“คนที่พวกเราจำเป็นต้องไปคุยด้วยนั้นมีชื่อว่าไวโอเล็ต เขาคือตัวแทนของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจากเผ่าพันธุ์ต่างๆนั้นพยายามจะติดต่อไปหาเขาเพื่อจะได้รับครึ่งหนึ่งของสเปชการ์เด้น”
เซี่ยชิงพูดพร้อมกับแสดงรูปภาพของฟลาวเวอร์ก็อตคนหนึ่ง
“เขาคือผู้ชายหรือผู้หญิง?” หานเซิ่นมองไปที่ฟลาวเวอร์ก็อตในภาพที่เซี่ยชิงแสดงให้ดู ฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นดูเหมือนกับมนุษย์ที่งดงามมากๆ แต่บนหัวของเขามีดอกไวโอเล็ตอยู่
“เขาคือผู้ชาย ในเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ดูงดงามมากๆ แต่อย่าได้คิดว่าไวโอเล็ตนั้นเป็นคนบอบบางเพราะความงามของเขา จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งและไม่ถูกหว่านล้อมได้ง่ายๆ ฉันเคยติดต่อเขาไปก่อนหน้านี้ เขาเป็นผู้ชายที่เจรจาด้วยได้ยากมากๆ” เซี่ยชิงพูด
“ถ้าเขาถูกหว่านล้อมได้ง่ายๆ ฉันก็ไม่คิดว่าเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตจะส่งเขามาจัดการเรื่องที่สำคัญแบบนี้ เพราะยังไงซะการตัดสินใจครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต ถ้าพวกเขาตัดสินใจผิดพลาด เผ่าพันธุ์ของพวกเขาก็อาจจะล่มสลายได้เลย พวกเขาจำเป็นต้องระมัดระวังในเรื่องที่สำคัญแบบนี้”
หานเซิ่นหยุดไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า “เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตคิดจะเข้าไปแทนที่เผ่าพันธุ์ไหนกัน?”
“ฉันไม่รู้ ทางฟลาวเวอร์ก็อตนั้นระมัดระวังมากๆ แต่จากการคาดเดาของคนอื่น พวกเขาน่าจะเข้าไปแทนที่เผ่าทรีเมนที่อยู่ติดกับพวกเขา เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและเผ่าทรีเมนนั้นมีความขัดแย้งกันมาเป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงนี้เผ่าทรีเมนกำลังย่ำแย่ มันเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่พวกเขาไม่มีระดับเทพเจ้าคนใหม่ พวกเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่ทรงพลังอะไร พวกเขาเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่โค่นล้มได้ง่ายที่สุด แต่มันก็ยังมีเป้าหมายอื่นอีกเช่นกัน…” เซี่ยชิงนำข้อมูลที่เขามีทั้งหมดออกมาให้หานเซิ่นดู
“เผ่าพันธุ์ชั้นสูงพวกนี้ไม่มีพันธมิตรเลยหรือยังไง?” หานเซิ่นถามขณะที่แตะริมฝีปากของตัวเองอย่างครุ่นคิด
“พวกเขามีพันธมิตรอยู่ แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก ฝ่ายอำนาจต่างๆจึงไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา แถมฟลาวเวอร์ก็อตก็มีความสัมพันธ์กับแอนเชี่ยนท์ก็อต ถ้าพวกต้องการจะต่อสู้ มันก็ไม่น่าจะมีคนอื่นเข้ามาแทรกแซง”
หลังจากนั้นเซี่ยชิงก็ชี้ไปที่รูปภาพของชายคนนั้นและพูด “ตอนนี้เขาคือกุญแจสำคัญในแผนการของพวกเรา พวกเราจำเป็นต้องหว่านล้อมเขาให้ได้ หลังจากนั้นพวกเราก็จะได้เป็นพันธมิตรกับฟลาวเวอร์ก็อตและได้ครึ่งหนึ่งของสเปชการ์เด้น”
เซี่ยชิงยิ้มให้กับหานเซิ่นและพูดต่อไปว่า “คริสตัลไลเซอร์นั้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง ฉันไม่คิดว่าฟลาวเวอร์ก็อตจะกังวลว่านายอาจจะเข้ายึดครองพวกเขา ทั้งหมดที่นายจำเป็นต้องทำทำให้ไวโอเล็ตประทับใจ”
