ปราสาทภายในขวด ใบหน้าของหานเซิ่นดูมืดมน เขานั่งอยู่บนพื้นขณะที่ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
เขาไม่เคยรู้สึกอับอายเหมือนอย่างที่เขากำลังรู้สึกในตอนนี้ เขาจำเป็นต้องให้เด็กผู้หญิงคนนั้นเข้ามาช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ ถ้ากู่หว่านเอ๋อไม่ได้เข้ามาขวางมีดเทพเอาไว้ เขาก็คงจะไม่มีโอกาสได้ใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อหนีมา หานเซิ่นจะไม่มีวันลืมสีหน้าของกู่หว่านเอ๋อในตอนที่เขาจำเป็นหนีเอาตัวรอดมา
“เราจะต้องหาหนทางเอาชนะมีดเฮงซวยนั่นและพากู่หว่านเอ๋อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้”
หานเซิ่นสงบจิตใจและพยายามคิดอย่างมีเหตุผล เขารู้ว่าความรู้สึกโกรธและอับอายไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร เขาจำเป็นต้องหาทางรับมือกับมีดเทพนั่นเพื่อจะช่วยกู่หว่านเอ๋อ เขาจำเป็นต้องพาเธอมาจากที่นั่น
“ถ้าเราใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เราก็ไม่ควรจะถูกทำร้ายโดยซุปเปอร์สเปชสแลซ แต่ถึงหว่านเอ๋อและร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเราจะไม่ขัดแย้งซึ่งกันและกัน ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเราก็คงจะอยู่ได้ไม่นานอยู่ดี แบบนั้นเราจะป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซโดยที่ไม่ใช่ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดได้ยังไง? และถึงเราจะป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซได้ก็ยังไม่พอ เราจำเป็นมีหนทางที่จะโต้กลับและทำลายมีดเล่มนั้น แม้แต่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ก็ทำร้ายมันไม่ได้ และพลังของเราก็ด้อยกว่าเธอมากนัก มันคงจะเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าสำหรับเราที่จะทำลายมีดเล่มนั้น”
แต่หานเซิ่นไม่คิดจะยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้ เขาใช้เวลาคำนวณถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นที่นั่น มันยังคงมีโอกาสที่เขาจะทำได้สำเร็จ ซึ่งเขาคำนวณว่ามันอยู่ในอัตราหนึ่งในหมื่น แต่นั่นจะไม่สั่นคลอนความมุ่งมั่นของเขา
อิมมอร์ทัลดราก้อนยังคงรักษาร่างกายของหานเซิ่นอย่างไม่หยุด เนื่องจากในตอนที่เขาอยู่ในฟาร์มของพระเจ้า เขาได้รับบาดแผลเพิ่มรวดเร็วเกินไป อิมมอร์ทัลดราก้อนจึงรักษาบาดแผลได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เขาได้รับบาดเจ็บมากซะจนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักขนาดไหนกัน
“เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้ ดังนั้นการจะหลบหลีกจึงเป็นไปไม่ได้ นอกซะจากเราจะลบอดีต…” เมื่อคิดได้แบบนั้น ดวงตาของหานเซิ่นก็เป็นประกายขึ้นมา
“บางทีเราควรจะลองอนัตตาของอัลฟ่าเผ่าเวรี่ไฮ อนัตตาเกี่ยวกับการหาหนทางให้ร่างกายตัดขาดจากจักรวาล แบบนั้นปีศาจนั่นก็จะไม่เห็นอดีตของเรา” หานเซิ่นคิดว่านี่เป็นบางสิ่งที่เขาควรจะลองดู เขามีประสบการณ์ของอัลฟ่าเผ่าเวรี่ไฮ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะฝึกอนัตตา
แต่ถึงอนัตตาจะป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซได้ หานเซิ่นก็ยังไม่มีหนทางที่จะทำลายมีดเทพอยู่ดี
