เมื่อเห็นหานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ คนของเผ่าเวรี่ไฮที่มองดูการประลองอยู่ก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมา ถึงแม้เวรี่ไฮหลายคนจะมั่นใจว่าหานเซิ่นจะพ่ายแพ้ในการประลอง แต่ลึกๆแล้วพวกเขาก็ยังหวังให้หานเซิ่นเป็นผู้ชนะ พวกเขาภาวณาว่าถึงแม้จะไม่มีสมบัติ หานเซิ่นก็ยังคงมีไพ่ตายอย่างอื่นอยู่อีก
“ในบรรดาตัวไหมทั้งสิบสอง พลังของกรูถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง เขาถือเป็นคนที่เหมาะสมที่จะตัดสินถึงความแข็งแกร่งของหานเซิ่น” หลี่อวี้เจินดูตื่นเต้นขึ้นมาขณะที่มองไปที่วิดีโอถ่ายทอดสด
หลี่เสวี่ยเฉิงดูกังวลและพูด “ตราบใดที่หานเซิ่นไม่ได้อันดับที่หนึ่ง ใครจะได้บัลลังก์อันทรงเกียรตินั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ข้าคิดว่าพวกเราอาจจะชะล่าใจเกินไปกับการเดิมพันนี้ เพราะแม้แต่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็ยังเดิมพันด้วยอัญมณีโอเพ่นสกายว่าหานเซิ่นจะได้อันดับที่หนึ่ง นั่นเป็นอะไรที่แปลก… ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายรู้ว่าการประลองระหว่างตัวไหมในครั้งนี้จะไม่อนุญาตให้ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค แบบนั้นทำไมเขายังเดิมพันข้างหานเซิ่นอีก? ถ้าพวกเราแพ้การเดิมพัน พวกเราจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามี”
“อย่าได้กังวล มันไม่สำคัญว่าใครจะเดิมพันข้างหานเซิ่น เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเชล” หลี่อวี้เจินพูดราวกับว่าพยายามทำให้ตัวเองความมั่นใจเช่นเดียวกับหลี่เสวี่ยเฉิง
ความจริงที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายวางเดิมพันข้างหานเซิ่นนั้นทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มออกมาขณะที่มองดูหานเซิ่นกับกรูต่อสู้กัน หลี่ฉียวี่ที่เป็นผู้อาวุโสของเผ่าเวรี่ไฮมองไปที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายและพูด
“นี่เจ้าเดิมพันว่าหานเซิ่นจะชนะการประลองด้วยอัญมณีโอเพ่นสกายจริงๆอย่างนั้นหรอ? เจ้ารู้ตัวใช่ไหมว่าการประลองในครั้งนี้ถูกฉ้อโกงให้เชลเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบน่ะ?”
“ข้ารู้” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มและพยักหน้า สีหน้าของเขาไม่สั่นคลอดเลย
“ถ้าเจ้ารู้ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้? เจ้าเพิ่งจะมอบสิ่งที่ล้ำค่าให้กับหลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจิน” ผู้อาวุโสฉียวี่มองไปที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกาย
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายหัวเราะและพูด “เจ้ารู้มาโดยตลอดว่าข้าต้องการอีวิลดราก้อนออร์บที่เป็นของพ่อหลี่อวี้เจิน แต่เขาหวงมันอย่างมาก ด้วยเหตุนั้นข้าจำเป็นต้องคิดนอกกรอบ ถ้าหลี่อวี้เจินแพ้การเดิมพันในครั้งนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะหาสิ่งที่มีค่าเทียบเท่ากับอัญมณีโอเพ่นสกายได้ด้วยตัวเขาเองอย่างนั้นหรอ? ด้วยเหตุนั้นเขาต้องไปพบพ่อของเขา เขาจะต้องยอมมอบอีวิลดราก้อนออร์บให้กับข้าอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แต่เชลเข้าร่วมการประลองนี่ด้วย แบบนั้นพวกเขาจะแพ้การเดิมพันได้ยังไง?” ผู้อาวุโสฉียวี่ไม่เข้าใจผู้อาวุโสโอเพ่นสกาย
“ถ้าเกิดว่าเชลต่อสู้ได้อย่างไม่เต็มกำลังล่ะ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มขณะที่พูดอออกมา
“ต่อสู้ได้อย่างไม่เต็มกำลัง? เจ้าหมายความว่ายังไง?” ผู้อาวุโสฉียวี่ถามด้วยความสับสน
ผู้อาวุโสโอเพ่นหัวเราะและพูด “จำเรื่องที่เชลไปที่ทะเลสาบปีศาจเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคได้ไหม? ข้ามีธุระต้องไปที่นั่นในเวลาเดียวกัน และข้าก็เห็นเชลได้รับของที่มีค่าบางอย่าง”
“เขาได้รับอะไรจากทะเลสาบปีศาจ?”
