“เจ้าให้ข้ากินเขา?” หานเซิ่นประหลาดใจ
“ใช่ เขาคืออาหารที่ดีที่สุดในที่แห่งนี้ เจ้ากังวลว่าเขาจะรสชาติไม่ดีอย่างนั้นหรอ? นั่นไม่เป็นอะไร ถ้าแบบนั้นเจ้าเลือกเองได้ได้ กินอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ ถ้าเจ้าชอบมัน มันก็เป็นของเจ้า” ฟีนิกซ์พูด
ผู้อาวุโสนาเดอร์และคนอื่นๆเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ฟีนิกซ์บอกว่าพวกเขาทั้งหมดไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าอาหาร แต่ทว่าดอลลาร์นั้นถูกเชิญให้มากินร่วมกับฟีนิกซ์ ราวกับเป็นแขกผู้มีเกียรติ ถ้าดอลลาร์ต้องการ ดอลลาร์สามารถกินพวกเขาจนกระทั่งอิ่มท้อง
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่รู้ว่าทำไมฟีนิกซ์ถึงปฏิบัติกับเขาต่างจากคนอื่น แต่เขาก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเมื่อรู้แบบนั้น
“เจ้าให้พวกเขาทั้งหมดกับข้า?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ผู้อาวุโสนาเดอร์และคนอื่น
“แน่นอน ถ้าเจ้าต้องการพวกเขาล่ะก็นะ”
ฟีนิกซ์ยิ้ม มันเป็นเหมือนกับแม่ที่ชอบเอาอกเอาใจลูก หานเซิ่นไม่อาจจะเข้าใจถึงพฤติกรรมของมันได้ เมื่อคำนึงถึงการที่มันเพิ่งจะเล่นกับชีวิตของคนอื่นเมื่อครู่นี้ มันเปลี่ยนระดับราชันและระดับเทพเจ้าให้กลายเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย
“ข้าจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้? ถ้าข้าไม่ต้องการกินพวกเขา ข้าจะปล่อยพวกเขาไปได้ใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม
“ได้ ตราบใดที่นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการ” ดูเหมือนกับว่าฟีนิกซ์กำลังจะตามใจเขาจริงๆ
หานเซิ่นต้องการจะช่วยดราก้อนวัน แต่หลังจากนั้นเขาก็ลังเลขึ้นมา เขาตัดสินใจจะช่วยเป่าเหลียนไปด้วยเลย เขาต้องการจะจัดการกับเป่าเหลียนด้วยตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น ปล่อยสองคนนั่นไป” หานเซิ่นชี้ไปที่ดราก้อนวันและเป่าเหลียน
ในตอนที่ฟีนิกซ์ได้ยินคำขอของหานเซิ่น มันไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน แต่เป่าเหลียนและดราก้อนวันรู้สึกว่าแรงกดดันที่กดร่างของพวกเขาได้หายไปแล้ว
“ขอบคุณเจ้ามากดอลลาร์ ข้าซาบซึ้งในเรื่องนี้”
ดราก้อนวันกล่าว เขายังคงดูค่อนข้างตื่นกลัว ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รีบบินหนีไป เขาไม่กล้าจะอยู่ที่นี่ต่อเพราะกลัวว่าฟีนิกซ์จะเกิดเปลี่ยนใจ
“สิ่งที่เจ้าทำในวันนี้จะถูกตอบแทน ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้า” เป่าเหลียนพูดก่อนที่จะรีบตามดราก้อนวันไป
“ดอลลาร์ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!” เมื่อคนอื่นๆเห็นว่าฟีนิกซ์ยอมปล่อยดราก้อนวันและเป่าเหลียนไปตามคำขอของดอลลาร์ ทุกคนตกใจกับเรื่องนั้น แต่พวกเขากลับมามีหวังอีกครั้ง ระดับราชันหลายคนส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหานเซิ่น
“ข้าจะทำอะไรกับคนพวกนี้ก็ได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามอีกครั้งขณะที่มองไปที่เทพฟีนิกซ์อย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“แน่นอน พวกเขาทั้งหมดเป็นของเจ้า” ฟีนิกซ์พูดด้วยรอยยิ้ม
หานเซิ่นหลี่ตาและมองไปที่ผู้อาวุโสนาเดอร์กับคนอื่นๆ เขาเงียบอยู่เป็นเวลานาน และความไม่เต็มใจของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกกังวลอย่างมาก
“ดอลลาร์ ได้โปรดเมตตาและปล่อยพวกเราไป! ข้ามีครอบครัวที่รอคอยข้าอยู่ที่บ้าน…” ราชันจากเผ่าเล็กๆคนหนึ่งขอร้อง
“ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเจ้า และข้าก็ไม่ได้ร่วมมือกับเจ้าเช่นกัน ทำไมข้าถึงควรต้องช่วยเจ้า?” หานเซิ่นมองไปที่ราชันคนนั้นและพูดอย่างเย็นชา
ราชันคนนั้นรีบตอบกลับ “ข้ามีสมบัติและยีนซีโน่เจเนอิคอยู่มากมาย ข้าจะมอบพวกมันทั้งหมดให้กับเจ้า ข้าแค่ต้องการมีชีวิตรอดกลับไปหาครอบครัว ข้าจะเป็นหนี้บุญคุณเจ้าอย่างสูง”
“เจ้ายินดีจะทำแบบนั้นจริงๆอย่างนั้นหรอ? ข้าไม่ได้บังคับเจ้า” หานเซิ่นพูดพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
“แน่นอนว่าข้ายินดี! ข้าจะรู้สึกขอบคุณเจ้าไปชั่วชีวิต ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป และข้าจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ” ราชันคนนั้นพูด
“ดอลลาร์ ข้ายินดีจะมอบสมบัติและยีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดของข้าเช่นกัน”
“ดอลลาร์ ได้โปรดรับ…”
ทันใดนั้นระดับราชันหลายต่างก็เริ่มแย่งกันที่จะมอบสมบัติให้กับหานเซิ่น พวกเขาเพียงแค่ขอให้หานเซิ่นแสดงความเมตตาและปล่อยพวกเขาไป
“ถ้าพวกเจ้าจิตใจกว้างแบบนี้ ข้าก็จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเจ้า”
หานเซิ่นพูดอย่างเคอะเขินเล็กน้อย เขารีบรับสมบัติและยีนซีโน่เจเนอิคจากเหล่าราชัน พร้อมกับขอให้ฟีนิกซ์ช่วยปล่อยพวกเขาไป
เหล่าราชันดีใจอย่างมาก หลังจากที่พวกเขากล่าวขอบคุณหานเซิ่นเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบออกไปจากที่นั่น
“ดอลลาร์ นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี มันมากพอที่เจ้าจะไว้ชีวิตข้าไหม?” บาร์พูด
บาร์ไม่ใช่คนที่จะมีสมบัติอะไรติดตัวมากมาย สิ่งของมีค่าอย่างเดียวที่เขามีอยู่คือมีดใบเลื่อยระดับเทพเจ้า และมันก็เป็นแค่ขั้นพริมิทีฟเท่านั้น
“ถ้าเจ้ายินดีจะมอบมันให้กับข้า แบบนั้นข้าก็จะรับมันไว้”
หานเซิ่นพยักหน้าและรับมีดใบเลื่อยของบาร์มา หลังจากนั้นฟีนิกซ์ก็ปล่อยบาร์ไป
ในตอนที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่นเห็นว่าบาร์แค่มอบสมบัติระดับเทพเจ้าชิ้นเดียวเพื่อแลกกับชีวิตของตัวเอง พวกเขาก็ตัดสินใจจะทำตาม พวกเขาคิดจะมอบสมบัติระดับเทพเจ้าเพื่อแลกกับชีวิตของตัวเอง
หานเซิ่นหันมาหาระดับเทพเจ้าคนอื่นด้วยรอยยิ้มและพูด
“บาร์และเพื่อนของเขา เดียร็อบเบอร์เป็นนายจ้างเก่าของข้า นั่นเป็นเหตุผลที่เขาได้รับการปฏิบัติพิเศษ ถ้าพวกเจ้าที่เหลือต้องการจะซื้อชีวิตของตัวเอง สมบัติระดับเทพเจ้าเพียงแค่ชิ้นเดียวยังคงไม่พอ”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่าระดับเทพเจ้าที่ถูกจับตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสนาเดอร์ ใบหน้าของเขากำลังบิดเบี้ยวและเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีขาว ขณะที่อารมณ์ความรู้สึกของเขาโอนเอนไปมาระหว่างความรังเกียจและความโกรธ
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าดอลลาร์เป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง เขาจึงปฏิเสธจะร่วมทีมกับดอลลาร์ ใครจะไปรู้ว่าชีวิตของเขาจะตกมาอยู่ในกำมือของชายคนนี้? เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีพอจะเชื่อว่าโอกาสที่เขาจะถูกปล่อยตัวไปคือห้าสิบห้าสิบ เขาคงจะไม่ถูกปล่อยให้รอดชีวิตกลับไป ถึงแม้เขาจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้กับหานเซิ่นก็ตาม
ขณะที่เขามองดูหานเซิ่นหลอกเอาของมีค่าจากระดับเทพเจ้าคนอื่นๆ ความประทับใจแรกพบที่ผู้อาวุโสนาเดอร์มีต่อหานเซิ่นก็ฝังลึกยิ่งกว่าเดิม นี่เป็นคนทีละโมบ ห้าคำนั้นคือคำที่เขาเลือกจะบรรยายถึงหานเซิ่น
“เจ้านี่โลภมากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนเรียกเขาว่าดอลลาร์ ตอนนี้ระดับเทพเจ้าคนอื่นๆถูกบังคับให้มอบของมีค่าทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของตัวเอง พวกเขาเองก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นเป็นคนยังไง
แต่การสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดนั้นยังถือว่าดีกว่าการต้องมาตายอยู่ที่นี่ มันอาจจะเป็นอะไรที่ไม่น่าพอใจ แต่เหล่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ยอมมอบของมีค่าของตัวเองให้กับหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว มันไม่มีพวกเขาคนไหนที่กล้าจะต่อรองกับหานเซิ่น
ในเวลาเพียงไม่นานหานเซิ่นก็กลายเป็นเศรษฐีคนหนึ่ง ยอดฝีมือทุกคนที่เคยถูกจับตัวถูกปล่อยไป เว้นก็แต่ผู้อาวุโสนาเดอร์เท่านั้น จนถึงตอนนี้เขายังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
ผู้อาวุโสนาเดอร์ไม่สามารถแม้แต่จะหันหน้าหนี ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเฉดสีแดงที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ แต่เขายังคงไม่พูดอะไร
‘ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะปล่อยทุกคนกลับไป แต่ถ้าเจ้ากล้าจะฆ่าข้า การฆ่าข้าต่อหน้าพยานคนอื่นจะเหมือนเป็นการประกาศสงครามกับเผ่าเดสทรอยเยอร์’ ผู้อาวุโสนาเดอร์คิดกับตัวเอง แต่เขายังคงไม่พูดอะไรออกมา
“พี่ฟีนิกซ์ ขอบคุณความเมตตาและความใจกว้างของเจ้ามากๆ คนที่เหลือคนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้า เจ้ากินเขาได้เลย” หานเซิ่นพูดพร้อมกับโค้งคำนับฟีนิกซ์
ผู้อาวุโสนาเดอร์อ้าปากค้าง แต่ก่อนที่เขาจะโต้แย้งอะไรได้ เทพฟีนิกซ์ก็อ้าปากและสูดลมหายใจเข้าไป ผู้อาวุโสนาเดอร์ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผุยผงทันที
ทุกคนจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบสนิท พวกเขาหวาดกลัวกับความจริงที่ระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นถูกฆ่าง่ายๆแบบนั้น แต่พวกเขาก็ดีใจที่ตัวเองตัดสินใจได้ถูกต้อง ถ้าพวกเขาไม่ยอมมอบสิ่งของมีค่าให้กับหานเซิ่นแต่โดยดี พวกเขาก็คงจะมีจุดจบเหมือนอย่างผู้อาวุโสนาเดอร์
“ผู้อาวุโสนาเดอร์ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านอย่างสันติสุขเป็นเวลานานเกินไป เขาคงจะลืมไปแล้วว่าจักรวาลนี้อันตรายขนาดไหน แม้แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะต้องตาย เขาก็ยังคิดเกี่ยวกับการรักษาชื่อเสียงของตัวเอง”
บาร์ส่ายหัว ถึงแม้เดสทรอยเยอร์จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลัง แต่พวกเขาก็มีระดับเทพเจ้าอยู่ไม่มากนัก การสูญเสียระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นไปนั้นถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับพวกเขา
แต่ผู้อาวุโสนาเดอร์มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นเวลานานเกินไป แทนที่จะใช้เวลาไปกับการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด เขากลับใช้เวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาไปกับการสอนลูกศิษย์ เขาลืมไปแล้วว่าจักรวาลแห่งนี้โหดร้ายขนาดไหน เขาเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเองมากเกินไป
ในตอนที่ทุกคนจากไปแล้ว หานเซิ่นก็โค้งคำนับเทพฟินิกซ์อีกครั้งและพูด
“ขอบคุณพี่ฟีนิกซ์มากๆ ถ้ามีบางสิ่งที่เจ้าต้องการให้ข้าทำ ข้าจะพยายามทำอย่างเต็มความสามารถ แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน”
หลังจากที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น ฟีนิกซ์ก็จับตัวเขาขึ้นมาด้วยปาก หลังจากนั้นมันก็บินลึกเข้าไปในซีโน่เจเนอิคสเปช