พลังทั้งสี่ภายในร่างกายของหานเซิ่นยังคงปะทะกัน และก่อให้เกิดความเสียหายที่สาหัสต่อร่างกาย ภายในร่างกายของเขาตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
โชคดีที่ถึงแม้หานเซิ่นจะยังไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้า แต่ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งทัดเทียมกับระดับเทพเจ้าอยู่แล้ว ถ้าเขาเป็นครึ่งเทพปกติ ร่างกายของเขาก็คงจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์โดยพลังทั้งสี่
ถึงแม้ร่างกายของหานเซิ่นจะยังพอทนอยู่ได้ แต่สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก เพราะไม่ว่าร่างกายของหานเซิ่นจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทนต่อการปะทะกันของพลังได้เป็นเวลานาน
หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้วิชาจีโน เขาจำเป็นต้องทำให้พลังที่ยุ่งเหยิงกลับเข้าที่ แต่เขารู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนั้น
ในตอนที่เขาใช้วิชาโลหิตชีพจร มันจะทำให้พลังของวิชาโลหิตชีพจรเพิ่มมากขึ้น เมื่อเป็นแบบนั้นพลังของอีกสามวิชาก็จะมารวมกันเพื่อต่อต้านมัน การขึ้นๆลงของพลังทำให้หานเซิ่นควบคุมมันได้ยาก
การใช้อีกสามวิชาจีโนก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เหมือนๆกัน และหานเซิ่นก็ใช้วิชาจีโนได้แค่ทีละวิชาเท่านั้น เขาไม่สามารถใช้วิชาจีโนสี่วิชาพร้อมๆกันได้
วิชาจีโนของหานเซิ่นตกอยู่ในความโกลาหล หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าควรจะทำยังไงดี เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามยังไง เขาก็ไม่สามารถหาหนทางทำให้พวกมันทำงานร่วมกันได้
“เราจำเป็นต้องเสี่ยง” หานเซิ่นรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังได้รับความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆทุกวินาที ถ้าเขาไม่หาหนทางทำอะไรสักอย่าง เขาก็คงจะต้องตายด้วยพลังของตัวเอง
หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมามั่วลังเล เขาแบ่งจิตใจของตัวเองออกเป็นสี่ส่วนและพยายามใช้วิชาจีโนทั้งสี่ในเวลาเดียวกัน เขาต้องการควบคุมวิชาจีโนทั้งสี่พร้อมกัน และทำให้พวกมันกลับเข้าที่ แบบนั้นเขาก็จะสามารถรักษาสมดุลของพลังทั้งสี่ได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้วิชาจีโนทั้งสี่ในเวลาเดียวได้สำเร็จ หานเซิ่นหวังว่าเขาจะทำแบบเดียวกันนั้นซ้ำอีกครั้ง และทำให้วิชาจีโนทั้งสี่ทำงานร่วมกัน นั่นเป็นความหวังเดียวของเขาที่จะทำให้พวกมันกลับเข้าที่
หานเซิ่นค้นพบอย่างรวดเร็วว่าการใช้วิชาจีโนสี่วิชาในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ
ก่อนหน้าที่ร่างกายของหานเซิ่นจะได้รับบาดเจ็บ การใช้วิชาจีโนทั้งสี่ก็เป็นอะไรที่ยากมากแล้ว แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก แถมพลังทั้งสี่ก็กำลังยุ่งเหยิง การจะดึงวิชาจีโนทั้งสี่กลับมาเข้าที่นั้นยากยิ่งกว่าเดิม
ทันทีที่หานเซิ่นใช้ทั้งสี่วิชาจีโนของเขา เขาก็รู้สึกว่าความขัดแย้งภายในร่างกายนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตอนนี้พลังนั้นฉีกลึกเข้าไปในร่างกายของเขามากยิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นกรีดร้องออกมา เขารู้สึกราวกับว่าชีพจร เส้นเลือดและอวัยวะภายในของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นโดยพลังนั้น
แต่หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถหยุดเพียงแค่นั้นได้ เขาจำเป็นต้องทำให้พลังทั้งสี่กลับเข้าที่ ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น มันก็จะมีจุดจบที่น่าเศร้ารอเขาอยู่
หานเซิ่นอดทนต่อความเจ็บปวดและพยายามใช้วิชาจีโนทั้งสี่วิชาต่อไป เขาต้องการทำให้พวกมันกลับสู่สภาพปกติ แต่ยิ่งเขาใช้พวกมันมากเท่าไหร่ ร่างกายของเขาก็ได้รับความเสียหายมากขึ้นเท่านั้น เลือดหลั่งไหลออกมาจากเนื้อหนังที่ถูกฉีกขาด
“อิมมอร์ทัลดราก้อน” หานเซิ่นเรียกคริสตัลสีดำที่ดูเหมือนกับอิมมอร์ทัลดราก้อนออกมา มันเริ่มใช้โซ่สสารเพื่อรักษาร่างกายของหานเซิ่น
ร่างกายของหานเซิ่นถูกฉีกขาดอย่างรวดเร็ว แต่อิมมอร์ทัลดราก้อนก็รักษามันได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน หานเซิ่นอดทนต่อความเจ็บปวดเอาไว้และใช้สมาธิไปกับการบังคับให้วิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่
กระบวนการทั้งหมดเป็นอะไรที่ทุกข์ทรมาน คนที่มีจิตใจที่อ่อนแอคงจะล้มเหลวในการทนต่อความเจ็บปวด แม้แต่หานเซิ่นก็ยังลำบากที่จะทนต่อความเจ็บปวด เขารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจถูกฉีกขาดและเนื้อหนังถูกขูดออกจากกระดูกของเขา เขาค่อยๆนำพลังของวิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่อย่างช้าๆ
