หานเซิ่นเคยมาที่หุบเขาแห่งนี้แล้ว ครั้งก่อนที่เขามาที่นี่คือระหว่างการประลองระหว่างตัวไหม
ตอนนี้เมื่อเขากลับมาที่หุบเขา เชลก็เป็นคู่ต่อสู้ของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปจากเดิม หานเซิ่นเปลี่ยนไปมากจากการต่อสู้ครั้งก่อน ตอนนี้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว
เชลเองก็ไม่ได้เหมือนกับครั้งก่อนเช่นเดียวกัน เขาได้เรียนรู้วิชาจีโนมากมายในช่วงที่ผ่านมา เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อน
หลี่ชุนชิวยืนอยู่ด้านนอกหุบเขาและไปมองที่จากหานเซิ่นอย่างไม่ละสายตา
หลี่ชุนชิวรู้ว่าเชลไม่น่าจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าเร็วขนาดนี้ เขายังคงสอนวิชาให้กับเชลไม่เสร็จ มันยังมีวิชาจีโนที่เชลจำเป็นต้องฝึกฝน
แต่ที่สุดแล้วเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไร การต่อสู้ที่แท้จริงคือการเติบโตของนักสู้ การได้ต่อสู้กับหานเซิ่นจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของเชล
และหลี่ชุนชิวก็ยังอยากจะรู้ว่าหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนเมื่อตอนนี้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว
ภายในหุบเขา เชลมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“ข้าพบหนทางที่จะทำลายวิชามีดใต้นภาของเจ้าแล้ว ครั้งนี้เจ้าจะเอาชนะข้าด้วยวิธีเดิมไม่ได้อีกแล้ว”
“ข้าไม่ได้คิดจะใช้วิชาใต้นภาอยู่แล้ว” หานเซิ่นยิ้มและเรียกปืนคู่ของมนตราออกมา
ตอนนี้ปืนคู่ของมนตรากลายเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว รอยแกะสลักที่ปกคลุมอาวุธอยู่นั้นละเอียดอ่อนยิ่งกว่าเดิม และเนื้อสัมผัสของอาวุธก็สบายมือยิ่งขึ้น ปืนพกทั้งสองสลักไปด้วยสัญลักษณ์ดอกไม้ลึกลับ
‘ขอทดสอบหน่อยว่ามนตรานั้นทรงพลังขนาดไหนแล้ว เมื่อเธอกลายเป็นระดับเทพเจ้า’
หานเซิ่นยกมือข้างหนึ่งขึ้นและเหนี่ยวไก กระสุนลูกหนึ่งพุ่งออกจากปากกระบอกปืนและตรงไปในทิศทางของเชล
เชลยังคงยืนนิ่ง แทนที่จะพยายามหลบกระสุน เขากลับชกหมัดออกไปปะทะกับกระสุน
ปัง!
หมัดและกระสุนปะทะกัน ทำให้เกิดเป็นแรงกระแทกที่น่ากลัว ร่างกายของเชลแข็งแกร่งดังสิงโต แต่แรงระเบิดนั้นส่งเขากระเด็นไปด้านหลังหลายร้อยเมตร
ใบหน้าของเชลเปลี่ยนไป เขาผลิกดูมือของตัวเองและเห็นกระสุนฝังอยู่ในนิ้วมือของเขา เลือดไหลออกมาจากบาดแผลนั่น
หลี่ชุนชิวขมวดคิ้ว พลังของเชลเป็นที่สุดในบรรดาระดับเทพเจ้าขั้นพริมีทีฟ แต่ถึงอย่างนั้นเชลก็ยังตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ดูเหมือนว่าเขาจะอ่อนแอกว่าหานเซิ่นที่เพิ่งจะเลื่อนมาสู่ระดับเทพเจ้ามาก
“หานเซิ่นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” หลี่ชุนชิวสงสัยกับตัวเองขณะที่หันสายตากลับที่หานเซิ่น
คริสตัลไลเซอร์นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีร่างกายที่อ่อนแอ แต่ร่างกายของหานเซิ่นเหนือกว่าคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด นี่มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
ส่วนทางด้านหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทนั้นดีใจอย่างมาก หานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากที่เลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเวรี่ไฮที่อยู่ในระดับเดียวกัน นี่เป็นอะไรที่น่ากลัว
“เป็นพลังที่สุดยอด” ดวงตาของเชลลุกเป็นไฟขณะที่เขามองไปที่หานเซิ่น ความแน่วแน่ในการต่อสู้ของเขาไม่ได้ลดลงไปเลย จริงๆแล้วการได้เห็นความแข็งของหานเซิ่นกลับทำให้ไฟในหัวใจของเขาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม
โซ่สสารเต้นระบำอย่างบ้าคลั่งรอบๆตัวของเขา บรรยากาศรอบตัวของเขาเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของหานเซิ่นกระตุ้นความอยากจะเอาชนะของเชลยิ่งกว่าเดิม
