ดวงตาของไวโอเล็ตเบิกกว้างจนดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะหลุดออกมาจากเบ้า แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้พลังสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ เขาได้แต่มองหานเซิ่นเดินเข้ามาหาเขา
ไวโอเล็ตพยายามจะหลีกหนีจากหานเซิ่น แต่เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเองทั้งหมด หานเซิ่นยังคงเดินเข้ามาหาเขาด้วยความสงบนิ่ง
ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะไปถึงตัวไวโอเล็ต จู่ๆดอกไม้บนหัวของไวโอเล็ตก็ส่องสว่างและแตกหน่อสีเขียวออกมาเป็นจำนวนมาก พวกมันพันรอบร่างกายของเขาราวกับเถาวัลย์หยก เถาวัลย์นั่นก่อตัวเป็นชุดเกราะสีเขียว
ในที่สุดร่างกายของไวโอเล็ตก็เคลื่อนไหว ลมปราณสีเขียวรอบๆร่างกายของเขากำลังลุกโชน ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยพลังออกมาได้ ดวงตาสีมรกตของเขามองผ่านช่องว่างของหมวกเถาวัลย์ออกมา พวกมันมองตรงมาที่หานเซิ่น
“ในตอนนี้ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าไวโอเล็ตหรือพระเจ้าดีล่ะ?”
หานเซิ่นถามขณะที่ตรวจดูไวโอเล็ตในชุดเกราะเถาวัลย์อย่างระมัดระวัง
“ชื่อของข้าคือสกายไวน์แรดิช” ไวโอเล็ตพูดจากภายในชุดเกราะของเขา
ถึงแม้เสียงของเขาจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่โทนเสียงของเขาฟังดูต่างไปจากเดิม มันเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่มันเพียงพอที่จะทำให้เขาดูต่างออกเป็นคนละคน
“เจ้าคือพระเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่สกายไวน์แรดิช
“คงงั้น” สกายไวน์แรดิชพูด
“พระเจ้าที่จะทำให้คำอธิฐานของคนหนึ่งเป็นจริงได้?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง
“ไม่ใช่” คำตอบของสกายไวน์แรดิชทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ
สกายไวน์แรดิชพูดต่อ “ร่างกายพระเจ้าของข้าเกือบจะถูกทำลายในการต่อสู้ของพระเจ้า ข้าไม่มีพลังที่จะทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริง แต่แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าช่วยข้าด้วยการทำการอธิษฐานที่ไม่ยากจนเกินไป แบบนั้นข้าก็จะลองดู ยกตัวอย่างเช่นข้าจะเพิ่มระดับของเจ้าหนึ่งระดับเพื่อที่เจ้าจะได้กลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น”
“เจ้าจำเป็นต้องใช้พลังเพื่อทำให้คำอธิษฐานเป็นจริง?” หานเซิ่นเย้นหยันสกายไวน์แรดิช
ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าสกายไวน์แรดิชนั้นเหมือนกับราชาจุน แต่เขาดูจะได้รับบาดเจ็บ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มีวันพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ดวงตาสกายไวน์แรดิชส่องสว่างด้วยแสงสีเขียว “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าคือคนที่จะฆ่าเจ้า” ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ระเบิดพลังของตัวเองออกมา เขาใช้พลังของศาสตร์ตงเสวียนอย่างเต็มกำลังและชกหมัดออกไปใส่สกายไวน์แรดิช เพลิงฟินิกซ์สีขาวห่อหุ้มรอบๆมือของหานเซิ่น
สกายไวน์แรดิชไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะถอย เขายื่นมือออกมาอย่างรวดเร็วและจับกำปั้นของหานเซิ่นเอาไว้ เขาป้องกันการโจมตีของหานเซิ่นได้อย่างง่ายดาย
“ถึงแม้ข้าจะได้รับบาดเจ็บและจำเป็นต้องยืมร่างของสิ่งมีชีวิตระดับต่ำ แต่สิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพชอย่างเจ้าก็ต่อกรกับข้าไม่ได้อยู่ดี” สกายไวน์แรดิชพูดอย่างเย้ยหยัน
แต่วินาทีต่อมา สกายไวน์แรดิชก็ปล่อยมือจากกำปั้นของหานเซิ่นราวกับว่าเขาถูกไฟฟ้าช็อต เขาโซเซไปด้านหลังและยกมือข้างที่รับหมัดของหานเซิ่นขึ้นมาดู มือของเขากำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีขาว
“เพลิงฟีนิกซ์! เจ้าคือฟีนิกซ์อย่างนั้นหรอ? ไม่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่…”
สกายไวน์แรดิชมองหานเซิ่นด้วยความแปลกใจ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความสับสน
เปลวเพลิงของฟีนิกซ์ยังคงไม่ดับ และมันก็เผาผลาญร่างกายของสกายไวน์แรดิชมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่วินาทีต่อมาทั้งแขนของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าเพลิงฟีนิกซ์จะทรงพลังถึงขนาดนี้ การโจมตีเต็มกำลังของเขาถูกป้องกันโดยสกายไวน์แรดิชอย่างง่ายดาย แต่ศัตรูของเขาไม่สามารถทำอะไรกับเปลวเพลิงสีขาวของฟีนิกซ์ได้ ชายคนนั้นได้แต่มองดูร่างกายของตัวเองถูกเผาไหม้