โชคดีที่อิมมอร์ทัลดราก้อนมีพลังในการรักษาที่สุดยอดอยู่ ไม่อย่างนั้นถึงแม้หานเซิ่นจะอดทนต่อความเจ็บปวดได้ แต่ร่างกายของเขาก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆอยู่ดี
หลังจากหนึ่งชั่วโมงของการทุกข์ทรมาน ในที่สุดหานเซิ่นก็ทำให้วิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่ได้สำเร็จ
แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้ เมื่อวิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่ พวกมันก็เริ่มทำงานในความเร็วสูงและเริ่มสร้างโซ่สสารขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หานเซิ่นเข้าสู่การวิวัฒนาการสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าเขาตกอยู่ในวัฏจักรที่ไม่มีที่สิ้นสุด ร่างกายของเขาได้เติมเต็มคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว ในสถานการณ์ปกติเขาคงจะเลื่อนระดับเรียบร้อยแล้ว
แต่วิชาจีโนทั้งสี่พยายามจะเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้าในเวลาเดียวกัน ในตอนที่พวกมันจำเพิ่มระดับขึ้น วิชาแต่ละวิชาก็จำเป็นต้องให้ร่างกายของเขาสนับสนุนการพัฒนาของพวกมัน แต่ละพลังพยายามจะเข้าครอบงำร่างกายของเขา และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
การทำให้ร่างกายของเขากลับไปสู่การเลื่อนระดับขึ้น แต่การพยายามจะเลื่อนระดับขึ้นจบลงด้วยความล้มเหลว ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป หานเซิ่นก็ต้องตายในที่สุด แม้แต่จิตใจที่แข็งแกร่งของเขาก็ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ตลอด
หานเซิ่นพยายามจะใช้วิชาจีโนทีละวิชาเพื่อทำให้มันเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า แต่เขาไม่สามารถทำได้ นั่นเป็นเพราะว่ายีนระดับเทพเจ้าในร่างกายของเขาครบหนึ่งร้อยแล้ว มันบังคับให้วิชาจีโนทั้งสี่ทำงานพร้อมกัน ร่างกายของหานเซิ่นต้องการให้เขาเลื่อนระดับขึ้นอย่างครบถ้วน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยับยั้งวิชาจีโนอื่นๆเพื่อให้วิชาจีโนหนึ่งเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า
มันเหมือนกับการเติบโตของเด็กทารก มันเป็นไปไม่ได้ที่เด็กทารกจะเจริญเติบโตเพียงแค่แขนหรือขาเพียงข้างเดียว
ตอนนี้สถานการณ์ของหานเซิ่นเป็นแบบนั้น เขาต้องเลื่อนระดับขึ้นพร้อมๆกัน เขาไม่สามารถเลือกด้านใดด้านหนึ่งได้ ถ้าเขาจะเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาก็ต้องกลายเป็นระดับเทพเจ้า
“ถ้าเรายับยั้งอีกสามวิชาจีโนไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยให้ทั้งสี่วิชากลายเป็นระดับเทพเจ้า…”
หลังจากที่หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ เขาก็รู้สึกตัวว่าจำเป็นต้องลองเสี่ยงดู เขาไม่สามารถถอยกลับไปได้แล้วในตอนนี้
แต่ในขั้นสุดท้าย ขณะที่วิชาจีโนทั้งสี่พยายามจะใช้ร่างกายของเขาเพื่อเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้า พลังของพวกมันก็จะขัดแย้งกันเอง และหานเซิ่นก็ล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง พลังของวิชาจีโนทั้งสี่ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและทำให้โซ่สสารที่ก่อตัวขึ้นมาพังทลาย หานเซิ่นประสบกับความเจ็บปวดที่เกือบจะทำลายร่างกายของเขา
“ไม่ได้ ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะทำไม่สำเร็จ”
หานเซิ่นอดทนต่อความเจ็บปวดที่กำลังจะฉีกร่างกายของเขาเป็นชิ้นๆ ไอเดียหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเขา ขณะที่เขาพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้วิชาจีโนทั้งสี่กลายเป็นระดับเทพเจ้าพร้อมกัน
เมื่อดูจากสิ่งที่หานเซิ่นรู้เกี่ยวกับการวิวัฒนาการ ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า นั่นเป็นเพราะว่าวิชาจีโนทั้งสี่วิชาไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้ และพวกมันก็ไม่สามารถวิวัฒนาการแยกกันได้ พวกมันจำเป็นต้องเข้าครอบงำร่างกายของหานเซิ่นอย่างสมบูรณ์ นั่นเป็นความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไขได้
“เดี๋ยวก่อนนะ… ตามทฤษฎีแล้วมนตรามีพลังชีวิตของตัวเอง… เธอมีโครงสร้างและวงจรของร่างกายที่สมบูรณ์… บางทีนั่นอาจจะได้ผล!”
ไอเดียหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น
เขาใช้พลังของอิมมอร์ทัลดราก้อนอีกครั้ง เขากัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและบังคับให้พลังของวิชาจีโนที่ยุ่งเหยิงกลับเข้าที่ ความเจ็บปวดที่เขาต้องประสบนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย มันเหมือนกับการถูกเฉือนจนถึงกระดูกเป็นพันล้านครั้ง หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองจะทนได้อีกถ้าเขาต้องทำมันอีกครั้งหนึ่ง
“มันจะต้องได้ผล…” หานเซิ่นภาวนาและเรียกมนตราออกมา