หานเซิ่นไม่สามารถคิดเกี่ยวกับหนทางที่จะทำลายมีดเทพ แต่สำหรับตอนนี้เขาจำเป็นต้องฝึกอนัตตาซะก่อน เขาจำเป็นต้องดูว่าจะสามารถใช้มันป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซได้ไหม
เนื่องจากหานเซิ่นไม่มีเวรี่ไฮเซ้นส์เป็นฐาน เขาจึงใช้แค่วิชาใต้นภาเป็นฐานของมัน เขาใส่อนัตตาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวิชามีดใต้นภา
หลังจากที่ผ่านไปสองอาทิตย์ หานเซิ่นก็ยังไม่ก้าวออกไปจากปราสาทแม้แต่ก้าวเดียว ตั้งแต่ที่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ปรากฏตัว ร่างกายของหานเซิ่นก็ไม่มีเกล็ดงอกขึ้นมาอีก และปะการังโลหิตก็ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเลย ถ้าหานเซิ่นไม่ได้เห็นมันกลายเป็นแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ เขาก็คงจะคิดไปว่ามันเป็นแค่ชิ้นของปะการังธรรมดาๆ
“ดูเหมือนว่าเลือดของแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ที่เรามียังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเกิดใหม่ของเธออย่างสมบูรณ์ แต่นั่นไม่เป็นไร เราไม่รู้ว่าเธอเป็นมิตรหรือศัตรู ดังนั้นนี่ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้”
หานเซิ่นมองไปที่ปะการัง หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจเดินออกไปจากปราสาท
สองอาทิตย์ที่ผ่านมา หานเซิ่นได้พยายามที่จะทำให้อนัตตาละลายเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวิชามีดใต้นภา แต่เขาพบกับปัญหาบางอย่างที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ เขาจำเป็นต้องมีไอเดียอย่างสองอย่าง แต่มันไม่มีอะไรที่จะบันดาลใจเขาภายในปราสาทนี้ มันยากที่จะคิดไอเดียบางอย่างขึ้นมา
หานเซิ่นเดินวนรอบปราสาทเป็นวงกลม แต่เขาก็ยังคงไม่เข้าใจและเขาก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะรู้ว่าในตอนนี้เขาจำเป็นต้องสงบจิตสงบใจเอาไว้ ความคิดเกี่ยวกับกู่หว่านเอ๋อและสถานการณ์ของเธอก็ทำให้เขาจะเป็นบ้า เขาไม่สามารถใจเย็นอยู่ได้
หานเซิ่นเรียกไซเรนเวอร์จิ้นออกมา เขาพูดกับเธอโดยหวังว่าจะได้รับไอเดียบางอย่างจากเธอ แต่ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอะไรที่น่าผิดหวัง ไซเรนเวอร์จิ้นไม่เคยเห็นซุปเปอร์สเปชสแลซมาก่อน ดังนั้นเธอไม่มีหนทางที่จะป้องกันมันได้
หลังจากที่ไซเรนเวอร์จิ้นใช้เวลาครึ่งวันพูดเรื่องไร้สาระ หานเซิ่นก็ส่งเธอกลับเข้าไปในขวดดังเดิม
ในปราสาทไม่มีใครที่จะมอบคำแนะนำให้กับหานเซิ่นได้ หลังจากที่ลังเลอยู่อีกสักพัก ในที่สุดแล้วเขาก็ตัดสินใจเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา เขาจะไปพบกับจอมมารที่ถูกขังอยู่ในนั้น
ในตอนนี้จอมมารเป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่หานเซิ่นขังเอาไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา สิ่งมีชีวิตอื่นทั้งหมดที่เคยอยู่ในนี้ถูกส่งไปในสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์หมดแล้ว มีเพียงแค่จอมมารเท่านั้นที่ดูอันตรายเกินกว่าที่จะปล่อยให้ออกไปจากหอคอยแห่งโชคชะตา
“เจ้าต้องการบางสิ่งจากข้า?” จอมมารถูกขังอยู่ในหอคอยมาอย่างยาวนาน แต่เขาไม่ได้ดูโกรธหรือร้อนใจเหมือนกับนักโทษทั่วๆไป มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ระหว่างการพักร้อน แทนที่จะเป็นการถูกขังอยู่ในคุก หานเซิ่นชื่นชมในจิตใจที่แข็งแกร่งของจอมมาร ถ้าหานเซิ่นถูกขังอยู่ในนี้เป็นเวลาหลายปี เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะดูสงบนิ่งแบบนี้ได้
