Super God Gene – ตอนที่ 2680

ทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเชลที่ตกลงมาจากระดับเทพเจ้าจะมีพลังที่น่ากลัวขนาดนั้น เขาสามารถจัดการยอดฝีมืออย่างม่อฟางได้ในหมัดเดียว การมีพลังแบบนี้จะทำให้เขาไร้เทียมทานเมื่อเขากลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง

 

“ฮ่าๆ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเชลจะไม่แพ้ นี่ม่อฟางและหานเซิ่นคิดจริงๆหรือว่าพวกเขาจะสู้กับเชลได้น่ะ?” หลี่เสวี่ยเฉิงดูตื่นเต้นขึ้นมา

 

หลี่อวี้เจินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ถ้าเชลพ่ายแพ้ ชีวิตของพวกเขาก็จะกลายเป็นอะไรที่ยากลำบากในอนาคต

 

ตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อดูเป็นกังวลขึ้นมา เชลนั้นแข็งแกร่งมากๆ และถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่หานเซิ่นจะเอาชนะเชลได้

 

“เชล เจ้าจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้” จิ้งจอกสาวพูดอย่างอาฆาต เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ถูกชก เธอจ้องมองหานเซิ่นอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็จากไป

 

ใบหน้าของเชลยังคงสงบนิ่ง เขากลับมานั่งลงที่เดิม หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็กลับสู่ขนาดปกติ

 

เมื่อเห็นว่าคนอื่นถูกไล่ออกไปแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมา เขาใช้สมาธิไปกับการพักฟื้นตัว ซึ่งหลังจากที่จบการต่อสู้ครั้งนั้น มันก็ไม่มีใครกล้ามารบกวนพวกเขาอีก

 

สิบชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพลังของหานเซิ่นฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง เขาก็ยืนขึ้นและมองไปที่เชล มนุษย์สิงโตคนนั้นยังคงนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ที่เดิม

 

มันดูเหมือนกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของหานเซิ่น ทำให้เขาลืมตาขึ้นมาและถาม
“เจ้าพักฟื้นเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

 

“ข้าฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว” หานเซิ่นตอบ

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาเริ่มกันเลย” เชลหันความสนใจมาที่หานเซิ่นขณะที่แสงสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆตัวของเขา ร่างกายของเขาขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เขากลับสู่ร่างของเทพปีศาจหัวสิงโตอีกครั้ง

 

“ซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด? ไม่แปลกใจเลยที่เขามีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก”
หานเซิ่นตรวจเช็คพลังของเชลและคิดต่อไปว่า ‘ถึงแม้เขาจะตกลงมาอยู่ระดับครึ่งเทพ แต่เขาก็ยังคงเป็นคนที่รับมือได้ยากอยู่ดี’

 

ก่อนหน้านี้ถึงหานเซิ่นจะหลับตาลง แต่เขาก็ยังคงให้ความสนใจกับการต่อสู้ของเชล เขารู้ว่าร่างกายของเชลไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างกายของเขาเลย และความสามารถในการต่อสู้ของชายคนนี้ก็เป็นอะไรที่สุดยอด ถึงแม้จะต่อสู้กันเพียงช่วงสั้นๆ แต่เชลก็สามารถวิเคราะห์กระบวนท่าของคู่ต่อสู้ได้อย่างละเอียด พรสวรรค์แบบนั้นเป็นอะไรที่เป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่น

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขายกมือขึ้นราวกับว่าพวกมันเป็นมีดคู่ เขาใช้วิชามีดใต้นภาและมีดเขี้ยวดาบร่วมกัน

 

เชลไม่คิดจะถอย เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับกวัดแกว่งหมัดไปพร้อมๆกัน กำปั้นและฝ่ามือของพวกเขาเริ่มปะทะกันในอากาศ คลื่นกระแทกจากการต่อสู้ของพวกเขาระเบิดไปทั่วหุบเขาราวกับดอกไม้ไฟ

 

การต่อสู้ของพวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนกับว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาดูจะทัดเทียมกัน มันตัดสินได้ยากว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ

 

“ความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกเขาน่ากลัวด้วยกันทั้งคู่ แต่ข้าคิดว่าหานเซิ่นนั้นน่ากลัวกว่า เพราะยังไงซะเขาก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า ถ้าเขากลายเป็นครึ่งเทพ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเหนือกว่าเชล ข้าอยากรู้จริงๆว่าคริสตัลไลเซอร์พัฒนาร่างกายจนแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไงกัน? นี่วิชาจีโนที่เขาฝึกทรงพลังถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพึมพำกับตัวเอง

 

“ข้าก็คิดแบบนั้น แม้แต่ร่างกายของเวรี่ไฮอย่างพวกเราก็ตอบสนองความต้องการของวิชาจีโนนั้นไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นที่ยากกว่ามากสำหรับสิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาล ที่หานเซิ่นเรียนรู้มันได้สำเร็จนั้นถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ยิ้มแห้งๆ

 

“เด็กคนนี้โชคดีมากจริงๆนั่นแหละ” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูดและหัวเราะออกมา

 

ปัง!