“เชลได้เรียนรู้อะไรมากมายหลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะวัดขอบเขตพลังของระดับเทพเจ้า” หานเซิ่นไม่โจมตี เขารอให้เชลรวบรวมพลังเสร็จซะก่อน
ครั้งก่อนที่เชลพ่ายแพ้ให้กับหานเซิ่น นั่นเป็นเพราะเขาไม่มีพลังที่เด็ดขาด มันทำให้หานเซิ่นมีโอกาสได้ใช้ท่าลับของวิชาใต้นภา หลังจากความล้มเหลวในครั้งนั้น เชลได้ใช้เวลาอย่างมากเพื่อคิดหาวิธีที่จะเอาชนะหานเซิ่น และด้วยความช่วยเหลือของหลี่ชุนชิว เชลจึงคิดวิธีขึ้นมาได้สองวิธี
วิธีการแรกคือการใช้วิชาหมัดที่คล้ายคลึงกับวิชาใต้นภาของหานเซิ่น ซึ่งมันถูกเรียกว่าคืนสู่สายธาร มันสามารถรวบรวมพลังจำนวนมากและก่อให้เกิดหมัดแสงที่น่ากลัวเหมือนกับสายธาร ด้วยการใช้วิชานี้เชลก็จะสามารถรับมือกับวิชาใต้นภาของหานเซิ่นได้
อีกวิธีหนึ่งคือวิชาระเบิดดารา ในช่วงเวลาสั้นๆวิชาจีโนนี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายให้กับเชลอย่างมาก ด้วยพลังและความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น เขาก็จะสามารถเอาชนะหานเซิ่นได้โดยการใช้พลังที่เด็ดขาด มันจะจำกัดความสามารถในการใช้วิชามีดที่ทรงพลังของหานเซิ่น
แต่จุดอ่อนของวิชาระเบิดดาราคือช่วงเวลาที่สั้น เนื่องจากมันเป็นการระเบิดพลัง เชลจึงมีเวลาน้อยกว่าสิบนาทีที่จะเอาชนะหานเซิ่นให้ได้
ถ้าเขาเอาชนะหานเซิ่นภายในสิบนาทีไม่ได้ ร่างกายของเขาก็จะอ่อนแอเนื่องจากระเบิดพลังมากเกินไป
ในตอนที่วิชาระเบิดดาราถูกใช้ ร่างกายทั้งร่างของเชลจะเรืองแสงสีเงินออกมา มันเหมือนกับว่าดวงดาวปลดปล่อยพลังทั้งหมดในคราวเดียว
“หานเซิ่น ลองรับวิชาหมัดของข้า!” เชลตะโกนและชกหมัดเข้าใส่หานเซิ่น
เชลยังคงใช้วิชาหมัดเก่า แต่มันทรงพลังจนดูเหมือนจะไร้เทียมทาน มันดูเรียบง่ายยิ่งกว่าครั้งก่อน แต่พลังและความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในตอนที่เชลชกหมัดออกไป โซ่สสารของเขาก็กระจายออกราวกับการระเบิดของซูเปอร์โนวา มันเป็นเหมือนกับหมัดที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
หมัดของเชลนำพาพลังที่อัดแน่นเหมือนกับดวงอาทิตย์นับพัน แต่หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหลบมัน เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นและเล็งปืนไปยังพลังที่กำลังตรงเข้ามา ขณะที่พลังที่เหมือนกับดวงดาวพุ่งเข้ามา หานเซิ่นก็เหยี่ยวไกอย่างสงบนิ่ง
ปัง!
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนและตรงไปทางพลังพุ่งที่เข้ามา
ตูม!
แสงจากการระเบิดบดบังสายตาของทุกคนที่ดูการต่อสู้อยู่ และเมื่อแสงเบาบางลงไป พวกเขาก็เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของพวกเขาดูตกตะลึง
กระสุนของหานเซิ่นไม่ได้ถูกหยุดจากพลังหมัดของเชล มันพุ่งผ่านละอองดาวและไปถูกหมัดของเชลอีกครั้ง
แต่หลังจากที่ผ่านพลังของเชลมา กระสุนก็อ่อนพลังลงไปมาก มันไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเชลเหมือนกับกระสุนนัดแรก มันแค่หล่นลงไปบนพื้น
ถึงแม้กระสุนนั่นจะไม่ได้สร้างความเสียหายกับเชล แต่พลังของมันก็ยังคงทำให้หลี่ชุนชิว เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี หลังจากที่เชลใช้วิชาระเบิดดารา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก หมัดของเขาควรจะทำลายคนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
กระสุนของหานเซิ่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากโซ่สสาร มันไม่ได้มีรูปธรรม ความจริงที่มันทะลุผ่านพลังหมัดของเชลมาได้นั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจยิ่งกว่า
“พลังในการแช่แข็งของอีเทอร์นิตี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มันสร้างกระสุนที่ไม่ถูกทำลายโดยพลังแบบนั้นได้ คิดว่ามันถึงระดับที่เป็นนิรันดร์แล้วในตอนนี้” หานเซิ่นเอยชมมัน