“ข้าได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่มีพลังซุปเปอร์สเปชสแลซ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะป้องกันมันยังไง” แทนที่จะพยายามปิดบัง หานเซิ่นพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นออกไปตรงๆ
สติปัญญาของจอมมารนั้นสูง เขาไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกโดยคำโกหก ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้พยายามจะปิดบัง
“นั่นเป็นเรื่องง่าย ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะปล่อยข้าไป ข้าจะสอนวิธีรับมือพลังซุปเปอร์สเปชสแลซให้กับเจ้า”
จอมมารพูดอย่างสงบนิ่ง ในตอนที่เขาพูดเกี่ยวกับเงื่อนไข เขาไม่ได้ดูตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย
“พลังของเจ้าอยู่ในระดับต่ำที่สุดของจักรวาลแห่งนี้ และคู่ต่อสู้ของข้าก็เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะเชื่อเจ้า?” หานเซิ่นถามขณะที่จ้องไปที่จอมมาร
“ข้าเชื่อ นั่นคือเหตุผลที่เจ้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือยังไง?”
จอมมารหยุดไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “แถมความแข็งแกร่งและความรู้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป ยังไงซะธาตุกาลเวลาและอวกาศในจักรวาลนี้ก็เหมือนกันกับธาตุกาลเวลาของที่อื่น พวกมันทำงานเหมือนกันกับที่พวกมันทำในก็อตแซงชัวรี่ ซุปเปอร์สเปชสแลซเองก็เช่นกัน เหตุผลเบื้องหลังของพวกมันเหมือนกัน ถ้าเจ้าเข้าใจเรื่องนั้น เจ้าก็จะหาหนทางรับมือกับมันได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมา ข้าจะรับมือกับซุปเปอร์สเปชสแลซได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม
“ตกลงกับเงื่อนไขของข้าก่อน” จอมมารพูด
“เจ้าจะต้องพิสูจน์ให้ข้าเห็นก่อนว่าเจ้ารับมือกับพลังซุปเปอร์สเปชสแลซได้จริงๆ” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่จอมมารอย่างไร้สีหน้า
ชายคนนี้อันตรายเกินไป หานเซิ่นจะไม่ปล่อยจอมมารออกไป นอกซะจากจะไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ
นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความแข็งแกร่งของจอมมาร เพียงแต่ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป ถึงแม้จอมมารจะเป็นแค่ระดับบารอน แต่หานเซิ่นก็จะไม่มอบโอกาสให้จอมมารหนีไปได้
จอมมารมองหานเซิ่นและยิ้มออกมา “เจ้าต้องการจะหลอกข้า เจ้าต้องการให้ข้ามอบหนทางให้กับเจ้า หลังจากนั้นเจ้าก็จะละทิ้งข้อตกลงและขังข้าเอาไว้ที่นี่”
“บอกบางสิ่งที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” หานเซิ่นพูด
จอมมารเป็นคนเฉียบแหลม เขาไม่ได้พูดซ้ำว่าหานเซิ่นจะไม่ยอมมอบอิสรภาพให้กับเขา เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ตามหลักทฤษฎีแล้ว มันมีแค่หนทางเดียวที่จะรับมือกับซุปเปอร์สเปชสแลซ”
“หนทางอะไร?” หานเซิ่นรีบพูด เขาคิดว่าจอมมารจะไม่ยอมบอก แต่ชายคนนั้นกลับยอมพูดออกมา
“มันคือการฆ่าตัวเอง” จอมมารดูจริงจัง คำตอบนี้ของจอมมารทำให้หานเซิ่นรู้สึกสับสน