เนื่องจากหลี่เคอเอ๋อยังไม่ได้เลือกตัวไหม การประลองระหว่างตัวไหมจึงถูกเลื่อนออกไปอีกจนต้นไม้ดาราประสบกับการคุกคามของเหล่าแมลงอีกครั้งหนึ่ง แต่มันเพิ่งจะผ่านไปไม่นานหลังจากที่ด้วงดาราครั้งก่อนถูกเก็บกวาด ดังนั้นหานเซิ่นจึงรู้ว่าฝูงแมลงที่มาในครั้งนี้ไม่ได้มากนัก หานเซิ่นปล่อยให้ยักษ์หินและซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวอื่นอยู่ใกล้ต้นไม้ดารา เมื่อเขารับประกันความปลอดภัยของต้นไม้ดาราได้แล้ว เขาก็กลับมาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์เพื่อฝึกและตกปลาต่อ
“ฮะ? ทำไมเราถึงตกได้อย่างอื่น?”
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน หานเซิ่นดึงสายตกปลาขึ้นมาและสังเกตเห็นว่าสิ่งที่เขาตกขึ้นมาได้คือโล่แทนที่จะเป็นแผ่นกระดาษเหมือนกับทุกที โล่นั้นทั้งเก่าและทรุดโทรม มันเต็มไปด้วยสนิม หานเซิ่นจับมันด้วยมือของเขา และเพียงแค่เขาออกแรงหน่อยเดียวมันก็เพียงพอจะบดขยี้โล่เก่าๆนั่น
“นี่มันอะไรกัน? ทำไมเราถึงตกได้ของห่วยๆแบบนี้?”
หานเซิ่นรู้สึกผิดหวัง แต่หลังจากนั้นเขาก็คิดกับตัวเอง ‘ถ้าเราตกไม่ได้กระดาษสีเหลืองพวกนั้นแล้ว นั่นหมายความว่าเราตกพวกมันขึ้นมาจนครบแล้วอย่างนั้นหรอ?’
เนื่องจากเอ็กซ์ควิสิทไม่ได้อยู่ หานเซิ่นจึงนำเอาแผ่นกระดาษสีเหลืองทั้งหมดออกมาและเริ่มเรียงลำดับตามหมายเลขหน้าของพวกมัน ตอนนี้มันเป็นหนังสือที่สมบูรณ์แล้วจริงๆ
“สามร้อยหกสิบห้าหน้า นั่นเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญ” โดยเริ่มจากหน้าแรกสุด หานเซิ่นอ่านเนื้อหาของหนังสืออีกครั้ง
โดยปกติแล้วเมื่อเอ็กซ์ควิสิทอยู่ที่นี่ หานเซิ่นจะไม่กล้าคิดหรือฝึกอะไรนอกเหนือไปจากวิชาก็อตส์วอนเดอร์และเวรี่เรียลบอดี้ การมีเพียงแค่สองวิชาให้ฝึกเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ตอนนี้เมื่อเขามองไปที่คัมภีร์นภาอำพัน ความรู้สึกสนใจและความมีชีวิตชีวิตก็กลับมาสู่หานเซิ่นอีกครั้ง หนังสือเล่มนี้ทำให้เขารู้สึกหลงไหล
ถึงแม้คัมภีร์นภาอำพันจะมีเพียงแค่รูปภาพ แต่หลังจากที่หานเซิ่นสังเกตมันอย่างละเอียด เขาก็เริ่มจะรู้สึกหนาวขึ้นมา
สถานการณ์ทั้งหมดเป็นอะไรที่ประหลาด กระดาษแผ่นหนึ่งที่ตกขึ้นมาจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์จะมีภาพร่างกายของมนุษย์อยู่ได้ยังไงกัน?
หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่ภาพเหล่านั้นไม่ได้เป็นภาพของมนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์เท่านั้น แต่หลังจากที่ตรวจดูเส้นสีแดงและฟ้าในรูปภาพอย่างถี่ถ้วนแล้ว หานเซิ่นก็เริ่มจะขนลุกขึ้นมา
เส้นสีแดงและฟ้าในรูปภาพนั้นเหมือนกับวิชาโลหิตชีพจร ไม่สิ มันไม่ได้คล้ายคลึงกับวิชาโลหิตชีพจร แต่มันตรงกันข้ามกัน มันเหมือนกับวิชาโลหิตชีพจรที่กลับตาลปัตร
หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนๆหนึ่งฝึกวิชาโลหิตชีพจรที่กลับตาลปัตร แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์นภาอำพันนี้
“นี่มีใครบางคนพยายามจะใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อหลอกเราอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงกับสถานการณ์นี้ดี
เขาตกวิชาจีโนของมนุษย์ขึ้นมาจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ และมันยังเป็นวิชาโลหิตชีพจรเวอร์ชั่นกลับตาลปัตรอีก เรื่องทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่แปลกมากๆ
แต่มันไม่สมเหตุสมผล ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้จะถูกจัดฉากขึ้นโดยใครบางคน ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์นั้นเชื่อมต่อกับโลกปฏิสสาร ดังนั้นไม่มีใครสามารถลงไปที่นั่นได้ และถึงจะมีใครคนหนึ่งลงไปในทะเลสาบได้จริงๆ เขาก็ไม่ควรจะรู้ว่าหานเซิ่นนั้นฝึกวิชาโลหิตชีพจร
หานเซิ่นมองไปที่คัมภีร์นภาอำพันด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เขาไม่กล้าจะฝึกมัน เขาไม่แม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมัน
จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องฝึกมัน ถ้าเขาหวังที่จะใช้มัน เขาก็แค่ต้องใช้วิชาโลหิตชีพจรอย่างกลับตาลปัตร
แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาพยายามจะทำแบบนั้น ในคัมภีร์นภาอำพันเองก็ไม่ได้บอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน เขาไม่สามารถคาดเดาถึงผลที่จะตามมาหลังจากใช้วิชาจีโนในวิธีการแบบนั้นได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หานเซิ่นอยากไปถามใครสักคนในพยุหะโลหิต แต่เขากำลังอยู่ในเอาท์เตอร์สกาย ตอนนี้เขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แม้แต่การโทรไปหาสมาชิกของพยุหะโลหิตก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หานเซิ่นเอาคัมภีร์นภาอำพันไปเก็บ เขาไม่กล้าจะมองดูมันอีกต่อไป ถ้าเขาเกิดสนใจมันขึ้นมาในอนาคต เขาก็สามารถใช้วิชาโลหิตชีพจรกลับหลังได้ทุกเมื่อ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาทำแบบนั้น
“มันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆถ้ากุนซือไวท์อยู่ที่นี่ด้วย ด้วยความรู้ของเขา เขาคงจะช่วยเราวิเคราะห์คัมภีร์นภาอำพันได้”
หานเซิ่นอยากจะใช้เวลาศึกษามากกว่านี้ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ศึกษาความรู้ของสำนักเสวียนอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำต่อไป สัญลักษณ์สามเหลี่ยมของรูปปั้นหยกก็เรืองแสงขึ้นมาอีกครั้ง หานเซิ่นรีบสงบจิตใจและบังคับตัวเองให้คิดเกี่ยวกับวิชาเวรี่เรียลบอดี้
ไม่นานหลังจากนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็เทเลพอร์ตมาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ แต่ทว่าครั้งนี้เธอไม่ได้มาตามลำพัง เธอพาหลี่เคอเอ๋อมาด้วย
หานเซิ่นไม่ได้เห็นหลี่เคอเอ๋อตั้งแต่ที่พวกเขาแยกกันในคอร์แอเรีย ตอนนี้เธอดูเศร้าๆ
