไรต้องคิด? เพียงแค่นิ้วเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้แมลงพวกนั้นแล้ว” เป่าเอ๋อพูดด้วยความสงสัย
เอ็กซ์ควิสิทไม่ตอบ แต่ชายแก่พูดขึ้นมา “เขากำลังคิดเกี่ยวกับวิธีการที่จะไม่สร้างความเสียหายกับต้นไม้”