ผู้อาวุโสฉียวี่สงสัย แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “นี่เขาได้รับผลไม้ปีศาจอย่างนั้นหรอ?”
ผู้อาวุโสโอเพ่นพยักหน้าและหัวเราะ “ข้าเห็นเชลกำลังถือผลไม้ปีศาจอยู่ในมือ หลังจากนั้นข้าก็มองดูเขากินมันเข้าไป”
ผู้อาวุโสมองหุบเขาในวิดีโอด้วยความแปลกใจ เขาพยายามจะมองหาตำแหน่งของเชล และขณะที่เขาทำอย่างนั้น เขาก็พูดขึ้นมา
“นั่นหมายความว่าเชลตกลงมาจากระดับเทพเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผลไม้ปีศาจเป็นสมบัติจากโลกปฏิสสาร แม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดก็ทนต่อผลของมันไม่ได้ เชลถูกลดระดับจากระดับเทพเจ้ามาสู่ระดับราชัน ถึงแม้เชลจะกลายเป็นระดับราชัน แต่ศักยภาพของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เขาเป็นมีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก ดังนั้นหลังจากที่กินผลไม้ปีศาจเข้าไป เขาเสียสละระดับเทพเจ้าเพื่อแลกกับพรสวรรค์อีกเปลือกหนึ่ง ถึงแม้พรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกของเขาจะไม่ใช่ของจริงเหมือนอย่างในตำนาน แต่มันก็เป็นระดับพรสวรรค์ที่หาได้ยากมากๆ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็พูดต่อ “ตอนนี้เมื่อเขากินผลไม้ปีศาจเข้าไป มันต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง ตอนนี้มันมีโอกาสสูงที่หานเซิ่นจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้”
“ถ้าเจ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้? ถ้าข้ารู้ ข้าก็คงจะเพิ่มเดิมพันไปอีก ข้าชื่นชอบการสร้างปัญหาให้กับหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิง”
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มและพูด “มันยังคงเป็นการเดิมพัน ถึงแม้เชลจะไม่ใช่ระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่เขายังคงมีจิตใจระดับเทพเจ้า ข้าไม่แน่ใจว่าหานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ แถมตัวไหมคนอื่นก็ไม่ใช่พวกที่อ่อนแอเช่นกัน โชคดีที่อวี้ซ่านซินถอนตัวออกจากการประลองตั้งแต่เริ่มต้น ไม่อย่างนั้นโอกาสที่หานเซิ่นจะได้รับอันดับที่หนึ่งก็คงจะน้อยลงไปอีก”
ผู้อาวุโสฉียวี่คิดเกี่ยวกับมันและได้ข้อสรุปว่าที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูดนั้นถูกต้อง ถึงแม้เชลจะไม่ใช่ระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่หานเซิ่นก็อาจจะไม่ได้รับอันดับที่หนึ่ง ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายเสี่ยงเดิมพันกับมัน แต่ผลของการประลองยังคงไม่แน่นอน
จิตแห่งดาบของกรูสั่นสะเทือนทั้งฟ้า ดาบใหญ่ฟันออกไปในทิศทางของหานเซิ่นแบบเดียวกันกับที่ฟันใส่อวี้ซ่านซินก่อนหน้านี้
ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีนั้นด้วยตัวเอง เขาก็รู้สึกตัวว่ามันน่ากลัวถึงขนาดไหน
ดาบแสงที่พุ่งเข้ามาทรงพลังราวกับว่าทั้งกาแล็กซี่จะถล่มภายใต้น้ำหนักของมัน และหานเซิ่นจะต้องรับการโจมตีนั้นด้วยร่างกายเท่านั้น
‘อวี้ซ่านซินใช้มือรับดาบแสงนั่น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเราเลย อวี้ซ่านซินเป็นผู้ชายที่น่ากลัวจริงๆ’ หานเซิ่นคิด
ในตอนที่ดาบแสงมาถึง ร่างกายของหานเซิ่นก็แว๊บหายไป ตอนนี้การโจมตีของกรูฟันถูกอากาศที่ว่างเปล่า หานเซิ่นใช้ก็อตส์วอนเดอร์เพื่อหลบหลีกมัน
หานเซิ่นไปปรากฎตัวอีกด้านหนึ่ง แต่ทว่าทันทีที่เขาปรากฎตัวออกมา เขาก็พบว่าเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นเทเลพอร์ตมาฟันใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเทเลพอร์ตอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นในตอนที่เขาปรากฏตัวออกมา เขาก็พบว่าดาบแสงถูกฟันเข้ามาหาเขา เขาเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังไม่สามารถสลัดการโจมตีของกรูได้
‘แปลกจริงๆ เขาคาดเดาตำแหน่งการเทเลพอร์ตของเราได้ยังไงกัน?’
