“ถ้าใครช่วยเผ่าพันธุ์ของเรา พวกเราจะมอบกุญแจสำหรับครึ่งหนึ่งของสเปชการ์เด้นให้กับคนๆนั้น”
ไวโอเล็ตประกาศอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะชื่นชอบการให้สัญญา “ครึ่งหนึ่งของสเปชการ์เด้นจะถูกแบ่ง นั่นคือสัญญาของพวกเรา”
กลุ่มของยอดฝีมือมาที่สเปชการ์เด้นโดยยานรบของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต พวกเขาไม่ได้รู้ถึงเส้นทางมาที่นี่ เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้ว่าการจะเข้ามาในสเปชการ์เด้นนั้นจำเป็นต้องมีรหัสผ่านหรือเทคนิคพิเศษอะไรหรือเปล่า ดังนั้นถึงพวกเขาจะยืดครองสเปชการ์เด้นในตอนนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้ามาอีกครั้งได้
จากสิ่งที่ไวโอเล็ตพูด ดูเหมือนกับว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีของบางอย่างเพื่อเข้ามาในสเปชการ์เด้น นั่นทำให้ทุกคนสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและเปราะบางที่สุดของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต แต่ถ้าไวโอเล็ตกล้าพาพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่ นั่นก็หมายความว่าเขาต้องเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นเขาไม่มีทางพกของอะไรก็ตามที่จะทำให้คนอื่นเข้ามาในสเปชการ์เด้นได้ในภายหลัง
ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าทั้งหมดกำลังตรวจสอบเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกฝังอยู่ในพื้น และขณะที่พวกเขาทำแบบนั้น หานเซิ่นเองก็กำลังครุ่นคิดเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เขาอยากจะมองลงมาที่สเปชการ์เด้นจากด้านบน
แต่ขณะที่หานเซิ่นบินขึ้นไป เขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนๆหนึ่งบินขึ้นมาพร้อมกับเขา เห็นได้ชัดว่าคนๆนั้นก็มีความคิดแบบเดียวกัน
เงานั่นสังเกตเห็นหานเซิ่นเช่นกัน พวกเขาจ้องหน้ากัน และหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวที่ติดตามไป๋ว่านเจี้ย พวกเขาพบกันในโรงอาหารของยานรบ
เด็กสาวไม่ได้ดูแก่ไปกว่าไป๋ว่านเจี้ย แต่ดูเหมือนไป๋ว่านเจี้ยจะเคารพเธออย่างมาก เมื่อดูจากวิธีการที่เขาปฏิบัติกับเธอ หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่
ตระกูลไป๋มีองค์ชายและองค์หญิงอยู่มากมาย แถมมันยังมีสมาชิกของตระกูลอื่นในราชวงศ์อีกมากมายเช่นกัน ซึ่งหานเซิ่นเคยได้เห็นสมาชิกของเอ็กซ์ตรีมคิงเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น
“เจ้ามาทำอะไรข้างบนนี่?” เด็กสาวแบะปากถาม
“ข้ากำลังชื่นชมวิว” หานเซิ่นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“แปลกคน” เด็กสาวหันหน้าหนีและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าต่อไป
หานเซิ่นรู้วีธีการเทเลพอร์ต แต่ถ้าเขาใช้มันอย่างเปิดเผย ยอดฝีมือบางคนอาจจะจำได้ว่ามันคือก็อตส์วอนเดอร์ เขาไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นมัน ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะใช้มันที่นี่
สเปชการ์เด้นมีขนาดพอๆกับดาวดวงหนึ่ง แต่นั่นไม่ส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติที่หายากและเป็นเอกลักษณ์ของมัน ในตอนที่หานเซิ่นบินขึ้นสูงพอจะเห็นทั่วทั้งสเปชการ์เด้น เขาก็อึ้งที่ค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนกับเห็ดหลินจือขนาดยักษ์ ทุ่งดอกไม้หนึ่งทุ่งเป็นเหมือนกับชั้นหนึ่งของเห็ด
ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มเชื่อว่าสเปชการ์เด้นนั้นอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ บางทีมันอาจจะเป็นพืชซีโน่เจเนออิคขั้นสูง
การปลูกพืชบนพืชซีโน่เจเนอิคเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มจะคำนึงถึงเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ หานเซิ่นเคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในท้องของแมงมุมหลุมดำมาก่อน ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นไปได้
“เจ้าเห็นอะไร?” เด็กสาวจากเอ็กซ์ตรีมคิงถามขณะบินมาข้างๆหานเซิ่น
“ข้ามองเห็นเห็ดขนาดใหญ่” หานเซิ่นยิ้ม
“นี่เจ้าโอ้อวดความแข็งแกร่งในตอนที่อยู่บนยานรบ แต่แล้วเจ้ากลับไม่เห็นอะไร” เด็กสาวเบะปาก
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเห็นว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอน” เด็กสาวดูค่อนข้างอวดดี
“เจ้าเด็กเกินกว่าจะมองเห็นอะไร” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่เชื่อเธอ
เด็กสาวพูด “อายุมากกว่าไม่ได้หมายว่าคนๆนั้นจะดีกว่า เหมือนอย่างเจ้า เจ้ามีดวงตา แต่เจ้ายังตาบอด เจ้ามองไม่เห็นอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่าเจ้าเห็นอะไร” หานเซิ่นพูด
เด็กสาวพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “ได้เลย ถ้าข้ามองได้ถูกต้อง สเปชการ์เด้นนี้คือพืชขนาดยักษ์ มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับสูงมากๆ มันอาจจะเป็นขั้นทรูก็อตได้เลย แต่ตอนนี้พลังชีวิตของมันอ่อนแอ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะตายในเร็วๆนี้”
“ไวโอเล็ตบอกว่าในตอนที่ฟลาวเวอร์ก็อตทำจีโนฟลูอิด พวกเขาใช้วัตถุดิบพิเศษในดินแดนแห่งนี้ ในตอนแรกข้าไม่เชื่อในเรื่องนั้น แต่ตอนนี้ข้าเริ่มจะชื่อเขา ถ้านี่คือพีชซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตจริงๆ พืชซีโน่เจเนอิคที่ปลูกขึ้นที่นี่ก็จะได้รับธาตุของมัน แม้แต่พืชซีโน่เจเนอิคธรรมดาที่ปลูกที่นี่ก็จะแตกต่างไปจากพืชซีโน่เจเนอิคที่ปลูกภายนอก”
เด็กสาวดูเหมือนจะเป็นคนที่รอบรู้เช่นเดียวกับหานเซิ่น ดูเหมือนเธอจะคิดว่าสเปชการ์เด้นนั้นคือพืชซีโน่เจเนอิคขนาดยักษ์
หานเซิ่นมองเด็กสาวด้วยความแปลกใจและคิดกับตัวเอง
‘เอ็กซ์ตรีมคิงนี่แตกต่างออกไปจริงๆ ด้วยความรู้และพลัง พวกเขาเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆมาก’
“ถ้าเจ้าคิดว่าสเปชการ์เด้นคือพืชซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต แบบนั้นเจ้าจะอธิบายการที่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตฝังตัวเองลงในพื้นดินยังไง?” หานเซิ่นถาม
เด็กสาวนั้นดูเหมือนจะชอบที่หานเซิ่นประหลาดใจ
“นั่นเป็นเรื่องที่บอกได้ยาก พืชซีโน่เจเนอิครู้ว่ามันกำลังจะตาย ด้วยเหตุนั้นมันจึงพยายามจะเก็บพลังงานให้ได้มากที่สุดเพื่อมีชีวิตรอด หรือไม่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตก็อาจจะทำพันธสัญญาบางอย่างกับพืชซีโน่เจเนอิค ในตอนนี้เมื่อพืชซีโน่เจเนอิคกำลังจะตาย เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตก็จะต้องตายไปกับมันด้วย มันมีความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่จนกว่าพวกเราจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าคำอธิบายไหนถูกต้อง”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะหาความจริงได้ยังไง?”