“เป็นอะไรที่น่าเสียดายสำหรับเจ้า เจ้าไม่ใช่ฟีนิกซ์ที่แท้จริง ถ้าเจ้าเป็นฟีนิกซ์ การต่อสู้นี้ก็คงจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญสำหรับข้า”
สกายไวน์แรดิชพูดกับตัวเองขณะที่เขามองดูแขนที่ลุกไหม้ เปลวเพลิงของฟีนิกซ์แพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา และทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นสีขาวอยู่ชั่วครู่
แต่หลังจากที่มันเผาผลาญสกายไวน์แรดิชจนเสร็จสิ้นแล้ว มีเพียงแค่ชุดเกราะเถาวัลย์สีเขียวเท่านั้นที่ถูกเผาหายไป ขณะที่ร่างกายของสกายไวน์แรดิชนั้นไม่ได้รับความเสียหายอะไร
สิ่งเดียวที่ขาดหายไปจากร่างกายของไวโอเล็ตคือดอกไม้ที่เคยอยู่บนหัวของเขา ภายใต้เปลวไฟของฟีนิกซ์ แม้แต่ดอกไม้นั่นก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าออร่าจากร่างกายของไวโอเล็ตนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่หานเซิ่นสัมผัสได้ในตอนนี้นั้นแตกต่างไปจากไวโอเล็ตที่เขาพบในตอนแรก แต่มันก็ไม่ใช่ออร่าของสกายไวน์แรดิชเช่นกัน
แต่ยังไงก็ตามไวโอเล็ตไม่ได้มีพลังระดับเทพเจ้าอีกต่อไป หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าพลังของศัตรูจางหายไปและกลายเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก พลังของไวโอเล็ตในตอนนี้ไม่ถึงระดับราชันด้วยซ้ำ
‘ทำไมพลังของฟีนิกซ์ถึงเป็นอะไรที่แปลกประหลาด? มันไม่ได้ทำร้ายไวโอเล็ต นี่มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือว่ามันเป็นวิธีการทำงานของมันกัน?’ หานเซิ่นครุ่นคิด
แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างละเอียด เขาเลิกสนใจไวโอเล็ตที่หมดสติและหันไปมองยักษ์หยกที่อยู่ระหว่างเถาวัลย์
เห็นได้ชัดว่านั่นคือร่างกายที่แท้จริงของสกายไวน์แรดิชที่ได้รับความเสียหายเมื่อนานมาแล้ว
จากที่หานเซิ่นรู้ พระเจ้าไม่สามารถทำร้ายสิ่งมีชีวิตของจักรวาลโดยตรงได้ แต่ร่างกายของพระเจ้าคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นข้อยกเว้นของกฎนั่น
“พวกเรามาทำการแลกเปลี่ยนกันเป็นยังไง?” ดวงตาของยักษ์หยกยังคงปิดสนิทและปากของมันก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของมันก็เข้ามาในหูของหานเซิ่น
“ข้าไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับพระเจ้า” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ชกใส่ยักษ์หยก
ปัง!
หมัดของหานเซิ่นถูกเข้าที่ตาของยักษ์หยก แต่ร่างกายของยักษ์หยกนั้นไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เปลวเพลิงของฟีนิกซ์ลุกไหม้ผิวหนังของยักษ์หยก แต่มันก็ทำได้แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้นก่อนที่ไฟจะดับไป ดูเหมือนว่ามันไม่สามารถเผาร่างของยักษ์หยกได้
“ถ้าเจ้าเป็นฟีนิกซ์จริงๆ เจ้าก็อาจจะทำร้ายร่างกายพระเจ้าของข้าได้ แต่เจ้าแค่มีเปลวเพลิงของฟีนิกซ์ ซึ่งมันใช้ไม่ได้ผลกับข้า แบบนั้นทำไมพวกเราไม่ทำใจให้เย็นลงและมาพูดคุยกัน?” เสียงของสกายไวน์แรดิชดังขึ้นอีกครั้ง
แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาที่จะได้เอาชนะพระเจ้า ใครจะรู้ว่าเขาจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม
ในตอนนี้สกายไวน์แรดิชสามารถพูดคุยได้ แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ร่างกายของเขายังคงได้รับความเสียหายอย่างหนัก และตลอดหลายปีที่ผ่าน มันก็ยังคงไม่ฟื้นตัว
หานเซิ่นชกใส่ร่างของสกายไวน์แรดิชซ้ำๆโดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ แต่ทว่าสิ่งเดียวที่เพลิงฟีนิกซ์ของหานเซิ่นทำได้ก็คือเผาไหม้ส่วนเล็กๆบนผิวของสกายไวน์แรดิช
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไง เจ้าทำร้ายร่างกายของข้าไม่ได้” สกายไวน์แรดิชพูดอย่างหยิ่งยโส
“นั่นอาจจะไม่เป็นความจริง” หานเซิ่นนำเอาขนนกฟีนิกซ์ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา เขาจับมันในมือเหมือนกับดาบ หลังจากนั้นเขาก็ฟันใส่ร่างของสกายไวน์แรดิช
เปลวเพลิงสีขาวห่อหุ้มขนนกฟีนิกซ์เอาไว้ ขณะที่หานเซิ่นใช้มันฟันใส่ร่างของสกายไวน์แรดิช ผลลัพธ์ที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเนื้อของสกายไวน์แรดิชมีสีเขียวเหมือนกับหยกและเลือดสีเขียวของมันก็เริ่มจะไหลออกมาจากเนื้อหนังที่ถูกเปิดออก