“อาจารย์เซี่ย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าขอแนะนำอาจารย์ว่าอย่าไปที่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อต” จู่ๆเดียร็อบเบอร์ก็กระซิบบอกเซี่ยชิง
“ทำไมกัน?” เซี่ยชิงถามขณะที่มองไปที่เดียร็อบเบอร์
“เนื่องจากพลังในการต่อสู้ของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นต่ำมากๆ พวกเขาจึงระมัดระวังไม่ให้คนนอกเข้าไปในสเปชการ์เด้น ตั้งแต่ที่เผ่าพันธุ์ของพวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นมา มีคนนอกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เข้าไปในสเปชการ์เด้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะปล่อยให้ทุกคนเข้าไป อาจารย์ไม่คิดว่านั่นน่าสงสัยหรอกหรอ?” เดียร็อบเบอร์พูดขณะที่นั่งลง
“มันก็เป็นอะไรที่น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ เจ้าพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไหม?” เซี่ยชิงถาม
เดียร็อบเบอร์ส่ายหัว “ข้าไม่รู้อะไร แต่จากประสบการณ์ในอดีต ข้าเชื่อว่าการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ อาจารย์เซี่ยเป็นบุคคลที่มากด้วยความรู้ มันไม่มีความจำเป็นที่อาจารย์ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง”
“ไม่เป็นอะไร มันมีบางสถานที่ที่ข้าไม่กล้าไป แต่ด้วยการที่มีเขาคอยปกป้อง การไปที่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตก็ควรจะไม่เป็นอะไร” เซี่ยชิงพูดขณะที่ชี้ไปที่หานเซิ่น
เดียร็อบเบอร์เห็นถึงความมั่นใจของเซี่ยชิงที่มีต่อผู้คุ้มกันของเขา ด้วยเหตุนั้นเดียร็อบเบอร์จึงมองไปที่หานเซิ่นและถาม
“ข้าไม่เคยพบกับเจ้ามาก่อน เจ้าเป็นใครอย่างนั้นหรอ?”
“นี่คือผู้คุ้มกันของข้า ซานมู่ เขาเป็นนักสู้ฝีมือดีที่ต่อสู้กับระดับเทพเจ้าสองถึงสามคนได้พร้อมๆกัน” เซี่ยชิงพูด
“ซานมู่ ถ้าเจ้าได้รับคำชื่นชมจากอาจารย์เซี่ยถึงขนาดนี้ เจ้าก็คงจะต้องเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งมากๆ เจ้ามาจากที่ไหนอย่างนั้นหรอ?”
เดียร็อบเบอร์ไม่ได้ใช้วิชาจีโนเพื่อวิเคราะห์หานเซิ่น แต่เขาสังเกตได้ว่าไม่สามารถสัมผัสอะไรเกี่ยวกับหานเซิ่นได้เลย นั่นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
“ข้าแค่มาจากเผ่าพันธุ์ที่ไร้ชื่อ ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าข้าจะบอกเจ้าหรือไม่” หานเซิ่นพูดอย่างไม่สนใจไยดี
เซี่ยชิงมองไปที่เดียร็อบเบอร์และหัวเราะ “อย่าได้ใส่ใจที่เขาพูด เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ข้ากลัวว่าเขาจะเป็นแบบนี้กับทุกคน แม้แต่กับเจ้านายของเขา ข้าก็ทำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้”
“นั่นไม่เป็นอะไร อาจารย์เซี่ยพูดถูกแล้ว ถ้าซานมู่คนนี้เอาชนะศัตรูระดับเทพเจ้าสามคนได้พร้อมๆกัน มันก็พอเข้าใจได้ที่เขาจะเป็นคนผลุนผลันเล็กน้อย” เดียร็อบเบอร์หัวเราะออกมา
“ถึงแม้เจ้าจะบอกว่าเขาเก่งเรื่องการต่อสู้ แต่ข้าคิดว่าเขาแค่เก่งเรื่องการทำตัวเป็นคนถ่อยมากกว่า” เสียงยั่วยุดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ทั้งสามคนมองไปทางที่เสียงดังขึ้นมา และพวกเขาก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากอีกโต๊ะหนึ่ง โต๊ะนั้นมีเอ็กซ์ตรีมคิงสองคนนั่งอยู่ หนึ่งในพวกเขาคือรัชทายาทไป๋ว่านเจี้ย
ส่วนอีกคนคือเด็กสาวคนหนึ่ง เธอมีออร่าที่ทรงพลังและน่าสนใจ แต่เมื่อดูจากอายุของเธอแล้ว เธอคงจะยังไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าด้วยซ้ำ ซึ่งเธอคือคนที่พูดขึ้นมา
หานเซิ่นและอีกสองคนมีประสบการณ์มากมายในชีวิต พวกเขาไม่ได้ถูกยั่วยุง่ายๆเหมือนกับคนหนุ่มสาวทั่วไป พวกเขาไม่คิดจะโต้เถียงกับเด็กสาวคนหนึ่ง พวกเขาจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและพูดคุยกันต่อ
เมื่อเด็กสาวเห็นว่าคำกล่าวของเธอไม่ได้รับการตอบสนอง เธอก็รู้สึกเบื่อที่จะยั่วยุพวกเขาและหยุดไปเอง
เนื่องจากว่าไวโอเล็ตให้ทุกคนเข้ามาอัดกันในยานรบลำเดียว มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่จะมีการโต้เถียงกันเกิดขึ้น โชคดีที่ทุกคนมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน มันจึงไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นมาจนกระทั่งพวกเขาไปถึงที่สเปชการ์เด้น
หานเซิ่นพยายามจดจำเส้นทางไปสู่สเปชการ์เด้นเอาไว้ แต่ยานรบนั้นเคลื่อนที่รวดเร็วเกินไป หลังจากการทำวาร์ปหลายครั้ง หานเซิ่นก็จดจำเส้นทางไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อพวกเขาเข้าไปในซีโน่เจเนอิคสเปชของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงถูกเรียกว่าสเปชการ์เด้น สิ่งที่หานเซิ่นเห็นคือทุ่งดอกไม้ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทุ่งดอกไม้นี้ดูเหมือนกับบันไดที่นำขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันมีดอกไม้ประหลาดมากมายกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกมันทั้งหมดเป็นพืชซีโน่เจเนอิค มันเป็นภาพที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
ยานรบลงจอดบนถนนถัดไปจากทุ่งดอกไม้ หลังจากนั้นไวโอเล็ตก็บอกให้พวกเขาลงจากยาน
หลังจากที่พวกเขาลงมาแล้ว สิ่งแรกที่หานเซิ่นสัมผัสได้คือกลิ่นของดอกไม้นาๆชนิด ขณะที่กลิ่นหอมของดอกไม้นั้นเป็นอะไรที่รุนแรง แต่มันก็ไม่ได้มากจนเกินไป
“นี่คือดอกพุทธรักษาอย่างนั้นหรอ?” จู่ๆเดียร็อบเบอร์ก็ถามขึ้นมาขณะที่มองไปที่ดอกไม้ดอกหนึ่ง
หานเซิ่นและเซี่ยชิงมองตามสายตาของเดียร็อบเบอร์และเห็นเถาวัลย์ดอกไม้ที่มีความยาวหนึ่งเมตร มันมีดอกไม้หลายดอกงอกออกมาจากเถาวัลย์นั้น ซึ่งแต่ละดอกที่บานออกมาดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงกำลังฝึกเต้นบัลเลต์ พวกมันดูงดงามมากๆ
“ใช่แล้ว นั่นคือดอกพุทธรักษา เจ้ามีสายตาที่ดี” ไวโอเล็ตยกนิ้วให้กับเดียร็อบเบอร์
แต่เดียร็อบเบอร์ดูเหมือนไม่ได้ดีใจเกี่ยวกับการค้นพบ ความจริงแล้วเขาดูค่อนข้างหม่นหมอง
หลังจากที่ทุกคนหันความสนใจไปจากเดียร็อบเบอร์ หานเซิ่นก็เดินเข้าไปด้านข้างเขาและถาม “มันมีอะไรอย่างนั้นหรอ?”
เดียร็อบเบอร์ขมวดคิ้วและพูด “จากที่ข้ารู้ ดอกพุทธรักษาควรจะเป็นพืชระดับเทพเจ้า พวกมันจะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่พิเศษมากๆ และพลังของพวกมันก็ไม่ควรด้อยไปกว่าซีโน่เจนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ แต่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตกลับปลูกพวกมันข้างถนน นั่นไม่แปลกเกินไปหน่อยหรอ?”
“มันน่าประหลาดใจที่ได้รู้ว่าเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตปลูกพืชระดับเทพเจ้าได้ง่ายๆแบบนี้” เซี่ยชิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
ไวโอเล็ตเริ่มเดินผ่านดอกไม้ไป มันมีดอกไม้และพืชอยู่หลากหลายชนิด และหานเซิ่นก็รู้จักพวกมันแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น แต่เมื่อดูจากพลังชีวิตของพืชทั้งหมดแล้ว เขาสัมผัสได้ว่าพวกมันไม่ใช่พืชปกติ พวกมันทั้งหมดเป็นพืชซีโน่เจเนอิค
“ไม่มีพืชชนิดไหนในที่นี้ที่เป็นพืชธรรมดา ไม่แปลกใจเลยที่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตสร้างจีโนฟลูอิดได้มากมายนัก”
หานเซิ่นมองไปรอบๆ เขาไม่รู้ว่าดอกไม้และพืชส่วนใหญ่นั้นมีชื่อว่าอะไร แต่เขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของพวกมันและบอกได้ว่าพวกมันเป็นของดี
“นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ ถ้าพวกเรายึดครองที่นี่ได้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรอีกต่อไป” เซี่ยชิงกระซิบกระซาบกับหานเซิ่น
แต่หานเซิ่นกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เซี่ยชิงพูด
“พืชซีโน่เจเนอิคจะออกผลเป็นครั้งคราว ตราบใดที่เมล็ดของพวกมันไม่เสียหาย ถ้าเรานำพวกมันไปปลูกในดินแดนของฟีนิกซ์ แต่เราไม่รู้ว่านั่นจะลดเวลาการเติบโตของพวกมันได้มากแค่ไหน”
หานเซิ่นไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเขาจะได้รับประโยชน์มากขนาดไหน ถ้าเขาเร่งความเร็วในการเจริญเติบโตของพืชพวกนี้ ถ้าเขานำเมล็ดติดตัวกลับไปเยอะๆ เขาก็จะได้รับผลไม้ซีโน่เจเนอิคจำนวนมากในเวลาอันสั้น หลังจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยอย่างแน่นอน
“พวกเราเข้าใกล้สถานที่เกิดเหตุแล้ว ทุกท่านโปรดระวังตัว” ไวโอเล็ตเริ่มก้าวขาช้าลง
“พวกเราไม่จำเป็นต้องไปพบกับผู้นำของเจ้าก่อนหรอ?” ดราก้อนวันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ท่านผู้นำและคนอื่นๆรออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว” ไวโอเล็ตพูด