เอ็กซ์ควิสิทแนะนำตัวหลี่เคอเอ๋อให้หานเซิ่นรู้จัก หลี่เคอเอ๋อจดจำหานเซิ่นได้ แต่เธอไม่ได้รู้ว่าเขาคือคนเดียวกันกับดอลลาร์
“หานเซิ่น ข้ามีบางสิ่งอยากให้เจ้าช่วย” หลังจากที่เอ็กซ์ควิสิทแนะนำตัว เธอก็พูดเข้าเรื่องโดยไม่เสียเวลา
“ข้าจะอะไรทำเพื่อช่วยเหลือเจ้าได้?” หานเซิ่นถามด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นคนนอกในเอาท์เตอร์สกาย ดังนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ซึ่งเรื่องนี้ต้องเป็นอะไรที่พิเศษถึงทำให้เอ็กซ์ควิสิทเลือกจะมาขอความช่วยเหลือจากเขา
“มันมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้นางยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ นางจำเป็นต้องเลือกใครสักคน” เอ็กซ์ควิสิทพูด
หลี่เคอเอ๋อส่ายหัว ขณะที่ยังคงดูเศร้าสร้อยนางพูดขึ้นว่า “พี่สามไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมให้มากความ ตัวไหมที่ข้าเลือกปฏิเสธข้า และเขาไม่อยากจะเห็นหน้าข้าอีก ด้วยเหตุนั้นข้าจึงต้องเลือกตัวไหมคนใหม่”
หานเซิ่นพยายามหลีกเลี่ยงการคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขากลัวว่าเอ็กซ์ควิสิทจะสัมผัสได้ถึงความคิดของเขาและรู้ความจริงขึ้นมา
หานเซิ่นรู้ว่าหลี่เคอเอ๋อกำลังพูดถึงดอลลาร์ แต่เธอกล่าวหาเขาอย่างผิดๆ ที่เขาไม่เข้าไปในคอร์แอเรียนั้นไม่ได้เพราะเขากำลังหลีกเลี่ยงเธอ ความจริงแล้วเขาไม่ได้พยายามจะซ่อนตัวจากหลี่เคอเอ๋อเลยสักนิด เขาเพียงแค่ติดอยู่ภายในเอาท์เตอร์สกาย ทำให้เขาเข้าไปในคอร์แอเรียไม่ได้
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร?” หานเซิ่นถาม เขาไม่รู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทต้องการอะไร เขาตกลงจะเป็นตัวไหมของเอ็กซ์ควิสิทเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะสามารถทำอะไรเพื่อช่วยหลี่เคอเอ๋อได้
“เวลาเกือบหมดแล้ว แต่น้องสาวของข้ายังหาตัวไหมดีๆไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงมาขอให้เจ้าช่วย ถ้าเจ้าโน้มน้าวให้ไผ่เดียวดายยอมเป็นตัวไหมของนางได้ พวกเราก็จะซาบซึ้งอย่างมาก” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“ข้าทำเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ ถ้าไผ่เดียวดายยินดีจะมา เขาก็คงจะไม่ยอมถูกขังแบบนั้น มันไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจของเขาได้” หานเซิ่นพูด
“เจ้าจะบอกว่าถึงแม้เจ้าจะขอร้อง เขาก็จะไม่ฟังเจ้าอย่างนั้นหรอ? ข้าก็คิดว่าเขายินดีจะไปแทนเจ้าซะอีก” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น
“ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย แต่ข้าคงจะช่วยพวกเจ้าในเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ”
หานเซิ่นส่ายหัว เขารู้ว่าสถานการณ์นั้นมันน่าอึดอัดขนาดไหน
ถึงแม้เขาจะมีรูปปั้นหยกของผู้นำปราสาทนภาอยู่ แต่เขาก็ยังต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา มันเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการให้โจรไปอยู่ในสถานีตำรวจ ถ้าเขาไม่ระวังตัวให้ดี เอ็กซ์ควิสิทก็จะมองเข้าไปในจิตใจของเขา เขาไม่ต้องการให้ไผ่เดียวดายมาประสบชะตากรรมแบบเดียวกับเขา
“ถ้าเจ้าโน้มน้าวไผ่เดียวดายไม่ได้ แบบนั้นมันก็มีอีกหนทางหนึ่งที่เจ้าจะช่วยพวกเราได้” เอ็กซ์ควิสิทหัวเราะคิกคักให้กับหานเซิ่น
“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถาม เขาเริ่มจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
“มันเป็นอย่างที่เจ้าคิด ข้าอยากให้เจ้าช่วยเป็นตัวไหมของน้องสาวข้าด้วยอีกคน” เอ็กซ์ควิสิทพูด ความกังวลของหานเซิ่นกลายเป็นความจริงขึ้นมา