Super God Gene – ตอนที่ 2803

ในอดีตตอนที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงตัดสินคนๆหนึ่งและตัวเลขห้าสิบถูกแสดงบนตุ่มถ่วงน้ำหนัก บุคคลนั้นก็ถือว่าเป็นคนที่บาปหนา บุคคลที่ตัวเลขอยู่ราวๆแปดสิบจะเป็นคนที่ก่อคดีที่ร้ายแรงมากๆเอาไว้ ส่วนตัวเลขมากกว่าหนึ่งร้อยจะถูกคำนึงว่าเป็นบุคคลที่บาปหนาอย่างที่สุด

 

ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักของหานเซิ่นนั้นเกินหนึ่งร้อยเรียบร้อยแล้วและมันยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตาชั่งด้านซ้ายที่มีหานเซิ่นอยู่ยังคงไม่กลับขึ้นมา ดูเหมือนว่าตุ้มถ่วงน้ำหนักจะไม่สามารถสมดุลบาปที่เขาก่อเอาไว้ได้

 

“การทำลายล้างเผ่าพันธุ์จะนำไปสู่ตุ้มถ่วงน้ำหนักแค่หนึ่งร้อย แบบนั้นซีโน่เจเนอิคตัวนี้ไปทำอะไรเอาไว้กัน?” ไป๋ว่านเจี้ยขมวดคิ้ว ขณะที่เขาจ้องไปที่ตุ้มถ่วงน้ำหนักบนจานด้านขวาของตาชั่ง

 

ตอนนี้ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเกินสองร้อยแล้ว นี่เป็นบาปที่ควรจะเก็บเอาไว้สำหรับศัตรูตัวร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวาล

 

ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเริ่มจะสั่นคลอน ไม่นานหลังจากนั้นมันก็เพิ่มขึ้นจนเกินห้าร้อย ตัวเลขขนาดนั้นจะต้องทำให้เขาเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดในจักรวาล มันไม่มีใครที่จะมีบาปมากขนาดนั้น

 

นอกจากนั้นจานด้านซ้ายของตาชั่งที่มีหานเซิ่นอยู่ยังคงถูกกดลง และตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักก็ยังเพิ่มขึ้นอีก มันเป็นอะไรที่น่ากลัว

 

“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?” ไป๋ว่านเจี้ยตกตะลึง ภายใต้น้ำหนักของบาปที่มากขนาดนี้ ร่างกายของคนๆนั้นควรจะถูกบดขยี้และถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว

 

ทันใดนั้นชายแก่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นก็เงยหน้าขึ้นมา เขามองไปที่หานเซิ่นบนตาชั่ง สีหน้าของเขาก็เริ่มจะดูแปลกๆ

 

“ผู้อาวุโสเถี่ย ท่านหยุดการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายได้ไหม?”

ไป๋ว่านเจี้ยถาม “ข้ากลัวว่าถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป ถึงแม้โอเวอร์แบริ่งอายจะไม่ฆ่าเขาโดยตรง แต่เขาก็คงจะทนต่อน้ำหนักของบาปไม่ได้ มันจะบดขยี้ร่างกายของเขา”

 

“ไม่เป็นอะไร ในตอนที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ถูกควบคุมโดยใครคนไหน มันก็จะไม่ฆ่าใคร” ชายแก่พูด

“มันไม่สำคัญว่าเขาจะบาปหนาสักแค่ไหน เขาจะไม่ถูกฆ่าตาย”

 

เมื่อชายแก่พูดแบบนั้น ไป๋ว่านเจี้ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่มองดูตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ตัวเลขเพิ่มขึ้น มันก็ทำให้หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเต้นตึกตัก

 

ตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปจนถึงหนึ่งพัน ใบหน้าของชายแก่ก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นแบบนั้น ในตอนที่กษัตริย์องค์ที่สองสังหารยอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลาย บาปของยอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลายคนนั้นอยู่ที่หนึ่งพันถึงสองพัน ระดับบัตเตอร์ฟลายคนนั้นคือตัวร้ายของยุคสมัยนั้น มันยากที่จะหาคนที่เหมือนกับคนๆนั้นในยุคสมัยนี้

