Super God Gene – ตอนที่ 2678

หานเซิ่นได้พักฟื้นอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่ม่อฟางจะปรากฏตัวออกมาพร้อมกับมีครึ่งเทพสามคนตามเขามาราวกับลูกเป็ด เชลชำเลืองมองม่อฟาง ม่อฟางเบะปากขณะที่จ้องกลับไปที่เชล ไม่มีคนไหนพูดอะไร แต่พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่

 

“บัตเตอร์ฟลาย เจ้าจะอยู่ข้างพวกเราหรืออยู่ข้างเชล?” ม่อฟางถามขณะที่มองไปที่จิ้งจอกหญิง

 

“ข้าเป็นเพียงผู้หญิงที่อ่อนแอ ข้าคงจะช่วยใครไม่ได้” บัตเตอร์ฟลายพูดขณะที่ถอยออกไป เธอไม่อยากจะช่วยข้างไหนทั้งนั้น

 

ม่อฟางรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจงใจปล่อยข่าวเรื่องที่เชลไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าแล้วออกมา มันเห็นได้ชัดว่าเธอต้องการจะดูการต่อสู้อยู่ห่างๆและรอรับผลประโยชน์

 

แต่ม่อฟางไม่รังเกลียดที่จะปล่อยให้เธอทำแบบนั้น เพราะเขาเชื่อว่าเธอไม่แข็งแกร่งพอที่จะส่งผลกระทบต่อการได้อันดับที่หนึ่งของเขา สำหรับตอนนี้คนที่ขวางทางอยู่คือเชลต่างหาก

“เชล นี่เจ้าคิดจะปกป้องหานเซิ่นจริงๆอย่างนั้นหรอ?” ม่อฟางถาม

 

เชลพยักหน้า หลังจากนั้นครึ่งเทพทั้งสามคนก็กระจายตัวกันออกไปเพื่อล้อมเชลเอาไว้

 

“ไม่ว่าข้าจะปกป้องเขาหรือไม่ ที่สุดแล้วข้าก็ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าอยู่ดี”
เชลพูดขณะที่ลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขาสูงถึงสามเมตร เขาดูน่ายำเกรงถึงแม้เขาจะไม่ได้พยายามทำตัวแบบนั้นก็ตาม เขาดูเหมือนกับมนุษย์สิงโตขนทอง

 

ม่อฟางยิ้มและพูด “ถ้าเจ้าถอนตัวไปซะตอนนี้ พวกเราก็ไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้กัน”

 

“จะสู้ก็รีบสู้” เชลดูสงบนิ่ง เขาดูมั่นคงดังขุนเขา

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องระวังตัวให้ดี” ม่อฟางพูด เขาชี้นิ้วออกไปและพลังพิชิตมารของเผ่าดราก้อนก็มารวมกันอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา

 

เผ่าดราก้อนนั้นถูกกล่าวขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่กล้าหาญที่สุด และพลังพิชิตมารของพวกเขาก็เป็นพลังที่อัดแน่นไปที่จุดๆเดียว มันคล้ายคลึงกับวิชาฮาร์ทคอนเน็คชั่นของหานเซิ่น

 

แต่ฮาร์ทคอนเน็คชั่นนั้นจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของผู้ใช้ออกมาในครั้งคราวเดียว ขณะที่พลังพิชิตมารจะใช้พลังเท่าที่ผู้ใช้ต้องการเท่านั้น

 

หานเซิ่นเคยวิเคราะห์เกี่ยวกับพลังพิชิตมารของเผ่าดราก้อน และเขาก็ได้ข้อสรุปว่ามันเป็นวิชาจีโนที่น่ากลัวมากๆ

 

ในตอนนี้ม่อฟางกำลังใช้วิชาพิชิตมารเพื่อรวบรวมพลังมาที่จุดๆเดียว พลังที่เขารวบรวมมาได้นั้นเหนือกว่าของยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเผ่าดราก้อนซะอีก

 

เชลไม่ได้หลบหลีกหรือวิ่งหนี เขาก้าวไปข้างหน้าและแกว่งกำปั้นออกไป เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขากระโจนออกไปราวกับสิงโตที่เกรี้ยวกราด

 

ตูม!

นิ้วมือและกำปั้นปะทะกัน แรงระเบิดที่ตามพานั้นฉีกสภาพแวดล้อมรอบๆ เชลไม่ได้ขยับเขยื้อน ขณะที่ม่อฟางถอยออกไปสิบเมตร

 

ม่อฟางยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะและพูด “สมกับเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะอ่อนแอลงไป แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเจ้าก็ยังเป็นอะไรที่หาได้ยาก”

 

“นั่นเป็นเพียงแค่พละกำลังทางกายภาพ มันเทียบไม่ได้กับวิชาลับของเผ่าเวรี่ไฮ” เชลพูดอย่างถ่อมตัว

 

“ลำพังแค่พลังของตัวเอง ข้าเทียบเจ้าไม่ได้จริงๆ แต่ข้าต้องการจะได้อันดับที่หนึ่ง ด้วยเหตุนั้นข้าต้องขอโทษด้วย” ม่อฟางพูด หลังจากนั้นครึ่งเทพของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเผ่าไอจิก็เริ่มลงมือ

 

ตอนนี้เชลตกอยู่สถานการณ์เดียวกันกับที่หานเซิ่นเคยประสบก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์ของเชลนั้นคับขันยิ่งกว่า

 

ปัจจัยหลักคือการสลับเปลี่ยนระหว่างม่อฟางและมนุษย์ตั๊กแตน มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างความสามารถของพวกเขาทั้งคู่ พลังของม่อฟางนั้นเหนือกว่ามนุษย์ตั๊กแตนมากนัก

 

มันอาจจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่การเข้าร่วมของม่อฟางทำให้การประสานงานของคนอื่นๆก็ดูดีขึ้นกว่าครั้งก่อน ค่ายกลของพวกเขาดูเป็นอะไรที่ไม่สามารถูกทำลายได้

 

ม่อฟางนั้นทำได้มากกว่าการควบคุมครึ่งเทพเพียงแค่สามคน เขาสามารถแผ่อิทธิพลต่อทั้งกองทัพที่ประกอบไปด้วยทหารนับหมื่น การจะทำเรื่องแบบนั้นถือเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับม่อฟาง

 

“ม่อฟางเชี่ยวชาญการควบคุมคนอื่น ด้วยความสามารถในการออกคำสั่ง เขาสั่งการตัวไหมคนอื่นง่ายเหมือนกับการกระดิกนิ้วของตัวเอง เขาทำให้ตัวไหมทั้งสามคนต่อสู้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เชลไม่มีพลังพอจะต่อกรกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่มองเชลที่อยู่ในหุบเขา

 

เชลกำเนิดมาจากเผ่าพันธ์เล็กๆที่ไม่ได้มีวิชาจีโนดีๆเลยสักวิชา นอกจากพรสวรรค์และระดับพลังของเขาแล้ว มรดกของเขานั้นเลวร้ายยิ่งกว่าของหานเซิ่น วิชาจีโนดีๆที่เขาได้ฝึกทั้งหมดนั้นมาจากในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเอาท์เตอร์สกาย

 

มันเป็นไปไม่ได้ที่เชลจะเอาชนะทั้งสี่คนด้วยวิชาที่เขามี

 

ทักษะการต่อสู้ของเชลอาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหานเซิ่น แต่เขาขาดความยืดหยุ่นและความหลากหลายอย่างที่หานเซิ่นมี

 

ด้วยพลังอาณาเขตของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงสองคนและเผ่าไอจิหนึ่งคน พลังของเชลก็ไปไม่ถึงตัวของม่อฟาง เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกรง ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถออกไปจากกรงได้

 

ม่อฟางเคลื่อนไหวนิ้วมือราวกับว่าพวกมันเป็นมีดดาบสิบเล่ม แสงแห่งเทพที่น่ากลัวสาดส่องออกไปทุกหนทุกแห่ง และรอยแผลนับไม่ถ้วนก็เกิดขึ้นตามร่างกายของเชล

 

“เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ ดูเหมือนเจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเวรี่ไฮทั่วไป พรสวรรค์สิบเปลือกเป็นอะไรที่หายากมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง”
ม่อฟางใช้พลังพิชิตมารโจมตีใส่เชลหลายครั้ง แต่เขาก็ทำได้แค่ทิ้งบาดแผลตื้นๆเอาไว้เท่านั้น

 

หัวใจของหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงเกือบจะหลุดออกจากอก ในตอนนี้พวกเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่หานเซิ่นอาจจะชนะเชลอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าเชลจะอยู่ได้ไม่นานพอที่จะต่อสู้กับหานเซิ่นด้วยซ้ำ

 

“เวรเอ้ย!” ใบหน้าของหลี่เสวี่ยเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าเชลพ่ายแพ้การประลองระหว่างตัวไหม เขารู้สึกเวียนหัวและร่างกายของเขาก็สั่นไหว ส่วนเวรี่ไฮที่เดิมพันข้างหานเซิ่นนั้นดูดีใจเมื่อเทียบกันแล้ว

 

“ม่อฟางคนนั้นไม่เลวเลย ถึงแม้พลังของเขาจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนอย่างหานเซิ่นหรือเชล แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีเวรี่ไฮคนไหนในรุ่นนี้ที่จะเป็นผู้บัญชาการที่ดีไปกว่าเขา”

“ทำได้ดีมาก กำจัดเชลเร็วเข้า”

“ฮ่าๆ! ม่อฟางจะฆ่าเชล หลังจากนั้นเขาก็จะฆ่าหานเซิ่นต่อ ข้าชอบเรื่องนี้”

 

เชลได้รับบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นครึ่งเทพคนอื่นล่ะก็ พวกเขาก็คงจะพ่ายแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อมองไปในดวงตาของเชล มันก็เห็นได้ชัดว่าเชลไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว เขาไม่คิดจะถอย

 

ดวงตาของเขาดูเหมือนกับดวงตาของสิงโต เขาดูตื่นเต้น เขาตื่นเต้นราวกับสัตว์ที่กระหายเลือด

 

ม่อฟางขมวดคิ้ว เขารู้สึกตัวว่ามันเป็นเรื่องยากขนาดไหนที่จะสร้างความเสียหายกับเชล เขาสามารถใช้แต่ละวิชาโจมตีเชลได้เพียงแค่เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นการโจมตีแบบเดิมก็จะไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเชลได้อีกต่อไป ม่อฟางจำเป็นต้องเปลี่ยนวิชาไปเรื่อยๆ

 

ในสายตาของคนนอกมันอาจจะดูเหมือนกับว่าเชลกำลังถูกไล่ต้อน แต่ถ้าลองมองดูดีๆแล้วจะเห็นว่าม่อฟางกำลังตกที่นั่งลำบาก

 

ถึงแม้เผ่าเวรี่ไฮจะมีวิชาจีโนอยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่เป็นวิชาจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ แต่ม่อฟางไม่ได้ฝึกพวกมันทั้งหมด ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาก็ต้องวนกลับมาใช้วิชาเดิม

 

“แค่นั้นเองหรอ?” ความผิดหวังปรากฏในดวงตาของเชล

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset