“ในตอนที่เวรี่ไฮตั้งชื่อวิชาว่าฟอร์เก็ตเลิฟ พวกเขาหมายความว่าแบบนั้นจริงๆ เขาคงจะเข้าใกล้การระงับอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดภายในตัวแล้ว อะไรกันที่ทำให้ยอดฝีมือแบบนั้นรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้?”
หานเซิ่นยังไม่ได้พัฒนาวิชาจีโนจนถึงระดับสูงขนาดนั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจำเป็นต้องเสี่ยงปล่อยให้ตัวเองดำลึกไปในความโศกเศร้านั้น
เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะต่อสู้กับจิตใจที่เศร้าโศกมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงได้ประสบเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ตอนนี้เมื่อเขาปล่อยให้จิตใจของตัวเองจมลงไปในจิตใจอันโศกเศร้า เขาก็เข้าใจมันได้ลึกซึ้งขึ้น
แต่สิ่งที่เขาต้องจ่ายเพื่อความเข้าใจนั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัว ในเวลาเพียงชั่วครู่แรงกระตุ้นจากการอยากฆ่าตัวตายส่งมาสู่หานเซิ่นถึงหกครั้ง
‘ถ้าเราทำไม่สำเร็จ เราก็คงจะจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย’
หานเซิ่นคิด แต่เขาไม่ลังเล เขาปล่อยให้จิตใจที่โศกเศร้านั้นเข้าครอบงำร่างกาย
ตลอดหลายยุคสมัยที่ผ่านมา เวรี่ไฮมากมายได้กระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณ และส่วนใหญ่พวกเขาก็เริ่มต้นเหมือนกับหานเซิ่น พวกเขาเลือกจะต่อสู้กับความโศกเศร้าที่รุกรานเข้ามา
ทุกคนรู้ว่าการประสบกับความเศร้าโศกระดับนั้นเป็นอะไรที่อันตราย และใครก็ตามที่ประสบมันเป็นเวลานานมีโอกาสสูงที่จะฆ่าตัวตาย
ถึงแม้บางคนพยายามจะเรียนรู้เกี่ยวกับจิตใจที่โศกเศร้านั่น มันก็มีขีดจำกัดอยู่ ในตอนที่พวกเขารู้สึกว่าความคิดอยากฆ่าตัวตายเริ่มเข้าครองงำ พวกเขาก็จะหันหนีและหยุดพยายามทำแบบนั้น
เวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ฉลาดกว่านั้น แทนที่จะตรงไปข้างหน้าที่เห็นว่าเป็นทางตัน พวกเขาจะหาหนทางอื่นเพื่อออกจากความรู้สึกที่โศกเศร้านั้น
แต่หานเซิ่นแตกต่างออกไป เขาเป็นคนที่หัวแข็งมากๆ เขาไม่ได้เหมือนกับคนของเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ไปต่อ พวกเขาก็ยังคงมีโอกาสรอดโดยได้รับความเสียหายเพียงแค่เล็กน้อย
ตอนนี้หานเซิ่นจะต้องเดินไปให้สุดทาง ถึงแม้ทุกวินาทีที่ผ่านไปจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา เขาก็จำเป็นต้องเข้าใจถึงจิตใจของบรรพบุรุษคนนั้นให้ได้
ความโศกเศร้าฝังลึกในจิตใจของเขา และหานเซิ่นก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ
หานเซิ่นไม่เคยคิดมาก่อนว่าทะเลแห่งความโศกเศร้าที่บริสุทธิ์จะมีอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย มันไม่ใช่ความเกลียดชังตัวเองหรือความเกลียดชังสิ่งอื่นๆในจักรวาล มันเป็นความโศกเศร้าที่เหมือนกับความเมตตาแทน
ในตอนที่หานเซิ่นรู้สึกตัวแบบนั้น เขาก็สะดุ้งด้วยความประหลาดใจ ความเมตตาในความโศกเศร้า เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้เขารู้สึกมันจริงๆ ร่างกายของเขาถูกครอบงำด้วยความโศกเศร้าที่เมตตานั้น
“นี่คือน้ำตาสุดท้ายที่ข้าจะหลั่งให้จักรวาลนี้”
ภายในความโศกเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น หานเซิ่นได้ยินเสียงหนึ่งดังออกมาจากความว่างเปล่า
เสียงนั้นฟังดูมีพลังเกินบรรยาย เมื่อหานเซิ่นได้ยินมัน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดเกินจินตนาการ เขาต้องการจะล้มลงไปกับพื้นและร้องไห้
แต่เขารู้ว่าน้ำตาเลือดของเขาเกือบจะเหือดแห้งแล้ว และเขาไม่สามารถร้องไห้ต่อไปได้อีก หลังจากที่ได้ยินเสียงจากความว่างเปล่านั้น หานเซิ่นก็รู้สึกเศร้ายิ่งกว่าเดิม แต่นี่เป็นความโศกเศร้าที่ต่างออกไป ความโศกเศร้านี้ยังทำให้เขารู้สึกไร้ที่พึ่งและโดดเดี่ยว
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด นั่นเป็นเพราะเขาค้นพบว่าความโศกเศร้านั้นไม่ได้มาจากเนตรเวรี่ไฮ มันมาจากตัวเขาเอง มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป เขารู้สึกราวกับว่าไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
หานเซิ่นค่อนรู้สึกตัวถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ เขารู้สึกไร้ที่พึ่งและโดดเดียวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาค่อยๆยกมือขึ้นมาและเตรียมจะบดขยี้กะโหลกของตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย
เวรี่ไฮหลายสิบคนที่อยู่รอบๆนั้นเห็นว่าความโศกเศร้าที่หานเซิ่นกำลังต่อสู้นั้นรุนแรงขึ้นกว่าเดิม พวกเขารู้ว่านี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดี หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทเองก็ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เช่นกัน
“โอ้ไม่นะ! หานเซิ่นหยุดต่อต้านมัน จิตใจที่โศกเศร้านั่นกำลังเข้าครอบงำร่างกายของเขา” ลุงเก้าพูดขึ้นมา
แต่มันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องพูดแบบนั้น คนอื่นๆก็พอจะบอกได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเอ็กซ์ควิสิทจะเชื่อในตัวเขามากขนาดนั้น ทำไมเขาถึงได้ยอมแพ้เร็วนัก?” เวรี่ไฮคนหนึ่งพูดอย่างเกรี้ยวโกรธ
“เจ้าต้องคำนึงว่ายังไงซะเขาก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง” เวรี่ไฮอีกคนพูดพร้อมกับถอนหายใจ
เวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์มองไปที่หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทอย่างเงียบๆ พวกเขารอให้จังหวะนั้นมาถึง ลุงเก้าก็เตรียมตัวเช่นกัน เขาจะทำลายพันธสัญญาของหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกับหานเซิ่น เขาขอเลือกที่จะให้พวกเธอทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บดีกว่าปล่อยให้พวกเธอตาย
ไม่นานหลังจากนั้นในที่สุดจังหวะนั้นก็เกิดขึ้น หานเซิ่นค่อยๆยกมือขึ้น ทุกคนบอกได้ว่าเขาต้องการจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากอิทธิพลของจิตใจที่เศร้าโศก
ในเวลาเดียวกัน หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็ยกมือของพวกเธอเหมือนกับที่หานเซิ่นทำ พวกเธอสัมผัสหน้าผากของตัวเองและใบหน้าของพวกเธอดูไร้ซึ่งความหวัง
ลุงเก้าส่ายหัว เขาไม่สามารถรอได้อีกแล้ว หานเซิ่นกำลังจะตาย และหลี่เคอเอ๋อกับเอ็กซ์ควิสิทจำเป็นต้องถูกช่วยเหลือ
เวรี่ไฮมีประชากรเพียงไม่มาก พวกเขามีกันไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถสูญเสียใครไปได้
ลุงเก้ายกมือขึ้นและรวบรวมพลังเพื่อจะทำลายพันธสัญญาระหว่างพวกเขา หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองหานเซิ่นเป็นครั้งสุดท้าย
ทุกคนรอให้ลุงเก้าช่วยเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออย่างใจจดใจจ่อ เวรี่ไฮทุกคนมองไปที่เขา แต่ทันใดนั้นเหล่าเวรี่ไฮก็สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของเขา
ในตอนที่เหล่าเวรี่ไฮมองตามสายตาของลุงเก้าไป พวกเขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าลุงเก้ากำลังมองไปที่หานเซิ่น และหานเซิ่นก็ดูแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย
หานเซิ่นยกมือขึ้นมาเพื่อจะฆ่าตัวตาย และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความตาย แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาแสดงการดิ้นรนจากภายใน และมือของเขาก็หยุดชะงักไป
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อได้รับผลกระทบจากอารมณ์ความรู้สึกของหานเซิ่น มือของพวกเธอหยุดอยู่กลางอากาศเช่นเดียวกัน พวกเขาแข็งทื่อไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
“ยังคงต่อสู้ดิ้นรน” ลุงเก้าพึมพำกับตัวเอง
“ลุงเก้ามัวลังเลอะไรอีก ไม่ว่าตัวไหมคนนั้นจะดิ้นรนต่อสู้สักแค่ไหน เขาก็ต่อต้านจิตใจอันโศกเศร้าของเนตรเวรี่ไฮไม่ได้ เขาจะต้องตายไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกเราควรจะรีบทำลายพันธสัญญาระหว่างพวกเขา”
“ใช่แล้ว ความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราควรจะรีบทำให้เรื่องทั้งหมดนี้จบๆไป ถ้าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อต้องประสบกับความคิดที่จะฆ่าตัวตาย มันจะเป็นบาดแผลต่อจิตใจของพวกนาง”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น บางสิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นกับหานเซิ่น