 

“มันเป็นอย่างที่องค์ชายบอกจริงๆอย่างนั้นหรอ? นี่เป็นซีโน่เจเนอิคที่มาจากสเปชการ์เด้น?” ชายแก่ตกใจกับระดับบาปของหานเซิ่น

 

“ข้าขอให้โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จับตัวเขาออกมาจากสเปชการ์เด้น” ไป๋ว่านเจี้ยตอบ

 

“โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนที่จะผิดคำพูด ถ้าเขาตกลงที่จะทำงาน นี่ก็ควรจะเป็นเป้าหมายที่ถูกต้อง แต่ถ้านี่คือลูกของสเปชการ์เด้นจริงๆ ทำไมเขาถึงได้ถูกตัดสินว่าชั่วร้ายแบบนี้?” ชายแก่พูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

 

ดวงตาของชายแก่มีแสงสีม่วงเรืองขึ้นมา เขามองไปยังหานเซิ่นที่อยู่บนตาชั่งอยู่สักพัก ก่อนที่จะส่ายหัวและพูด

“แปลกจริงๆ นี่มันแปลกจริงๆ… ข้าไม่อาจมองทะลุผ่านร่างกายของเขาได้ นี่ร่างกายของเขาทรงพลังขนาดนั้นเลยหรอ?”

 

หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเต้นตึกตัก จู่ๆเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

‘มิสเตอร์ไวท์บอกว่าซีโน่เจเนอิคนี้ไม่ใช่แค่ลูกของสเปชการ์เด้น เขาบอกว่าซีโน่เจเนอิคนี่มีพรสวรรค์ที่สูงมากๆ มันมีบางสิ่งที่พิเศษเกิดขึ้นทำให้เขาได้รับร่างกายนี้มา ก่อนหน้านี้จู่ๆมันมีแสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมาทั่วสเปชการ์เด้น ในเวลาเดียวกันมันมีเทพสปิริตถูกฆ่าตายและจีโนฮอลล์ก็ปรากฏออกมา นี่การกำเนิดของซีโน่เจเนอิคนี้เกี่ยวข้องกับการตายของเทพสปิริตอย่างนั้นหรอ? หรือว่าบางทีเทพสปิริตนั่นจะถูกฆ่าตายโดยสเปชการ์เด้น หลังจากนั้นสเปชการ์เด้นก็ดูดซับสิ่งประจำตัวของพระเจ้าเข้าไปและให้กำเนิดซีโน่เจเนอิคพิเศษนี้ขึ้นมา?’

ขณะที่ไป๋ว่านเจี้ยคิดแบบนั้น ความเชื่อของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น หัวใจของเขาเริ่มเต้นรัว

 

‘ถ้าเกิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เราก็จำเป็นต้องควบคุมเด็กคนนี้ให้ได้ เราจะใช้พลังของเขาเพื่อยึดครองสเปชการ์เด้นและได้สิ่งประจำตัวของพระเจ้ามา หลังจากนั้นเราก็จะได้เป็นเทพสปิริต…’ ไป๋ว่านเจี้ยคิด เขาเริ่มจะเชื่อจริงๆว่านี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ของเขา

 

‘ด้วยบาปมากขนาดนี้ ข้าเดิมพันว่าเขาคงจะสังหารพระเจ้า’

ไป๋ว่านเจี้ยเห็นตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ มันทำให้เขาเชื่อในการคาดเดาของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม

 

“สองพัน…สามพัน…” ตัวเลขบนตุ้มถ่วงหนักทะลุขีดจำกัดของมัน แม้แต่ชายแก่ก็ยังดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเห็นบาปของสิ่งมีชีวิตตนไหนสูงขนาดนี้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

“ซีโน่เจเนอิคนี่… ดูแปลกๆ… หรือว่าบางทีพวกเราควรจะหยุดการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายจริงๆ?”

ชายแก่มองที่ไป๋ว่านเจี้ย ด้วยบาปมากขนาดนั้น แม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

 

โดยปกติแล้วไม่มีใครสามารถควบคุมโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงได้ และมันจะไม่ฆ่าใครเช่นกัน แต่บาปมากขนาดนี้เป็นบางสิ่งที่น่ากลัวเกินไป มันมีความเป็นไปได้ที่หานเซิ่นจะถูกบดขยี้

 

แต่ไป๋ว่านเจี้ยลังเลที่จะหยุดมันในตอนนี้ ถ้าการคาดเดาของเขาถูกต้อง ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ก็ควรจะเป็นลูกของขั้นทรูก็อตและเทพสปิริต ร่างกายของมันทรงพลังเหนือจินตนาการ ถ้าการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายถูกหยุดลงในตอนนี้ เขาก็ต้องรอไปอีกเป็นเดือนกว่าที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงจะใช้งานได้อีกครั้ง

 

เมื่อคิดเกี่ยวกับสเปชการ์เด้นและสิ่งประจำตัวของพระเจ้า ไป๋ว่านเจี้ยก็ไม่สามารถทนรอได้

 

“ผู้อาวุโสเถี่ย ไหนบอกว่าถ้าไม่มีใครควบคุมโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง มันจะไม่ฆ่าใครไง” ไป๋ว่านเจี้ยพูด

 

“ตามทฤษฎีแล้วมันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ในอดีตไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตไหนที่มีบาปมากขนาดนี้มาก่อน” ผู้อาวุโสเถี่ยพูด

 

“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็ควรจะรออีกหน่อย” ไป๋ว่านเจี้ยพูด

 

“สี่พัน… ห้าพัน… หกพัน…” ตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้หน้าของชายแก่เปลี่ยนสี เขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตไหนที่บาปหนาขนาดนี้มาก่อน

 

หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเริ่มจะสั่นไหว เขาพูดกับชายแก่

“ผู้อาวุโสเถี่ย พวกเราจบมันเพียงเท่านี้เถอะ ข้ากลัวว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายของเขาจะทนต่อน้ำหนักของบาปที่เขาก่อไม่ได้”

 

ปัง!

ชายแก่พยักหน้า เขาลุกขึ้นและคิดจะเดินเข้าไปหาตาชั่ง แต่ทันใดนั้นจู่ๆโซ่ที่เชื่อมต่อกับจานของตาชั่งก็ขาด

 

แสงสีดำและขาวยังคงส่องออกมาจากดวงตาของรูปปั้นต่อไป และจานด้านซ้ายของตาชั่งที่รองรับหานเซิ่นอยู่ก็ยังคงลอยตัวอยู่ในอากาศ จานอีกด้านหนึ่งที่รับแสงสีดำก็ลอยตัวอยู่ในอากาศเช่นกัน ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

 

ท่ามกลางความตกใจของพวกเขา ชายแก่และไป๋ว่านเจี้ยเห็นหมายเลขที่แสดงบาปของหานเซิ่นเพิ่มขึ้นจนถึงหนึ่งหมื่น

 

ในตอนที่ตัวเลขของตัวถ่วงน้ำหนักถึงหนึ่งหมื่น ตัวเลขก็หยุดเพิ่มขึ้นไปมากกว่านั้น แต่แสงสีดำและสีขาวยังคงส่องออกมาจากดวงตาของรูปปั้นโดยไม่มีวี่แววที่จะหยุดลง มันยังคงส่องแสงไปที่หานเซิ่น

 

ชายแก่ตกตะลึง เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักนั้นหยุดไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายก็ยังไม่หยุดลง

 

“นี่หมายความว่าบาปของซีโน่เจเนอิคตัวนี้สูงเกินกว่าที่จะถูกวัดได้ และโอเวอร์แบริ่งอายก็แสดงบาปสูงสุดแค่หนึ่งหมื่นเท่านั้น!” ชายแก่และไป๋ว่านเจี้ยมีความคิดที่เหมือนกัน

 

ปัง!

ทันใดนั้นรูปปั้นของกษัตริย์องค์ที่สองก็เรืองแสงออกมา และดวงตาของรูปปั้นก็ระเบิดออกมาจากเบ้าตาของมัน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset