“ดอลลาร์? ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” บาร์สังเกตเห็นหานเซิ่นและจำชุดเกราะตงเสวียนของเขาได้
“ถ้าข้าบอกว่าหลงทาง จะเชื่อข้าไหมล่ะ?” หานเซิ่นถาม
บาร์ขมวดคิ้วกับคำตอบที่ได้รับ เขามองหานเซิ่นอย่างแปลกๆและพูด
“เจ้าหลงทางมาที่นี่?”
“ที่นี่คือที่ไหนกัน?” หานเซิ่นถาม
“พวกเราอยู่ในบริเวณรกร้างที่ด้อยพัฒนา มันไม่ได้ห่างไกลจากระบบจักรวาลขนาดใหญ่มากนัก ส่วนเรื่องที่ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ เพราะยังไงซะที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ถูกสำรวจ มันไม่มีแผนที่ของที่นี่” บาร์พูด
หานเซิ่นแปลกใจ เขาคิดกับตัวเอง ‘ระบบจักรวาลร้างขนาดใหญ่? นั่นหมายความว่าที่นี่คงจะเป็นของเซเคร็ดในสมัยโบราณกาล มันเป็นทางข้างสู่ก็อตแซงชัวรี่ ที่นี่คือสถานที่ที่เจ้าแมวเก้าชีวิตพาตัวเสี่ยวฮวาไป’
“พวกเจ้ามาทำอะไรในสถานที่ที่อันตรายแบบนี้?” หานเซิ่นถามบาร์
“ที่นี่ไม่ใช่ระบบจักรวาลร้าง ดังนั้นมันไม่ได้อันตายจนเกินไป มันเป็นแค่ระบบจักรวาลด้อยพัฒนาที่พอจะมีทรัพยากรอยู่ เผ่าพันธุ์เล็กๆเผ่าหนึ่งค้นพบซีโน่เจเนอิคสเปชที่นี่ พวกเขาบอกว่าเห็นพบบางสิ่งที่สุดยอดที่นี่ พวกข้าจึงมาที่นี่เพื่อดูมัน”
บาร์มองไปที่หานเซิ่นและถาม “เจ้าสนใจจะไปตรวจดูซีโน่เจเนอิคสเปชนั่นด้วยกันไหม?”
หานเซิ่นยังไม่ทันตอบ ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนหนึ่งที่มากับบาร์ก็พูดขึ้นมา
“บาร์ ทำไมเจ้าไม่แนะนำเพื่อนคนนี้ให้พวกเราได้รู้จัก?”
“นี่คือมนุษย์ที่มีชื่อว่าดอลลาร์ เขาคือคนที่ชนะเลิศในการประลองของบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนของระดับมาร์ควิสในครั้งก่อน”
หลังจากนั้นบาร์ก็ชี้ไปที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนนั้นและพูด
“ดอลลาร์ ผู้นี้คือผู้อาวุโสนาเดอร์ เขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นของเดสทรอยเยอร์”
บาร์ไม่ได้แนะนำตัวคนอื่นที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสนาเดอร์ บาร์แค่บอกว่าพวกเขาเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสนาเดอร์เท่านั้น
พวกเขาแต่ละคนเป็นแค่ระดับราชันหรือไม่ก็ครึ่งเทพ ส่วนตัวบาร์เองเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว
ผู้อาวุโสนาเดอร์เห็นว่าบาร์ดูจะสนิทกับหานเซิ่นมากๆ ในตอนแรกเขาจึงคิดไปว่าหานเซิ่นคงจะต้องเป็นยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โต เมื่อเขาได้ยินว่าหานเซิ่นมาจากเผ่าพันธุ์เล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก เขาก็สูญเสียความสนใจอย่างรวดเร็ว
ดอลลาร์ได้อันดับที่หนึ่งในการประลองระดับมาร์ควิส แต่ระดับมาร์ควิสนั้นแตกต่างไปจากระดับเทพเจ้า ผู้อาวุโสนาเดอร์นั้นคิดว่าเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปสนใจระดับเทพเจ้าที่มาจากเผ่าพันธุ์เล็กๆ
ถึงแม้มันเป็นเรื่องยากที่จะกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่ในบางครั้งเผ่าพันธุ์เล็กๆก็จะโชคดีบังเอิญไปเจอทรัพยากรของเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งและกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้สำเร็จ
ระดับเทพเจ้าแบบนั้นมักจะมีรากฐานที่แย่ พวกเขาขาดความรู้และขาดการฝึกฝนวิชาการต่อสู้ชั้นสูง พวกเขามีโอกาสสูงที่จะสร้างปัญหา เผ่าเดสทรอยเยอร์เคยรับระดับเทพเจ้าแบบนั้นมาหลายคน แต่มันไม่เคยให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อเผ่าเดสทรอยเยอร์เลย และพวกเขาก็มักจะเป็นตัวปัญหาซะมากกว่า ตั้งแต่นั้นมาเผ่าเดสทรอยเยอร์ก็หยุดรับคนที่เป็นระดับเทพเจ้าจากเผ่าพันธุ์เล็กๆ
ถ้าหานเซิ่นมาจากเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โต ผู้อาวุโสนาเดอร์ก็คงจะอยากพูดคุยกับเขา แต่หลังจากที่ได้รู้ว่าดอลลาร์เป็นใคร เขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอีกต่อไป
ผู้อาวุโสนาเดอร์อาจจะไม่ให้ความสำคัญอะไรกับหานเซิ่น แต่บาร์นั้นรู้จักดอลลาร์ผ่านเดียร็อบเบอร์ แม้แต่เดียร็อบเบอร์ก็ยังนับถือดอลลาร์ผู้ลึกลับ ดังนั้นบาร์จึงไม่เคยคิดที่จะประเมินเขาต่ำแบบนั้น
“ดอลลาร์ ถ้าเจ้าไม่ได้มีธุระอะไร เจ้าไปสำรวจซีโน่เจเนอิคสเปชนั่นร่วมกับพวกเราเป็นยังไง?” บาร์พูดเชิญหานเซิ่นอีกครั้ง
“พวกเราสำรวจร่วมกันได้ แต่ถ้าพวกเราเจอบางสิ่งที่มีค่า พวกเราจะแบ่งกันยังไง?”
หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรในซีโน่เจเนอิคสเปชมากนัก แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับระบบจักรวาลนี้ การติดตามบาร์และคนอื่นไปนั้นอาจจะช่วยป้องกันเขาจากการไปเจอเข้ากับปัญหา
“ผู้อาวุโสนาเดอร์เป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ เขาจะรับส่วนแบ่งหกสิบเปอร์เซ็นต์ แบบนั้นเจ้ากับข้ามาแบ่งสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคนละครึ่งเป็นยังไง?” บาร์เสนอขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปชั่วครู่
ผู้อาวุโสนาเดอร์ไม่ค่อยพอใจกับข้อเสนอของบาร์ ในสายตาของเขา ดอลลาร์นั้นเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟจากเผ่าเล็กๆ เขาเชื่อว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นถือว่ามากเกินไป ดอลลาร์ไม่ควรจะได้รับมากไปกว่าสิบเปอร์เซ็นต์
แต่ในเมื่อบาร์เสนอออกไปแบบนั้น ผู้อาวุโสนาเดอร์ก็ไม่คิดจะพูดโต้แย้งอะไร เขาจึงมองดูอย่างเงียบๆ
หานเซิ่นส่ายหัว “นั่นไม่ค่อยยุติธรรม”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าพวกเราควรจะแบ่งกันยังไง?”
บาร์รู้ว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็นอะไรที่อันตราย การมียอดฝีมืออย่างดอลลาร์อยู่จะเป็นประโยชน์ต่อภารกิจของพวกเขา
“ข้าเป็นคนที่ยุติธรรมเสมอ ถ้านี่เป็นการร่วมมือกัน ข้าคิดว่าพวกเราควรแบ่งรางวัลกันแบบห้าสิบห้าสิบ เผ่าเดสทรอยเยอร์ได้ไปห้าสิบ และเผ่ามนุษย์ได้ห้าสิบ” หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง
แค่หานเซิ่นจะได้รับส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ผู้อาวุโสนาเดอร์ก็ไม่ค่อยพอใจแล้ว แต่เขารู้ว่าการสำรวจซีโน่เจเนอิคใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบนั้นเป็นการเดินทางที่อันตราย การได้รับความช่วยเหลือจากระดับเทพเจ้าอีกคนหนึ่งถือเป็นความคิดที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นถ้าให้เขาเป็นคนตัดสินใจ ผู้อาวุโสนาเดอร์ก็คงจะไม่ยอมมอบส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้กับระดับเทพเจ้าจากเผ่าพันธุ์เล็กๆอย่างหานเซิ่น แต่ตอนนี้หานเซิ่นกลับบอกว่าเขาต้องการส่วนแบ่งห้าสิบเปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นอะไรที่บ้าบอสิ้นดี
“เผ่าพันธุ์เล็กๆมีสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเป็นแค่เผ่าพันธุ์เล็กๆ หลังจากที่ตัวเองกลายเป็นระดับเทพเจ้า พวกเขามักจะหลงตัวเองขึ้นมา ข้ากลัวว่าเขาจะไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟกับระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น เขาถึงต้องการจะแบ่งรางวัลแบบห้าสิบห้าสิบ”
ผู้อาวุโสนาเดอร์รู้สึกโกรธกับข้อเสนอนั้น เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด “ถ้าเจ้าเป็นระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาคนหนึ่ง ข้าก็อาจจะแบ่งรางวัลกันแบบห้าสิบห้าสิบ”
“ข้าเป็นขั้นพริมิทีฟ แต่ข้าจะยอมตกลงก็ต่อเมื่อพวกเราแบ่งส่วนแบ่งกันแบบห้าสิบห้าสิบเท่านั้น” หานเซิ่นยืนกราน
ถึงแม้เขาจะเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟ แต่ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งมากๆ และเขาศึกษาวิชาจีโนหลายอย่าง แม้แต่ระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นธรรมดาก็ไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเชื่อว่าการแบ่งแบบห้าสิบห้าสิบเป็นอะไรที่ยุติธรรม
แต่ผู้อาวุโสนาเดอร์ไม่ได้คิดแบบนั้น หลังจากที่ได้ยินหานเซิ่น เขาก็หัวเราะออกมา
“เจ้าขอมากเกินไป พวกเราคงจะตอบสนองต่อความต้องการของเจ้าไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องขอตัว” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็หันมาหาบาร์และพูด
“บาร์ เจ้ามีแผนที่ดวงดาวให้ข้าซื้อต่อไหม? ข้าจะซาบซึ้งมากถ้าเจ้าขายมันให้กับข้า”
“ข้ามีแผนที่อยู่ มันไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก เจ้าเอามันได้เลยถ้าเจ้าจำเป็นต้องใช้มัน” บาร์เปิดเครื่องมือสื่อสารและส่งแผนที่ดวงดาวให้กับหานเซิ่น
“ขอบคุณมาก หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก” หานเซิ่นรีบมันมาและกล่าวขอบคุณ
เมื่อเห็นหานเซิ่นจากไป หนึ่งในลูกศิษย์ของผู้อาวุโสนาเดอร์ก็หัวเราะ
“เขาไม่รู้จักฐานะของตัวเองซะจริงๆ เขาคิดว่าการกลายเป็นระดับเทพเจ้าจะทำให้เขาไร้เทียมทานในจักรวาลหรือยังไง”
“ใช่ เขาเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ อาจารย์ของพวกเราบดขยี้เขาให้ตายได้ด้วยมือข้างเดียว”
“ข้ากลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างขั้นพริมิทีฟและขั้นทรานส์มิวเทชั่น นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอวดดีแบบนั้น ท่านอาจารย์น่าจะแสดงให้เขาเห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ในที่นี้”
“เขากล้าดียังไงมาขอส่วนแบ่งแบบห้าสิบห้าสิบกับอาจารย์ของพวกเรา?”
เหล่าลูกศิษย์ของผู้อาวุโสนาเดอร์พูดคุยกัน พวกเขาพูดเหมือนกับว่าพวกเขาทุกคนแข็งแกร่งกว่าหานเซิ่น พวกเขาดูจะลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นแค่ระดับราชัน ขณะที่หานเซิ่นเป็นระดับเทพเจ้า