“โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง? หมายความว่าอะไร?”
ไป๋ว่านเจี้ยขมวดคิ้วและมองไปที่มิสเตอร์ไวท์ โอเวอร์แบริ่งอายเป็นสถานที่ต้องห้ามของเอ็กซ์ตรีมคิง แม้แต่ในหมู่ราชวงศ์ของเอ็กซ์ตรีมคิงก็มีผู้คนไม่มากนักที่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น
ไป๋ว่านเจี้ยเป็นองค์รัชทายาทของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นเมื่อไม่นานมานี้ แน่นอนเขารู้ว่าโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงคืออะไร แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมิสเตอร์ไวท์ถึงได้พูดถึงโอเวอร์แบริ่งอายขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกับการจะควบคุมซีโน่เจเนอิคตัวนี้ยังไง?
มิสเตอร์ไวท์ไม่ได้เร่งรีบที่จะตอบ “ซีโน่เจเนอิคนี่เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่เกิดขึ้นมาจากพืชที่มีร่างกายเป็นของตัวเอง ร่างกายของมันเกิดมาจากซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต โครงสร้างร่างกายและความคิดของมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นั่นเป็นเหตุผลที่วิชาโกสต์เฮดฟอลของมิสเตอร์หยินไม่ได้ผล”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ มิสเตอร์ไวท์ก็พูดต่อ “จากที่ข้ารู้ มันมีเพียงแค่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงที่เป็นดวงตาขั้นทรูก็อตถึงจะได้ผล มันมีพลังที่เด็ดขาด ด้วยการใช้พลังที่เด็ดขาดควบคุมร่างกายขั้นทรูก็อตของซีโน่เจเนอิค หลังจากนั้นทั้งหมดที่องค์ชายจำเป็นต้องทำก็คือใช้วิชาควบคุมจิตใจธรรมดาเพื่อควบคุมหัวใจของมัน องค์ชายไม่จำเป็นต้องใช้อะไรอย่างโกสต์เฮดฟอล”
ไป๋ว่านเจี้ยมองมิสเตอร์ไวท์และถาม “นั่นจะได้ผลจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าแค่คาดเดาเท่านั้น แต่ข้าไม่คิดว่าความจริงจะแตกต่างไปจากที่ข้าคาดเดามากนัก”
มิสเตอร์ไวท์พูด “แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่องค์ชายต้องจำเอาไว้”
“บอกข้ามา” ไป๋ว่านเจี้ยมองมิสเตอร์ไวท์ด้วยดวงตาที่คมราวกับดาบ มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะมองทะลุเข้าในในหัวใจของอีกฝ่าย
มันเป็นอย่างที่มิสเตอร์ไวท์พูด โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงถูกทิ้งเอาไว้โดยกษัตริย์องค์ที่สองที่เป็นถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต มันเป็นยีนที่ดีที่สุดของกษัตริย์องค์ที่สองของเอ็กซ์ตรีมคิง มันมีพลังมหาศาล
กษัตริย์องค์ที่สองตัดสินใจจะไม่เข้าไปในจีโนฮอลล์ เขานั้นเลือกจะทิ้งโอเวอร์แบริ่งอายเอาไว้ก็เพื่อความรุ่งเรืองของอาณาจักรกษัตริย์
มันคือกุญแจสำคัญของระบบป้องกันของอาณาจักรกษัตริย์ มันเหมือนกับสกายอายของปราสาทนภา มันเป็นสิ่งที่ควบคุมและตัดสินชะตากรรมของทั้งเผ่าพันธุ์ มันสำคัญมากกว่าสมบัติขั้นทรูก็อตชิ้นไหนๆของเอ็กซ์ตรีมคิง มันเป็นบางสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะสูญเสียไปได้
“ขณะที่องค์ชายใช้โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง องค์ชายอย่าได้เร่งกระบวนการ”
มิสเตอร์ไวท์พูดอย่างจริงจัง “องค์ชายจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่อย่างนั้นมันอาจจะส่งผลตรงกันข้ามได้ ได้โปรดจำเอาไว้ให้ดีว่าถ้าองค์ชายตัดสินใจจะใช้วิธีนี้ องค์ชายอย่าได้เร่งมัน ไม่อย่างนั้นมันอาจจะมีหายนะเกิดขึ้น”
“โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงคือหัวใจของอารยธรรมของเอ็กซ์ตรีมคิง” ไป๋ว่านเจี้ยพูด
“ข้าคงจะพาสิ่งมีชีวิตอื่นไปที่นั่นไม่ได้ มันยังมีหนทางอื่นอีกไหม?”