“ทำไมนายถึงไม่ทำมันด้วยตัวเองล่ะ?” หานเซิ่นพูด
“ฉันก็อยากจะทำมันด้วยตัวเอง แต่ฉันยังไม่ถึงระดับเทพเจ้า” เซี่ยชิงสารภาพออกมาตรงๆ
“มันมีสิ่งที่นายทำด้วยตัวเองไม่ได้ด้วยหรือเนี่ย?” หานเซิ่นหัวเราะ
เซี่ยชิงจ้องกลับไปที่หานเซิ่นและพูด “มันไม่ใช่ว่าฉันทำมันไม่ได้ ฉันแค่ยังจะไม่ทำมัน”
หานเซิ่นอยู่บนดาวของเซี่ยชิงเป็นเวลาหลายวัน สภาพแวดล้อมของที่นั่นดีมากๆ มันเกือบจะเหมือนกับสรวงสวรรค์ ถ้ามันเป็นช่วงเวลาที่สงบสุข มันก็ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่แย่ที่จะเกษียณที่นี่
ทุกวันหานเซิ่นจะใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อไปที่ฟาร์มของพระเจ้า เขาหวังว่ากู่หว่านเอ๋อและมีดเทพจะกลับมาอีกครั้ง แต่ถึงแม้มันจะผ่านมานานพอสมควรแล้ว หานเซิ่นก็ยังไม่เห็นกู่หว่านเอ๋ออีกครั้ง
มันเป็นอะไรที่น่าแปลก ในตอนแรกหานเซิ่นกังวลว่าถ้าเขาใช้ลูกบาศก์สี่แกะ เขาจะถูกส่งกลับไปที่เผ่าเวรี่ไฮ แต่ความจริงแล้วเขาถูกส่งกลับมายังสถานที่ที่เขาใช้ลูกบาศก์ครั้งล่าสุด
ด้วยเหตุนั้นมันก็หมายความว่ามันไม่มีหนทางที่เขาจะกลับเข้าไปสู่โลกในขวดอีก ถ้าทางเผ่าเวรี่ไฮส่งคนเข้าไปเยี่ยมเขา พวกเขาก็จะรู้ว่าหานเซิ่นหนีออกมาแล้ว
ความจริงแล้วเผ่าเวรี่ไฮรู้ถึงการหนีไปของหานเซิ่นเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสของเวรี่ไฮคนหนึ่งมีแผนที่จะเข้าไปเพื่อตรวจเช็คร่างกายของหานเซิ่นอีกครั้ง แต่ในตอนที่เขาเข้าไปยังโลกในขวด เขาก็หาหานเซิ่นไม่เจอ
นี่ทำให้ทางเผ่าเวรี่ไฮประหลาดใจอย่างมาก หานเซิ่นหนีออกจากห้องโถงของอัลฟ่าโดยที่ไม่มีใครสังเกต ตามความเห็นของพวกเขานี่เป็นอะไรที่เลวร้ายมากๆ
ในตอนนี้เผ่าเวรี่ไฮเชื่อว่าต้องมีใครบางคนช่วยเหลือหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นเขาจะหนีออกมาได้ยังไง เอ็กซ์ควิสิทเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง เนื่องจากเธอเคยพยายามที่จะทำแบบนั้นมาก่อน แต่หลังจากที่สืบสวนอย่างละเอียด พวกเขาก็รู้สึกตัวว่ามันไม่มีทางเป็นเอ็กซ์ควิสิทไปได้
หลังจากที่ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เอ็กซ์ควิสิทที่เป็นคนช่วยหานเซิ่นหนีออกมา เรื่องนี้ก็กลายเป็นอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม พวกเขาเชื่อว่ามันมีคนทรยศในเผ่าเวรี่ไฮ
“เขาหนีไปได้จริงๆ” เอ็กซ์ควิสิทตกใจยิ่งกว่าเวรี่ไฮคนอื่น เธอไม่เชื่อหานเซิ่นในตอนที่เขายืนกรานว่าเขาจะออกมาด้วยตัวเอง แต่ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็ทำตามคำพูดได้จริง นี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างไม่น่าเชื่อ
หานเซิ่นถูกขังโดยเวรี่ไฮที่เผ่าพันธุ์อันดับหนึ่งในจักรวาล แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็ไม่สามารถหนีออกมาจากห้องโถงของอัลผ่าเผ่าเวรี่ไฮได้ ดังนั้นเธอไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหานเซิ่นหนีออกไปได้ยังไง
เผ่าเวรี่ไฮพยายามใช้วิชาจีโนพิเศษเพื่อค้นหาว่าหานเซิ่นหายไปไหนกันแน่ แต่พวกเขาไม่สามารถตรวจจับร่องรอยอะไรได้เลย ซึ่งนั่นทำให้เผ่าเวรี่ไฮมั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่ามันมีคนทรยศอยู่ในหมู่พวกเขา พวกเขาเชื่อว่าถ้าไม่มีคนทรยศอยู่ หานเซิ่นก็คงจะถูกตามตัวจนพบแล้วในตอนนี้
ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็เพิ่งจะถูกแนะนำตัวกับไวโอเล็ตของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต ชายคนนั้นดูเหมือนกับที่เขาได้เห็นในภาพโฮโลแกรม ชายคนนั้นดูงดงามขนาดที่จะทำให้ประเทศหนึ่งล่มสลายได้เลย
แต่ใบหน้าอันงดงามแบบนั้นไม่ได้ส่งอิทธิพลอะไรต่อหานเซิ่น เขารู้สึกว่าไวโอเล็ตนั้นบอบบางเกินไป มันทำให้เขารู้สึกว่าจริงๆแล้วชายคนนั้นเป็นงูพิษที่ภายนอกดูบอบบางแต่ภายในเต็มไปด้วยพิษที่ชั่วร้าย
‘ยิ่งงูงดงามมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีพิษร้ายมากเท่านั้น อยากรู้จริงๆว่าไวโอเล็ตคนนี้จะอันตรายขนาดไหน?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“นายบอกว่าไวโอเล็ตจะจัดงานเลี้ยงและเชิญยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจากเผ่าพันธุ์ต่างๆมาร่วมงานอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความยังไง?” หานเซิ่นลดเสียงเพื่อถามเซี่ยชิงที่อยู่ข้างๆ
“ฉันไม่รู้” เซี่ยชิงเงียบไป หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
“บางทีเขาอาจจะเปิดการประมูลและให้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามาแข่งขันกัน”
“ไม่มีทาง นั่นมันบ้าบอสิ้นดี นี่เป็นการตัดสินใจที่ส่งผลต่อชะตากรรมของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตทั้งเผ่าพันธุ์ พวกเขาจะใช้การประมูลตัดสินเรื่องที่สำคัญแบบนี้ไม่ได้ นอกซะจากคนที่รับผิดชอบเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นจะบ้าไปแล้ว” หานเซิ่นส่ายหัวของเขา
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ฉันไม่รู้เหตุผลอื่นที่พวกเขาจะเชิญระดับเทพเจ้ามามากมายขนาดนี้ การติดต่อเป็นการส่วนตัวดูจะเป็นอะไรที่สะดวกมากกว่า” เซี่ยชิงไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองมากนัก
หานเซิ่นมองไปรอบๆและเห็นว่ามีคนหลายคนที่เขารู้จักมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย มันมีดราก้อนวันจากเผ่าดราก้อน เดียร็อบเบอร์จากเผ่าเดสทรอยเยอร์ ไป๋ว่านเจี้ยจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แม้แต่ไผ่เดียวดายก็อยู่ที่นี่ด้วย และมันยังมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอีกมากมายที่หานเซิ่นไม่รู้จัก
“มันมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนว่าสเปชการ์เด้นนั้นจะเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจทุกเผ่าพันธุ์” หานเซิ่นพูด
“เผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่นั้นเหมือนกับหมาป่า ซึ่งทางฟลาวเวอร์ก็อตอาจจะไม่อยากร่วมมือกับพวกเขา พวกเรายังมีโอกาสอยู่”
ถึงแม้เซี่ยชิงจะพูดแบบนั้น แต่เมื่อเห็นผู้คนที่มารวมตัวกัน เขาก็รู้ทันทีว่าสเปชการ์เด้นนั้นสำคัญกับทุกคนขนาดไหน มันอยู่เหนือความคาดหมายของเขา