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ก็อตส์วอนเดอร์ของเขาไม่ได้ดีเหมือนอย่างหลี่เคอเอ๋อหรือเอ็กซ์ควิสิท แต่เขาก็สามารถเทเลพอร์ตในระยะสั้นๆได้อย่างเชี่ยวชาญ ในระยะสั้นๆเขาจะไปที่ไหนก็ได้ที่เขาต้องการ
แต่กรูสามารถเทเลพอร์ตไล่ตามเขาได้ทัน แค่ความจริงเรื่องนี้ก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความร้ายกาจของชายคนนี้
หานเซิ่นไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกรูมากนัก และเขาก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้มีพลังแบบไหนกันแน่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? กรูคาดเดาตำแหน่งที่หานเซิ่นจะเทเลพอร์ตไปได้ยังไงกัน?” หลี่เคอเอ๋อแปลกใจเช่นกัน
เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้วขณะที่เธอพยายามจะวิเคราะห์การต่อสู้ของทั้งสองคน
“ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ กรูไม่ได้คาดเดาตำแหน่งการเทเลพอร์ตของหานเซิ่น แต่เขาตรวจจับหานเซิ่นด้วยพลังอาณาเขตของเขาแทน”
“พลังอาณาเขต? อาณาเขตของกรูเป็นธาตุดาบไม่ใช่หรอ?”
หลี่เคอเอ๋อถามขณะที่พยายามนึกเกี่ยวกับมัน ในข้อมูลของกรูนั้นบอกว่าอาณาเขตของเขาเป็นอาณาเขตธาตุดาบ และร่างกายแห่งราชันของเขาก็เป็นธาตุดาบเช่นเดียวกัน พวกมันจะทำให้วิชาดาบของเขาทรงพลังขึ้น
“มันเป็นธาตุดาบ แต่มันเป็นอาณาเขตธาตุดาบที่พิเศษ” เอ็กซ์ควิสิทพูด
หานเซิ่นยังคงเทเลพอร์ตต่อไป แต่เขาไม่สามารถหนีจากดาบแสงของกรูได้ เขาจึงตัดสินใจเทเลพอร์ตออกไปในระยะที่ไกลขึ้นเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างกรูกับตัวเขา
ครั้งนี้กรูไม่ได้ไล่ตามมาฟันใส่เขา และหานเซิ่นก็รู้สึกตัวในทันทีว่ากรูคาดเดาการเคลื่อนไหวของเขาได้ยังไง ถ้าการโจมตีของชายคนนั้นมีฟังก์ชั่นการติดตามเป้าหมายโดยอัตโนมัติอย่างที่หานเซิ่นคิดไว้ตอนแรก แบบนั้นการโจมตีของกรูก็จะต้องติดตามเขาไป ไม่ว่าเขาจะเทเลพอร์ตไปไกลสักแค่ไหน
“เจ้ามีอาณาเขตที่ทรงพลัง มันเรียกว่าอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่กรู เขาสามารถบอกได้ว่าทั้งหมดนี่เป็นผลจากพลังอาณาเขตของกรู
“อาณาเขตซอร์ดฮาร์ท ดาบของข้าจะตรงเข้าสู่หัวใจ ภายใต้พลังของอาณาเขตนี้ ข้าจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ภายในอาณาเขตของข้าไม่มีเป้าหมายไหนหนีจากดาบของข้าได้ แม้แต่ศัตรูที่ล่องหนก็ยังถูกมองเห็นได้ในอาณาเขตของข้า” กรูพูด