มิสเตอร์ไวท์คิดอีกสักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีอื่นอยู่เลย ข้าเคยได้ยินว่ากษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นมีหนังสือของกษัตริย์ที่จะแบ่งร่างกายและจิตใจของสิ่งมีชีวิตในจักรวาล ถ้าองค์ชายใช้หนังสือนั่น องค์ชายก็จะควบคุมจิตใจของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นได้”
“หนังสือของกษัตริย์ไม่ได้ถูกใช้โดยท่านพ่อมาเป็นเวลานานแล้ว”
ไป๋ว่านเจี้ยพูด “และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำยกเว้นเพื่อใช้กับเรื่องแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ข้าจะทำได้” มิสเตอร์ไวท์โค้งคำนับและพูด
“ในอาณาจักรของกษัตริย์มียอดฝีมืออยู่มากมาย บางทีองค์ชายควรจะลองไปขอคำแนะนำจากคนอื่นถึงสิ่งที่องค์ชายจะทำได้”
“ขอบคุณมิสเตอร์ไวท์มาก” ไป๋ว่านเจี้ยส่งมิสเตอร์ไวท์กลับ
โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ดังนั้นไป๋ว่านเจี้ยไม่คิดจะใช้มันตามคำแนะนำของมิสเตอร์ไวท์ เขาไปถามยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่นเพื่อขอความเห็น แต่มันเป็นอย่างที่มิสเตอร์ไวท์พูด พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับหานเซิ่นได้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายที่ถนัดในวิชาควบคุมจิตใจก็ไม่สามารถควบคุมจิตใจของหานเซิ่นได้
ไป๋ว่านเจี้ยขอให้ลุงของเขามาช่วยดู แต่เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมหานเซิ่นได้ ดังนั้นเขาจึงบอกลุงของเขาเกี่ยวกับวิธีการของมิสเตอร์ไวท์
“ท่านลุงคิดว่าวิธีการของมิสเตอร์ไวท์จะได้ผลจริงไหม?”
“มันก็ฟังดูเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล แต่ก่อนที่พวกเราจะลองมันดู ข้าบอกไม่ได้ว่ามันจะได้ผลจริงๆ” หนานฮวายคังพูด
“ท่านลุงคิดว่าข้าควรลองมันดูไหม?” ไป๋ว่านเจี้ยถาม
ยิ่งหานเซิ่นทรงพลังมากเท่าไหร่ ไป๋ว่านเจี้ยก็ยิ่งปรารถนาจะควบคุมเขามากเท่านั้น ในตอนที่อยู่ในสเปชการ์เด้น ไป๋ว่านเจี้ยได้เห็นแสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เขาคิดว่าคนที่ฆ่าพระเจ้านั้นอยู่ภายในสเปชการ์เด้น บางทีสิ่งประจำตัวของพระเจ้าอาจจะยังอยู่ในสเปชการ์เด้น ซึ่งมันทำให้ไป๋ว่านเจี้ยต้องการจะได้สเปชการ์เด้นมากยิ่งกว่าเดิม
“มันเป็นอะไรที่มีประโยชน์ แต่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงมันสำคัญเกินไป”
หนานฮวายคังพูด “องค์ชายไม่ควรจะใช้มันกับเรื่องเล็กๆแค่นี้ ในกรณีที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น องค์ชายอาจจะระงับความโกรธของราชาไป๋ไม่ได้”