ครั้งนี้หานเซิ่นตกตะลึงอย่างแท้จริง ถึงแม้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะมีทรัพยากรอยู่มากมาย แต่มันก็ต้องใช้เวลาในการดูดซับเข้าไป เด็กสาวคนนี้ยังอายุน้อย ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจที่เธอรู้มากขนาดนี้
เด็กสาวคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “หนทางเดียวที่จะได้รู้มากกว่านี้คือการขุดผู้คนของฟลาวเวอร์ก็อตขึ้นมา หลังจากนั้นถ้าพวกเราตรวจสอบร่างกายของพวกเขา พวกเราก็จะได้รู้อะไรอย่างสองอย่าง”
“นั่นเป็นเรื่องง่ายที่จะพูด นี่เจ้าไม่เห็นพลังที่เหล่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าใช้หรือยังไง? แม้แต่พวกเขาก็ขุดดินขึ้นมาไม่ได้”
หานเซิ่นแบะปาก ดูเหมือนเขาจะติดเชื้อมาจากกิริยาท่าทางของเด็กสาว เขาเริ่มจะทำท่าทางเหมือนกับเธอ
เด็กสาวมองที่ทุ่งหญ้าด้วยความดูถูก “เจ้าประเมินยอดฝีมือระดับเทพเจ้าต่ำเกินไป ข้าไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่น แต่ข้ารู้ว่าไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้ไร้ประโยชน์แบบนั้น ถ้าเขาคิดอย่างหนัก เขาก็จะหาหนทางขุดเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตขึ้นมาได้ แต่อย่างหนึ่งที่จะตามมาคือความจริงที่ว่าใครก็ตามที่ถูกขุดขึ้นมาคงจะต้องตาย ด้วยความรู้เกี่ยวกับเขา ข้าเชื่อว่าเขาจะเริ่มลงมือในเร็วๆนี้”
“ไป๋ว่านเจี้ยมีฐานะสูงกว่าเจ้าไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นถาม เขาสังเกตเห็นว่าเด็กสาวไม่ได้ใช้คำให้เกียรติเมื่อพูดถึงไป๋ว่านเจี้ย นั่นทำให้เขาแปลกใจ
“ใครบอกเจ้าว่าไป๋ว่านเจี้ยฐานะสูงกว่าข้า? มันกลับกัน ข้ามีฐานะสูงกว่าเขา” เด็กสาวพูดขณะที่มองหานเซิ่นด้วยความโกรธ
หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเห็นว่าไป๋ว่านกำลังทำบางสิ่งเหมือนที่เด็กสาวคาดการณ์เอาไว้จริงๆ
ไป๋ว่านเจี้ยเลือกสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต หลังจากนั้นเขาก็นำถ้วยไวน์ออกมาและราดใส่สมาชิกของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต และเขาก็เริ่มดึงฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นขึ้นมา
สมาชิกของฟลาวเวอร์ก็อตที่ก่อนหน้าไม่สามารถดึงขึ้นมาได้ ตอนนี้ไป๋ว่านเจี้ยเริ่มดึงฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นขึ้นมาทีละนิดๆ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขาดูไม่เป็นอะไร
ไป๋ว่านเจี้ยดึงขึ้นมาเรื่อยๆ และหลังจากนั้นไม่นานเท้าของฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นก็ขึ้นมาจากดิน ผู้คนต่างพากันมองไปที่เขา
ขณะที่ทุกคนหันไปมองฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกขุดขึ้นมา ฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมา ดอกไม้บนหัวของเขาเปิดออกและระเบิดด้วยโซ่สสารที่ทรงพลัง หลังจากนั้นเขาก็กระโดดเข้าหาไป๋ว่านเจี้ยด้วยความบ้าคลั่ง
“แปลกจริงๆ… คิดว่าฟลาวเวอร์ก็อตไม่มีระดับเทพเจ้าอยู่ซะอีก”
หานเซิ่นตกใจ ฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นมีพลังโซ่สสารที่เป็นของระดับเทพเจ้า