หานเซิ่นเห็นว่าสิ่งที่บินเข้ามาหาเขานั้นแบนเรียบ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่มันตรงเข้ามาหาสิ่งประจำตัวของพระเจ้าในมือของเขา หานเซิ่นจะไม่ปล่อยให้มันทำได้สำเร็จ ขณะที่เขาถือดอกบัวสีม่วงเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาก็ใช้มืออีกข้างชกออกไปใส่มัน
ปัง!
สิ่งที่บินเข้ามานั้นถูกหานเซิ่นชกกระเด็นออกไปในหมัดเดียว หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งจากมัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้เช่นกัน
หานเซิ่นมองไปยังสิ่งที่บินเข้ามา และเขาก็เห็นว่ามันคืออะไร
มันดูเหมือนจะเป็นแท่งขนาดใหญ่สองแท่งที่ติดกันอยู่ มันมีความยาวประมาทหนึ่งฟุตและมีสีแดงคล้ำ มันไม่สะดุดตาเลยสักนิดเดียว เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
หานเซิ่นชกใส่สิ่งที่ดูเหมือนกับแท่งสองแท่งและส่งมันกระเด็นออกด้านหลัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังพยายามจะเข้ามาหาดอกบัวสีม่วงในมือของเขา
หานเซิ่นรวบรวมพลังมากยิ่งกว่าเดิม เขาใช้พลังทั้งหมดชกใส่มัน แต่มันก็ยังคงไม่ได้รับความเสียหายอะไร หลังจากที่ถูกชกกระเด็นออกไปด้านหลัง มันก็เพียงแค่บินตรงเข้ามาหาเขาอีก
ในตอนที่หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ หมัดของเขาก็ทรงพลังเทียบเท่ากับระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ นั่นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
เมื่อเห็นว่ามันบินกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง หานเซิ่นก็เรียกดาบโคลด์ไลท์ออกมาฟันใส่แท่งทรงกลมสองแท่ง
ปัง!
แท่งทรงกลมสองแท่งถูกหานเซิ่นฟันร่วงลงไปกับพื้น แต่มันไม่ได้รับความเสียหายอะไร มันลอยกลับขึ้นมาจากพื้นและบินตรงเข้าหาดอกบัวสีม่วงอีกครั้ง
ครั้งนี้หานเซิ่นประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม ลำแสงของดาบโคลด์ไลท์นั้นสามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายได้ แต่ในตอนที่มันฟันใส่แท่งทรงกลมนี่ มันไม่แม้แต่จะทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้ ถึงแม้เจ้าสิ่งนั้นจะดูไม่มีพลังที่แข็งแกร่งอะไร แต่วัสดุของมันทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ
“สิ่งนั้นมันคืออะไรกัน?” ลอนโดและคนอื่นๆมองไปที่แท่งทรงกลมสองแท่งด้วยความแปลกใจ
ขณะที่เป่าอิงมองไปที่วัตถุนั้น เธอก็พูดขึ้นมา “มันดูเหมือนกับม้วนกระดาษ ข้าคิดว่ามันเป็นม้วนกระดาษที่มีบางสิ่งถูกเขียนเอาไว้”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ม้วนกระดาษนั้นดูไม่เหมือนกับกระดาษหรือหนังธรรมดาๆ” ลุงสองพูด
“ข้าไม่รู้ว่าวัสดุนั่นคืออะไรกันแน่ แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะตัดมันให้ขาดได้”
เมื่อได้ยินพวกเขาบอกว่ามันเป็นม้วนกระดาษ หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามันดูเหมือนจะเป็นอย่างที่พวกเขาบอก ระหว่างแท่งทรงกลมสองแท่งนั้นดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ดูเหมือนกับกระดาษสีแดงคล้ำอยู่ เนื่องจากกระดาษนั้นติดกับแท่งทรงกลมอยู่ มันก็ยากจะมองเห็นได้ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆ
“นั่นเป็นอะไรที่แปลก กิเลนศักดิ์สิทธิ์เก็บกล่องโลหะนี้เอาไว้ในหนึ่งในรูปปั้น และในกล่องโลหะนั้นก็เก็บม้วนกระดาษเอาไว้ นอกจากนั้นม้วนกระดาษยังพยายามจะขโมยยีนของเทพสปิริต…”
หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าม้วนกระดาษไม่ได้มีพลังโจมตีอะไร แต่พลังของเขาก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เช่นกัน ด้วยเหตุนั้นในตอนที่มันบินเข้ามาอีกครั้ง เขาก็ตัดสินใจจะจับมันเอาไว้
ในตอนที่หานเซิ่นจับมันเอาไว้ในมือ ม้วนกระดาษก็พยายามจะดิ้นรนเพื่อเข้าไปหาดอกบัวสีม่วง แต่พลังของมันนั้นน้อยนิด ดังนั้นมันไม่สามารถหนีออกจากมือของหานเซิ่นได้
หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าม้วนกระดาษไม่ได้เป็นภัยต่อเขา ดังนั้นเขาจึงเก็บดอกบัวสีม่วงไป หลังจากนั้นเขาก็จับด้ามจับของม้วนกระดาษและค่อยๆเปิดมันออกเพื่อดูว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน
ในตอนที่หานเซิ่นดึงมันออกจากกัน เขาก็รู้สึกราวกับว่าม้วนกระดาษนั้นถูกติดด้วยกาวที่แข็งแรงมากๆ ถึงแม้หานเซิ่นจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เปิดมันออกมาได้เพียงแค่สองถึงสามเซนติเมตรเท่านั้น
หานเซิ่นรู้ว่าพลังของเขาไม่เพียงพอจะเปิดม้วนกระดาษนี่ได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรีบมองดูสิ่งที่พอจะมองเห็นได้
ขณะที่หานเซิ่นมองเข้าไปในม้วนกระดาษที่เปิดออก เขาก็เห็นบางสิ่ง มันคือแถวตัวอักษรที่เขียนเรียงกันอยู่ มันถูกเขียนด้วยภาษาสามัญของจักรวาลจีโน ดังนั้นหานเซิ่นสามารถอ่านตัวอักษรแต่ละตัวได้ ตัวอักษรนั้นมีสีดำและถูกเขียนเอาไว้บนพื้นหลังสีแดง ตัวอักษรบนม้วนกระดาษอ่านได้ว่า “ไท่อี” ตามด้วยช่องว่าง หลังจากนั้นมันก็มีตัวอักษรที่อ่านได้ว่า “ฆ่าพระเจ้า”
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง “ไท่อี… นั่นคือไท่อีที่เป่าเอ๋อเคยพบอย่างนั้นหรอ? นี่เขาเองก็เคยฆ่าพระเจ้าได้เช่นกัน? คิดว่าจะมีแต่คนที่มีสุดยอดยีนเท่านั้นที่จะฆ่าพระเจ้าได้ซะอีก ผู้นำเซเคร็ดนั้นวิจัยเกี่ยวกับมันอยู่เป็นเวลานาน แต่เขาก็ฆ่าพระเจ้าไม่ได้ แบบนั้นไท่อีคนนี้ฆ่าพระเจ้าได้ยังไงกัน?”
พลังในมือของเขาเริ่มจะอ่อนลงเรื่อยๆ และตอนนี้เมื่อเขาสูญเสียสมาธิกับชื่อของไท่อี ม้วนกระดาษก็ปิดตัวเองลงอีกครั้ง
ลุงสองและคนอื่นๆบินเข้ามาหาเขา ลอนโดถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “โฮลี่เบบี้ คุณเห็นอะไรข้างในม้วนกระดาษนี้ไหม?”
“ข้าเปิดมันไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่าข้างในมันคืออะไร”
หานเซิ่นพูด เขาไม่ต้องการจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิง
“ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงมันเลย” เป่าอิงพูด
“พวกเราควรจะรีบออกไปจากระบบจักรวาลร้าง ที่นี่อันตรายเกินไป”
“มันมีอะไรต้องกลัว?” ลอนโดถาม
“ด้วยการที่มีโฮลี่เบบี้อยู่ที่นี่ ทำไมพวกเราจะต้องกลัวซีโน่เจเนอิคที่นี่อีก? เขามีความสามารถที่จะฆ่าได้แม้แต่พระเจ้า”
“พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ” หานเซิ่นรู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองดี เขารู้ว่าที่เขาสามารถฆ่าอีวิลโลตัสได้ นั่นเป็นเพราะเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชและเศษเถ้าของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเขาจำเป็นต้องต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต แม้แต่ดาบโคลด์ไลท์ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยเขาได้ แถมเทพสปิริตนั้นไร้ประโยชน์ต่อซีโน่เจเนอิค
เมื่อนึกถึงดาบโคลด์ไลท์ขึ้นมาได้ หานเซิ่นก็มองเข้าไปในจิตและเห็นว่ามันมีวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์อีกสองดวง เขาได้รับพวกมันมาในตอนที่เขาสังหารกลุ่มของโคลด์ไลท์ชาร์ม
เขาอ่านข้อมูลของพวกมันและสังเกตเห็นว่าพวกมันเป็นดาบโคลด์ไลท์เหมือนกันกับวิญญาณอสูรดวงแรกที่เขาได้รับจากโคลด์ไลท์ชาร์ม แต่คำบรรยายของพวกมันแตกต่างออกไปเล็กน้อย หนึ่งในพวกมันบอกว่าเสีย ขณะที่อีกหนึ่งเป็นเหมือนกับวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ดวงแรกของหานเซิ่นที่บอกว่าไม่สมบูรณ์
หานเซิ่นสังเกตได้ในทันทีว่าวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ที่ถูกระบุว่าเสียนั้นมีพลังที่ต่ำกว่าวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์อีกสองดวง
“วิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์จะรวมเข้าด้วยกันได้เหมือนกับวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ไหมนะ”
หานเซิ่นตื่นเต้นกับความเป็นไปได้นั้น เขาเห็นวิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์มทั้งสามดวงเริ่มรวมเข้าด้วยกันและเกิดเป็นวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ดวงใหม่
วิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์มนี้เห็นได้ชัดว่าทรงพลังกว่าวิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์มทั้งสามดวง เพียงแค่มองดูมันหานเซิ่นก็สามารถบอกได้ว่ามันทรงพลังกว่ามาก
หานเซิ่นมองดูข้อมูลของมันและรู้สึกดีใจ
[วิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์ม: ดาบโคลด์ไลท์ (สมบูรณ์)]
‘แค่ในตอนที่มันยังไม่สมบูรณ์ มันก็ทรงพลังเหมือนกับอาวุธขั้นบัตเตอร์ฟลายเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เมื่อมันสมบูรณ์ บางทีดาบโคลด์ไลท์อาจจะเทียบชั้นกับอาวุธขั้นทรูก็อตได้เลย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็จะเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ’ หานเซิ่นคิดอย่างตื่นเต้น เขาตั้งตารอโอกาสที่จะได้ใช้ดาบโคลด์ไลท์เพื่อทดสอบพลังของมัน