หนานฮวายคังไม่ได้รู้ว่าไป๋ว่านเจี้ยต้องการสเปชการ์เด้น และนอกจากทรัพยากรในสเปชการ์เด้นแล้ว เขายังต้องการสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่คนอื่นทุกคนก็ต้องการ
การได้สิ่งประจำตัวของพระเจ้ามานั่นหมายความว่าเขาจะได้กลายเป็นเทพสปิริต นั่นเป็นบางสิ่งที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็ต้องการ ไป๋ว่านเจี้ยไม่คิดจะปล่อยโอกาสแบบนี้ไป
หลังจากที่ส่งหนานฮวายคังกลับไป ไป๋ว่านเจี้ยก็ใช้เครื่องมือในการทรมานหลายอย่างกับหานเซิ่น แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไง เขาก็ไม่สามารถทำให้หานเซิ่นเชื่อฟังได้
สถานการณ์ของหานเซิ่นเป็นอะไรที่เลวร้าย ครั้งนี้เขาถูกทรมานจนได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ หานเซิ่นรู้ดีว่าไป๋ว่านเจี้ยต้องการสเปชการ์เด้น และไป๋ว่านเจี้ยจะไม่ฆ่าเขาจนกว่าที่จะได้มันมา
ไป๋ว่านเจี้ยมองไปที่หานเซิ่นด้วยความดูถูก แต่หลังจากที่เงียบไปเป็นเวลานาน จู่ๆเขาก็ปิดแรงโน้มถ่วงที่กดร่างของหานเซิ่นเอาไว้ เขายกหานเซิ่นขึ้นมาและออกไปจากห้องแรงโน้มถ่วงสูง
ไป๋ว่านเจี้ยคิดเกี่ยวกับมันทุกเช้าค่ำ เขาไม่สามารถอดทนต่อแรงดึงดูดของสเปชการ์เด้นและสิ่งประจำตัวของพระเจ้าได้พบอีกต่อไป เขาต้องการจะพาหานเซิ่นไปที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง และทำตามที่มิสเตอร์ไวท์บอกกับเขา
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘นี่ไป๋ว่านเจี้ยกำลังจะพาเราไปไหน? ดูเหมือนกับมิสเตอร์ไวท์จะจำเราไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะแสดงปฏิกิริยาออกมาบ้าง หรืออย่างน้อยๆเขาก็ควรบอกใบ้ให้เรารู้’
ไป๋ว่านเจี้ยแบกหานเซิ่นผ่านระบบป้องกันมากมาย หานเซิ่นรู้สึกตกใจกับเรื่องนั้น เขาคิดกับตัวเอง
‘แม้แต่ห้องนอนของราชาไป๋ก็ไม่ควรจะมีระบบป้องกันมากถึงขนาดนี้ นี่เขากำลังพาเราไปที่ไหนกัน?’
หานเซิ่นเริ่มจะรู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะยังไงซะร่างกายของเขาก็ยังคงไม่ฟื้นตัว เขาค่อนข้างหวาดกลัว
ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยไปหยุดอยู่หน้าปราสาทหลังหนึ่ง หานเซิ่นก็ได้เห็นรูปปั้นที่ดูคุ้นเคย รูปปั้นนั้นเหมือนกับที่เขาเห็นในพาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิง มันเป็นรูปปั้นกษัตริย์องค์ที่สองของเอ็กซ์ตรีมคิง
แต่รูปปั้นนี้ดูแตกต่างไปจากรูปปั้นที่เขาเคยเห็นในพาวิลเลี่ยนเล็กน้อย รูปปั้นกษัตริย์องค์ที่สองที่อยู่ตรงหน้าปราสาทหลังนี้ถือตาชั่งอยู่ในมือ มันทำให้ทั้งรูปปั้นดูจริงจัง มันดูเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นอะไรที่เท่าเทียม มันเหมือนกับเทพแห่งความยุติธรรมที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกขณะที่มองไปที่ทุกๆคน