กำปั้นและป่ามือปะทะกัน และคลื่นกระแทกลูกใหญ่ก็ส่งเชลและหานเซิ่นกระเด็นออกไป

 

หลังจากหานเซิ่นกลับมาทรงตัวได้แล้ว เขาก็ใช้มือเพื่อฟันออกไปข้างหน้า มีดเส้นไหมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในอากาศ

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ส่งพวกมันเข้าไปหาร่างของเชล เนื่องจากพวกมันมาจากทุกทิศทุกทาง เชลจึงไม่มีสามารถหลบพวกมันได้

 

แต่ทันใดนั้นเชลก็ชกใส่พื้นอย่างรุนแรงจนแม้แต่ภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงก็เริ่มจะถล่ม หินพุ่งขึ้นมาจากพื้นรอบๆหมัดของเชลเพื่อสกัดกั้นมีดเส้นไหมของหานเซิ่น

 

มีดเส้นไหมส่วนใหญ่ถูกหินทำลายไป มีเพียงแค่พวกมันไม่กี่เส้นเท่านั้นที่พุ่งไปจนถึงตัวเชลได้ เขาสะบัดมือและทำลายพวกมันที่เหลืออยู่ได้อย่างง่ายดาย

 

“มันนานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแบบนี้” หานเซิ่นพูด

 

“นั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดเช่นเดียวกัน ข้าต้องขอบอกว่าเจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ” ดวงตาของเชลเต็มไปด้วยความหลงไหล

 

“แต่เจ้าทำให้ข้าผิดหวัง ข้าคิดว่าจะได้รับอันดับที่หนึ่งมาง่ายๆซะอีก แต่ในตอนนี้ข้ารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้” หานเซิ่นรู้สึกกระหายและเลียริมฝีปาก นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาทำจนติดเป็นนิสัย ในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาไม่มั่นใจ เขาก็มักจะทำแบบนั้น

 

“ชีวิตเป็นอะไรที่น่าผิดหวังในบางครั้ง” เชลพูดก่อนที่จะชกหมัดออกไปอีกหมัด

 

หมัดของเขาเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ทว่าพวกมันทำให้หานเซิ่นนึกถึงเทคนิคที่ซับซ้อนที่ถูกพัฒนาจนอยู่ในรูปแบบที่ง่ายขึ้น เชลนั้นใช้วิชาหมัดพื้นฐาน มันเป็นวิชาที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่เผ่าพันธุ์เล็กๆ แต่เชลฝึกวิชาหมัดพื้นๆนั้นจนถึงระดับน่ากลัว

 

หานเซิ่นวนเวียนระหว่างวิชามีดและวิชาหมัด พวกมันทั้งหมดเป็นวิชาระดับสูงทั้งนั้น พวกมันบางส่วนมาจากเผ่ารีเบท ขณะที่บางส่วนมาจากปราสาทนภา ทุกวิชาที่เขาใช้เป็นเอกลักษณ์

 

ทุกครั้งที่หานเซิ่นใช้วิชาใหม่ เขาก็จะสามารถชิงความได้เปรียบมาได้ แต่ไม่นานหลังจากนั้นเชลก็จะชิงความได้เปรียบกลับคืนไปได้เสมอ ซึ่งตลอดเวลานั้นเชลใช้เพียงแค่วิชาหมัดพื้นๆของเขา เขาไม่ได้เปลี่ยนวิชาของตัวเองจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับวิชาของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็จะเปลี่ยนวิชาหมัดแค่เพียงพอที่จะโต้กลับเทคนิคที่หานเซิ่นใช้

 

“หมอนี่มันจะเกินไปแล้ว! เขาไม่ใช่แค่เกิดมาเป็นระดับเทพเจ้าเท่านั้น เขายังเกิดมาเป็นปรมาจารย์การต่อสู้อีกด้วย วิชาเดิมใช้กับเขาได้เพียงแค่สองครั้งก่อนที่เขาจะเรียนรู้วิชาการที่จะรับมือกับมัน หมอนี่เป็นตัวอะไรกัน?” หานเซิ่นไม่เคยพบคนที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน

 

เชลและไผ่เดียวดายนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากไผ่เดียวดายมีประสบการณ์มากมายในชีวิต เขาสามารถปรับตัวและควบคุมสไตล์การต่อสู้ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาสามารถเรียนรู้วิชาจีโนของผู้อ่อนแอได้ง่ายๆ และทุกเทคนิคที่เขาใช้ก็เป็นระดับสูง ส่วนเชลนั้นไม่ได้พยายามจะเรียนรู้วิชาจีโนของคนอื่น เขาเพียงแค่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะพาตัวเองฝ่าอุปสรรคทั้งหมดไป

 

มันเหมือนกับว่าวิชาเดียวของเขาสามารถทำลายวิชานับพันได้ มันไม่ใช่ว่าวิชานั้นพึ่งพาพลัง พลังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมัน เชลนั้นสามารถประยุกต์วิชาอย่างสร้างสรรค์เพื่อจะโต้กลับการโจมตีทุกรูปแบบ เชลนั้นมีจิตใจที่แข็งแกร่ง และนั่นเป็นต้นตอของความสามารถในการโต้กลับคู่ต่อสู้ของเขา

 

“เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ และเขายังมีจิตใจในการแก้ไขปัญหา หมอนี่ทำให้เราปวดหัวจริงๆ!” หานเซิ่นลองใช้วิชาจีโนไม่รู้กี่วิชา แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะเชลได้

 

แต่หานเซิ่นแตกต่างไปจากม่อฟาง ในตอนที่ม่อฟางใช้วิชาจีโนเดิมเป็นครั้งที่สอง เชลจะจับจุดอ่อนของมันได้ แต่ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้วิชาจีโนเดิมหลายต่อหลายครั้ง เชลก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนั้นได้

 

นั่นทำให้เชลประหลาดใจอย่างมาก เขาเห็นจุดอ่อนในวิชาของหานเซิ่น แต่ในตอนที่หานเซิ่นใช้วิชาเดิมอีกครั้ง มันมีบางสิ่งที่หยุดเชลจากการใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนเหล่านั้น

 

เชลพยายามจะเล็งไปที่จุดอ่อนในวิชาจีโนของหานเซิ่นหลายต่อหลายครั้ง แต่ความพยายามของเขาก็ล้มเหลวทุกครั้ง เขาไม่เคยประสบกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset