“ข้าอยากจะเข้าไปในคอร์แอเรีย มันพอจะมีหนทางบ้างไหน?” หานเซิ่นถามหลี่เคอเอ๋อ
เขานึกขึ้นมาได้ว่าหลี่เคอเอ๋อเป็นคนของเวรี่ไฮ แต่เธอมักจะเดินทางเข้าไปในคอร์แอเรียอยู่บ่อยๆ แต่เอ็กซ์ควิสิทบอกกับเขาว่าเอาท์เตอร์สกายนั้นตัดขาดจากเข้าไปในคอร์แอเรีย หานเซิ่นเชื่อว่าเธอพูดความจริง เพราะเขาเคยพยายามจะเข้าไปในคอร์แอเรียอยู่หลายครั้ง แต่เขาไม่สามารถทำได้
“ภายในเอาท์เตอร์สกายมีสถานที่เฉพาะที่จะเปิดประตูเข้าไปสู่คอร์แอเรียได้ แต่สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าไปใช้งานก็ได้ ถ้าเจ้าจำเป็นต้องเข้าไปในคอร์แอเรียจริงๆ บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้”
หลี่เคอเอ๋อมองหานเซิ่นอย่างสงสัย เธอสงสัยว่าทำไมหานเซิ่นอยากจะเข้าไปในคอร์แอเรียมากถึงขนาดนั้น
“ข้าต้องการเข้าไปในคอร์แอเรียเพื่อตามหาเพื่อนคนหนึ่ง บางทีเขาอาจจะมีหนทางทำให้ข้าเป็นผู้ชนะในการประลองระหว่างตัวไหม” หานเซิ่นพูด
หลี่เคอเอ๋อสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นไม่ได้โกหกเกี่ยวกับเหตุผลที่เขาต้องการเข้าไปในคอร์แอเรีย และในเรื่องเพื่อนที่เขาพูดถึงนั้น นางบอกได้ว่าเป็นความจริงในบางส่วนเช่นเดียวกัน ส่วนตัวตนของเพื่อนปริศนาคนนี้ เธอไม่อาจจะรู้ได้
หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่คิดเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนที่เขาบอกว่าเขาจะไปหาเพื่อน เขาไม่ได้ควบคุมความคิดอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมความคิดของตัวเอง และนั่นเป็นอะไรที่มากพอที่จะทำให้หลี่เคอเอ๋อไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลที่เขาต้องการจะไปพบนั้นเป็นใครกันแน่
“ข้าจะไปหาหนทางดู ข้าจะกลับมาให้คำตอบกับเจ้าในภายหลัง แต่ข้าไม่รับประกันว่ามันจะได้ผล ดังนั้นอย่าได้ตั้งความหวังกับมัน”
หลี่เคอเอ๋อแปลกใจกับความสามารถในการควบคุมจิตใจของหานเซิ่น แต่เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก ด้วยเหตุนั้นเธอจึงสลัดความคิดที่จะถามเขาทิ้งไป
หานเซิ่นรออยู่ครึ่งวัน แต่หลี่เคอเอ๋อก็ยังไม่กลับมา แต่ในระหว่างนั้นเอ็กซ์ควิสิทมาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร แต่เอ็กซ์ควิสิทบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไร เธอประหลาดใจและพูดขึ้นว่า “นี่หลี่เคอเอ๋อตกลงจะช่วยให้เจ้าได้เข้าไปในคอร์แอเรียอย่างนั้นหรอ?”
“เจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องยากและมันอาจจะไม่ได้ผล” หานเซิ่นกังวลว่าที่หลี่เคอเอ๋อหายหน้าไปเป็นเวลานานก็เพราะว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับข่าวร้าย
เอ็กซ์ควิสิทหัวเราะและพูด “เรื่องนี้เป็นอะไรที่ซับซ้อน ตามทฤษฎีแล้วมันมีเพียงแค่สถานที่เดียวในเอาท์เตอร์สกายที่จะเปิดประตูไปสู่คอร์แอเรียได้ แต่ที่แห่งนี้ถูกห้ามโดยผู้คนของพวกเรา มันไม่ได้เป็นพื้นที่หวงห้ามแค่กับคนนอกเท่านั้น แม้แต่คนของเวรี่ไฮส่วนใหญ่ก็ไม่อาจจะไปที่นั่นได้ แต่หลี่เคอเอ๋อถือเป็นบุคคลพิเศษ ถ้านางต้องการจะช่วยเหลือเจ้า มันก็อาจจะได้ผล”
“สถานที่แบบไหนกันที่เจ้ากำลังพูดถึง?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย
“ข้าเคยบอกเจ้าว่าเอาท์เตอร์สกายนั้นอยู่ระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร ที่แห่งนี่อยู่ระหว่างทั้งสองโลก เพราะอย่างนั้นทุกอย่างที่นี่ค่อนข้าง…แปลก การจะเชื่อมต่อไปยังโลกความเป็นจริงและเปิดประตูสู่คอร์แอเรียจะเป็นอะไรที่ซับซ้อน”
เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้อธิบายมากไปกว่านั้น “ด้วยเหตุนั้นการทำแบบนั้นจึงเป็นเรื่องที่อันตราย ซึ่งทำให้พวกเราถูกห้ามจากการเข้าไปในคอร์แอเรีย แต่พ่อของหลี่เคอเอ๋อเป็นผู้พิทักษ์และเขาก็รักหลี่เคอเอ๋อมากๆ ดังนั้นมันจึงไม่ควรจะเป็นเรื่องยากจนเกินไปที่นางจะโน้มน้ามพ่อของนาง”
“อย่างนี้นี่เอง” ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้ว
หลังจากรอคอยอีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหลี่เคอเอ๋อก็กลับมา เธอมาพร้อมกับข่าวดีซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ
หลี่เคอเอ๋อใช้สเปชเทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อนำพวกเขาไปถึงที่หมาย หลังจากเทเลพอร์ตอยู่หลายครั้ง พวกเขาก็มาถึงทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทะเลทรายนั้นดูไร้ที่สิ้นสุด มันคงจะใหญ่โตพอๆกับระบบสุริยะจักรวาล
ถึงแม้หานเซิ่นจะมีสายตาที่ดี แต่เขาก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของทะเลสาบ มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าทะเลสาบแห่งนี้กว้างใหญ่ถึงขนาดไหน
ขณะที่พวกเขายืนอยู่ในทะเล จู่ๆหลี่เคอเอ๋อก็ตะโกนไปสู่ทะเลทรายที่ว่างเปล่า
“พ่อ ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว ตอนนี้พวกเราไปได้แล้วใช่ไหม?”
ทันใดนั้นสายลมที่รุนแรงก็เกิดขึ้นในทะเลทรายที่เงียบสงบ สายลมนั้นพัดทรายสีเหลืองขึ้นสู่ท้องฟ้าและก่อตัวเป็นใบหน้าของชายเผ่าเวรี่ไฮคนหนึ่ง
“จำเอาไว้ว่า อย่าได้ก้าวผ่านสามด่าน” ชายเผ่าเวรี่ไฮพูด เขาดูเหมือนกับเทพแห่งทะเลทรายและเสียงของเขาก็ดังก้องราวกับฟ้าร้อง
“ข้ารู้ พ่อไม่จำเป็นต้องย้ำทุกครั้ง ข้าจะไม่ลืมและไปเกินสามด่าน พวกเราแค่ต้องการจะเข้าไปในคอร์แอเรียแค่นั้น” หลี่เคอเอ๋อพูด
ชายที่ดูเหมือนกับเทพแห่งทะเลทรายส่ายหัว เขาไม่ได้พูดอะไรเพื่อหยุดหลี่เคอเอ๋อ สายลมหยุดลงและหลังจากนั้นเม็ดทรายที่ถูกพัดก็ร่วงกลับลงมาบนพื้น ทะเลทรายกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง
“ไปกันเถอะ” หลี่เคอเอ๋อพูด หลังจากนั้นเธอก็ก้าวไปสู่ทะเลที่กว้างใหญ่
หานเซิ่นเดินตามเธอไป หลี่เคอเอ๋อพูดขณะที่เดินไปว่า
“พื้นที่แถวนี้ไม่เสถียร อย่าได้ใช้พลังของสเปชเทเลพอร์ตเทชั่นที่นี่เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะถูกดูดเข้าไปในโลกปฏิสสาร ซึ่งแม้แต่ผู้นำของพวกเราก็ช่วยเจ้ากลับมาไม่ได้”
หานเซิ่นพยักหน้า ตอนนี้เขาเข้าใจว่าทำไมหลี่เคอเอ๋อถึงเลือกจะเดินไปแทนที่จะเทเลพอร์ต
พวกเขาทั้งคู่เดินไปบนทะเลทราย และหลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็สังเกตเห็นสิ่งก่อสร้างประหลาดที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย มันมีทั้งสิ่งก่อสร้างที่ดูโบราณที่ทำขึ้นมาจากหินและสิ่งก่อสร้างโลหะที่ดูล้ำสมัย มันมีแม้กระทั่งยานรบกระจัดกระจายอยู่ในทรายเหลือง มันยากจะรู้ได้ว่าพวกมันอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว แม้แต่ทองคำขาวที่จะไม่สึกกร่อนก็ยังเสื่อมโทรม ในตอนที่สายลมพัดผ่าน ทองคำขาวก็จะกระจัดกระจายราวกับฝุ่นผงท่ามกลางทะเลทราย
มันมีรูปปั้นที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตรตั้งอยู่และมีเศษซากของสัตว์นับพัน ในทะเลทรายมีต้นไม้ตายที่ดูเหมือนกับมังกรตัวจริง ทะเลทรายที่ใหญ่โตนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกมากๆ
มันไม่มีความสอดคล้องกันของสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นสิ่งที่มาจากช่วงเวลาที่แตกต่างกัน พวกมันถูกทิ้งเอาไว้ในทะเลทรายแห่งนี้ราวกับเป็นขยะ และภาพของพวกมันก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากที่อ่านจิตใจของหานเซิ่น หลี่เคอเอ๋อก็อธิบาย “ที่นี่คือจุดตัดระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร มันมักจะมีสิ่งต่างๆจากโลกความเป็นจริงหรือโลกปฏิสสารหายเข้ามาในนี้ ครั้งหนึ่งพ่อของข้าได้พบร่างกายของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่นั่นถือเป็นอะไรที่โชคดีมากๆ โดยปกติแล้วของส่วนใหญ่ที่เข้ามาในนี้จะเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์”
เสียงบูมดังขึ้นขณะที่หลี่เคอเอ๋อกำลังพูด มันทำให้พวกเขาตกใจราวกับว่าท้องฟ้ากำลังถูกฝ่าเปิดออก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นบางสิ่งขนาดใหญ่โตโผล่ออกมาจากรอยแยกเหนือหัวพวกเขา
หานเซิ่นจ้องมองมันด้วยความตกใจ หัวของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ดันตัวเองผ่านช่องว่างที่บิดเบี้ยวเข้ามา
หัวของอสูรตัวนั้นมีสีเงิน และมันดูเหมือนกับงานศิลปะที่ทำขึ้นมาจากโลหะที่ล้ำค่า เขาสามเขางอกออกมาจากหัวของมัน ทำให้มันดูคล้ายคลึงกับไทรเซราทอปส์ แต่มันใหญ่โตกว่าไทรเซราทอปส์มาก แค่หัวของมันอย่างเดียวก็มีความยาวมากกว่าสิบเมตร
ตูม!
อสูรขนาดใหญ่ตัวนั้นร่วงลงมาจากท้องฟ้าและหล่นลงบนทะเลทรายตรงหน้าพวกเขา แรงกระแทกทำให้ทะเลทรายสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว