“ฉันซาบซึ้งในความหวังดีนาย แต่คนตระกูลถังไม่จำเป็นต้องให้ใครมาปกป้อง” ถังหมิงเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ เพราะยังไงซะหนิงปู้อ้าวก็พูดราวกับว่าเธอนั้นไร้ความสามารถ
“นั่นไม่ใช่เจตนาของฉัน ตระกูลของพวกเราเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ดังนั้นพวกเราควรจะช่วยเหลือกัน” ถึงแม้หนิงปู้อ้าวจะอวดดี แต่เขาไม่ได้โง่ เขารู้ว่าตัวเองพูดบางสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
“ฉันเข้าใจเจตนาของนายดี แต่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือ”
ถังหมิงเอ๋อพูด เธอจับแขนของเด็กชายและพูด “เสี่ยวฮวา พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อหนิงปู้อ้าวเห็นหญิงสาวที่เขาชอบสนิทสนมกับชายคนอื่น มันก็ทำให้เขาไม่พอใจ เขาวิ่งไปข้างหน้าเด็กผู้ชายและแกล้งทำเป็นแปลกใจ เขาถามขึ้นว่า “น้องชายชื่ออะไรนะ?”
“หานเสี่ยวฮวา” เด็กชายตอบขณะที่สบสายตากับหนิงปู้อ้าว
ในตอนที่เขาได้ยินแซ่หาน หนิงปู้อ้าวก็รู้สึกสะดุ้งขึ้นมา เขาหวาดกลัวแซ่นั้นอย่างมาก เนื่องจากบางสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่เขายังเด็ก
ครั้งหนึ่งบนชายหาดปีศาจ เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนหนึ่งของตระกูลหานโยนเขาลงไปในทะเลลึก จนถึงตอนนี้หนิงปู้อ้าวก็ยังคงฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในวันนั้น มันเป็นความทรงจำที่เขาหวาดกลัวที่สุด
‘หานเสี่ยวฮวา? ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้ในตระกูลหาน บางทีเขาอาจจะเป็นแค่สมาชิกตระกูลอื่นที่ใช้แซ่หานเหมือนกัน’
หนิงปู้อ้าวรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ตราบใดที่เสี่ยวฮวาไม่ได้มาจากตระกูลหาน เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล
เท่าที่หนิงปู้อ้าวรู้ ตระกูลหานมีแค่ลูกสาวคนหนึ่งเท่านั้น และเธอยังอายุน้อย ดังนั้นมันไม่มีทางที่เธอจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ในตอนนี้
เขายังเคยได้ยินเรื่องราวที่บอกว่าตระกูลหานเคยมีลูกชายคนหนึ่ง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูกชายคนนั้นได้หายตัวไป หนิงปู้อ้าวจำได้ว่าเด็กผู้ชายที่หายตัวไปนั้นมีชื่อหาหานเฟย เขาไม่ได้มีชื่อที่ตลกและล้าสมัยอย่างเสี่ยวฮวา
แต่เสี่ยวฮวาเป็นเพียงแค่ชื่อเล่นเท่านั้น สมาชิกในครอบครัวของเขาเรียกเขาว่าหานเสี่ยวฮวา แต่คนทั่วๆไปรู้จักเขาในฐานะหานเฟย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่หนิงปู้อ้าวจะไม่รู้จักชื่อนี้
“น้องเสี่ยวฮวา ถ้าน้องต้องการอะไร น้องพูดมาได้เลย พี่หนิงปู้อ้าวเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ แม้แต่การฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับคนอย่างพี่” หนิงปู้อ้าวยิ้มให้กับหานเสี่ยวฮวาขณะที่เขาพูดโอ้อวด
“ขอบคุณพี่มาก พี่เป็นคนดีจริงๆ ถ้าฉันมีเรื่องอะไร ฉันจะไปขอให้พี่ช่วย” หานเสี่ยวฮวาพูดอย่างมีมารยาท
ในเซเคร็ด อาเหมยได้สอนเสี่ยวฮวาให้มีมารยาทกับสิ่งมีชีวิตอื่น แม้แต่ในตอนที่เขากิน เขาก็จะกินอย่างสุภาพบุรุษ เขาจำเป็นต้องรักษามารยาทไว้ตลอดเวลา
“ถ้าอย่างนั้นน้องเสี่ยวฮวามัวรออะไร? พี่พบมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งในทิศตะวันออกของเมือง พี่จะไปฆ่ามัน พวกเราไปด้วยกันเถอะ” หนิงปู้อ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม
เขามั่นใจในพลังของตัวเอง เขาคิดว่าจำเป็นต้องแสดงพลังเพื่อทำให้หญิงสาวอย่างถังหมิงเอ๋อตกหลุมรักเขา
แต่หานเสี่ยวฮวาไม่ได้สนใจในการฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ ที่เขายังอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขตที่หนึ่งนั้นเป็นเพราะเขามีปัญหากับการหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ถ้าเขาหาพวกมันได้ง่ายๆ เขาก็คงจะไปสู่ก็อตแซงชัวรี่เขตสองเรียบร้อยแล้ว
“เสี่ยวฮวา คุณหนิงอุส่าชวนเธอไป ดังนั้นพวกเราควรไปกับเขา” ทันใดนั้นถังหมิงเอ๋อก็กระพริบตาให้กับเขา
เธอเป็นคนฉลาด ดังนั้นเธอรู้ว่าหนิงปู้อ้าวคิดจะทำอะไร มันเห็นได้ชัดว่าเขาชอบเธอ และเธอก็รู้ว่าคนตระกูลหนิงนั้นหยิ่งยโสอย่างมาก ถ้าเธอไม่จัดการปัญหาซะตอนนี้ หนิงปู้อ้าวก็จะตามสร้างความรำคาญให้กับเธอไม่เลิก นั่นเป็นเหตุผลที่เธอบอกว่าพวกเขาควรจะไป
หนิงปู้อ้าวดีใจเมื่อได้ยินว่าเธอเห็นด้วย เขาเรียกวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ์ประเภทสัตว์ขี่สองตัวออกมาและพูด
“ระยะทางไกลพอสมควร ฉันจะมอบสัตว์ขี่เลือดศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้ให้กับพวกเธอ”
เขาไม่เคยลังเลที่จะโอ้อวดตัวเอง หนิงปู้อ้าวมักจะคิดอยู่เสมอว่าถ้าเขามีของดี เขาก็ควรจะให้คนอื่นได้รู้เกี่ยวกับมัน เพียงแค่พูดอย่างเดียวยังคงไม่พอ ดังนั้นในบางครั้งเขาต้องมอบพวกมันเป็นของขวัญเพื่อแสดงถึงความร่ำรวยของเขา
การมีสัตว์ขี่เลือดศักดิ์สิทธิ์สองตัวถือเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา เพราะยังไงซะมันก็วิญญาณอสูรอยู่หลายประเภท ดังนั้นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ์ประเภทสัตว์ขี่จึงหาได้ไม่ง่ายนัก
“ไม่เป็นไร เสี่ยวฮวามีสัตว์ขี่เรียบร้อยแล้ว ฉันจะนั่งไปกับเขา” ถังหมิงเอ๋อยิ้มให้กับเสี่ยวฮวาขณะที่พูด
หานเสี่ยวฮวาไม่พูดอะไร เขาแค่เรียกสัตว์ขี่ของตัวเองออกมา
ตูม!
มังกรสองหัวสีทองปรากฏกายตรงหน้าหานเสี่ยวฮวา วิญญาณอสูรสัตว์ขี่ที่อยู่รอบๆเริ่มจะกรีดร้องและพยายามจะวิ่งหนี ถ้าเจ้านายของพวกมันไม่ได้ควบคุมพวกมันเอาไว้ล่ะก็ พวกมันก็คงจะวิ่งหนีไปกันหมดแล้ว
หนิงปู้อ้าวอึ้งไป มันเป็นวิญญาณอสูรที่ทรงพลังมากๆ เขาเคยเห็นบางสิ่งแบบนี้ในตระกูล แต่พวกมันเป็นวิญญาณอสูรระดับสูงจากก็อตแซงชัวรี่เขตอื่น ในก็อตแซงชัวรี่เขตแรก เขาไม่เคยเห็นอสูรที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน
“นี่…นี่ไม่มีทางเป็นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดไปได้ นั่นเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่การขู่แน่ๆ”
หนิงปู้อ้าวสงสัยอย่างมาก แต่เขาไม่ต้องการจะถามว่ามันเป็นวิญญาณอสูรแบบไหน ไม่อย่างนั้นมันก็จะทำให้เขาดูเหมือนกับคนบ้านนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไร
“ไปกันเถอะ” หนิงปู้อ้าวฝืนยิ้มออกมา ขณะที่หานเสี่ยวฮวาและถังหมิงเอ๋อนั่งบนหลังของมังกรสองหัวอย่างมีความสุข
“เชิญคุณหนิงนำทาง” ถังหมิงเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้หนิงปู้อ้าวจะอารมณ์เสีย แต่เขาก็ยังคงสั่งให้ทีมของเขาเดินหน้าไปด้วยความเร่งรีบ เขาพยายามจะทิ้งมังกรสองหัวเอาไว้เบื้องหลัง
แต่ในจังหวะที่พวกมันเริ่มวิ่งไป มังกรยักษ์ก็กางปีกขนาดใหญ่มหึมาและทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเปรียบเทียบกับมังกรสองหัวแล้ว สัตว์ขี่เลือดศักดิ์สิทธิ์ของหนิงปู้อ้าวช้าเหมือนกับเต่า
“นั่นไม่มีทางเป็นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดหรอกใช่ไหม?” หนิงปู้อ้าวตกตะลึง อารมณ์ของเขาแย่ยิ่งกว่าเดิม เขาพยายามปลอบตัวเอง
“เด็กนั่นแค่โชคดีเท่านั้น สมาชิกในตระกูลของเขาอาจจะมอบมันให้กับเขา ในด้านพลังแล้วเขาไม่มีทางจะเทียบกับเราได้ ในตอนที่เราฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์นั่นได้ ถังหมิงเอ๋อก็จะรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง”
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง พวกเขาก็ไปถึงที่หมาย ที่นั่นพวกเขาเห็นมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับยักษ์ มันกำลังพักผ่อนอย่างเงียบอยู่บนเนินเขา
หนิงปู้อ้าวออกคำสั่งให้เข้าโจมตี และเขาก็นำทีมเข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น
เจ้ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้นและคำรามออกมาในตอนที่ทีมของหนิงปู้อ้าวเข้าล้อมมันเอาไว้ มันไม่สามารถตีฝ่าวงล้อมและถูกต้อนจากรอบด้าน
ทีมของหนิงปู้อ้าวเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ ตัวหนิงปู้อ้าวเองก็ไม่ได้ออกคำสั่งเพียงอย่างเดียว เขาเข้าโจมตีเจ้ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะโค้นล้มยักษ์ตนนั้นได้สำเร็จ
หนิงปู้อ้าวพึงพอใจอย่างมาก เขาต่อสู้และออกคำสั่งทีมอย่างเต็มความสามารถ เขารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
เขายิ้มให้กับหานเสี่ยวฮวาและถังหมิงเอ๋อ เขาเริ่มจะเดินเข้าไปหาทั้งคู่ แต่หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงคำรามที่ดังลงมาจากท้องฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง และใบหน้าของเขาก็ซีดไป
มอนสเตอร์ตัวที่มาใหม่นั้นเป็นระดับเลือดศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับตัวที่พวกเขาเพิ่งจะฆ่าไป แต่มอนสเตอร์ตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่ามาก มันเหมือนกับภูเขาลูกน้อยๆขณะที่บินลงมาจากท้องฟ้า ทีมของหนิงปู้อ้าวยังคงอยู่ระหว่างการเฉลิมฉลองกับชัยชนะ พวกเขาไม่ได้รู้สึกตัวถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“วิ่ง!” หนิงปู้อ้าวตะโกนขณะที่เริ่มวิ่งหนี แต่คนอื่นในทีมไม่ได้ตอบสนองรวดเร็วเหมือนอย่างหนิงปู้อ้าว ในจังหวะที่เขาหันไปมอง มอนสเตอร์ตัวนั้นกำลังจะบดขยี้คนของเขา หนิงปู้อ้าวทั้งตกใจและโมโห แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งแว็บเข้ามาในสายตาของเขา มอนสเตอร์ตัวใหญ่ที่ลงมาจากท้องฟ้าหยุดชะงักไป การโฉบลงมาของมันถูกหยุดเอาไว้
หนิงปู้อ้าวรู้สึกตกใจ เขามองไปตามร่างกายขนาดมหึมาของมอนสเตอร์จนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นเสี่ยวฮวาที่ยืนอยู่ข้างใต้ ทุกคนที่อยู่รอบๆมองไปที่เสี่ยวฮวาด้วยความตกตะลึง พวกเขามองเด็กชายที่กำลังถือเจ้ามอนสเตอร์เอาไว้ราวกับว่าพวกเขากำลังมองเห็นผี