หานเซิ่นเห็นว่าในที่สุดคำพูดของเขาก็ส่งไปถึงผีเสื้อสาว เขาหันไปมองพระเจ้าที่อยู่ข้างๆและเห็นว่าพระเจ้าแค่นั่งดูอยู่เฉยๆราวกับเป็นผู้ชมที่ดี เขาไม่ได้เข้ามาห้ามอะไรหานเซิ่น
หานเซิ่นหายใจเข้าลึกและพูด “การตัดเส้นทางของเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไร เจ้าแค่ต้องทำลายวิชาจีโนของเขา แต่เจ้าต้องรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ แต่ตลอดทั้งชีวิตของเขาอย่าได้ปล่อยให้เขาได้ฝึกวิชาอีก ให้เขาอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย ข้าแน่ใจว่าแบบนั้นเขาจะประสบความเจ็บปวดที่แสนสาหัสแบบเดียวกันกับที่เจ้าต้องประสบ และเจ้าจะเพลิดเพลินกับความเจ็บปวดที่เขารู้สึกทุกวันๆ นั่นจะไม่ดีกว่าการฆ่าเขาหรอกหรอ?”
หานเซิ่นรู้ว่าไอเดียนี้ที่เขาคิดขึ้นมานั้นเป็นอะไรที่ชั่วร้ายมากๆ แต่ในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้ เขาไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องนั้นมากนัก การปล่อยให้ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮถูกทรมานนั้นดีกว่าการปล่อยให้ตัวเองต้องกลายเป็นทาสเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี
ในตอนที่ผีเสื้อสาวได้ยินหานเซิ่น ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย เธอหัวเราะเหมือนกับคนบ้าและหันไปมองผู้นำเผ่าเวรี่ไฮด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก… ข้าอยากจะเห็นท่านประสบกับความเจ็บปวดแบบเดียวกันกับข้า… ข้าต้องการให้ท่านถูกทรมานโดยความสั้นหวังทุกๆวัน…”
ผีเสื้อสาวมาอยู่ตรงหน้าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ เธอจับเขาที่ตอนนี้ดูเหมือนโครงกระดูกขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจความจริงที่ว่าเขามีเลือดไหลออกมาทั่วตัว เธออุ้มเขาเอาไว้ในอ้อมแขนราวกับทารกและกระพือปีกบินออกไปสู่ภูเขา
“ดูเหมือนว่าแผนการของเจ้าจะล้มเหลว” หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ พระเจ้านั้นไม่ได้พยายามจะหยุดผีเสื้อสาวเลย
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น เจ้าเป็นฝ่ายชนะ” พระเจ้าพูดออกมาอย่างคาดไม่ถึง
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขามองไปที่พระเจ้าอยู่สักพัก การเดิมพันนั้นยังคงไม่จบ พระเจ้ายังสามารถพลิกสถานการณ์กลับไปได้อีก แต่พระเจ้ายังคงไม่เคลื่อนไหว
หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าขณะที่ถามขึ้นว่า “เจ้าจะไม่ลองดูอย่างนั้นหรอ? มันยังมีเวลาเหลือ”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พยายามจะชักจูงพระเจ้า เขาแค่กังวลว่าพระเจ้าจะมีแผนการอื่นซ่อนอยู่อีก เขาไม่ต้องการให้สถานการณ์ถูกพลิกผันไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
พระเจ้ายิ้ม “ไม่มีความจำเป็น ข้าอยากเห็นว่ามันจะจบยังไง แต่มันมีเวลาเหลืออยู่ไม่พอ ดังนั้นพวกเรามาจบการเดิมพันเพียงเท่านี้ เจ้าชนะการเดิมพัน”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ายอมมอบกู่หว่านเอ๋อให้กับข้าแล้วใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอน แต่เจ้ากลับไปก่อน ข้าต้องการจะอยู่ที่นี่และดูต่อจนจบตามลำพัง”
พระเจ้าสะบัดมือ และหานเซิ่นก็รู้สึกว่าท้องฟ้าและผืนดินเริ่มหมุน เขาประสบกับการเทเลพอร์ตที่เจ็บปวดอีกครั้งหนึ่ง
ในตอนที่ร่างกายของหานเซิ่นกลับเป็นปกติ เขาก็รู้สึกตัวว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่ฟาร์มของพระเจ้า
“พระเจ้านั่นแปลกคนจริงๆ เขายินดีจะแพ้การเดิมพัน เพียงเพราะเขาต้องการจะดูตอนจบ แต่นั่นถือเป็นเรื่องดี ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่รู้ว่าเราจะชนะการเดิมพันได้หรือเปล่า” ถึงแม้หานเซิ่นจะชนะการเดิมพัน แต่ความกดดันจากพระเจ้าที่เขารู้สึกนั้นก็ไม่ได้ลดลงไป
ในอดีตตอนที่เขาเผชิญหน้ากับราชาจุน พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและเทพสปิริตที่น่ากลัวคนอื่น หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกกดดันแบบนี้ แต่พระเจ้าประหลาดคนนั้นกลับทำให้เขากดดันอย่างมาก
นั่นไม่ใช่เพราะว่าพลังของพระเจ้าแข็งแกร่งกว่าของเขา มันเป็นความกดดันทางจิตใจที่มองไม่เห็น มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนที่สิ่งมีชีวิตสัมผัสได้ถึงอันตรายโดยจิตใต้สำนึก
มันมีแค่พระเจ้าคนนั้นเท่านั้นที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกแบบนี้ได้
หานเซิ่นคิดว่าอาจจะต้องรอคอยเป็นเวลานาน แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พระเจ้าก็กลับมาหาหานเซิ่นด้วยน้ำตา
“เร็วขนาดนั้นเลย? นี่ผีเสื้อสาวเกิดเป็นบ้าและฆ่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ
พระเจ้าดูเหมือนจะรู้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด “ข้าแค่เร่งเวลาให้เร็วขึ้นเพื่อจะดูพวกเขาต่อจนจบ เจ้ายังคงเป็นฝ่ายชนะการเดิมพัน”
“มันจบลงยังไง?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้
“เจ้าจะไม่ชอบมัน” พระเจ้าพูดเพียงสั้นๆ เขาไม่ได้บอกหานเซิ่นถึงตอนจบของเรื่องราวระหว่างผีเสื้อสาวและผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ
หานเซิ่นหันไปมองพระเจ้าที่ยังคงสิงร่างกายของกู่หว่านเอ๋อและถาม
“ตอนนี้เจ้าจะมอบกู่หว่านเอ๋อให้ข้าได้หรือยัง?”
“ได้เลย” พระเจ้าพูดพร้อมกับพยักหน้า “เจ้าอยากไปที่ไหน? พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“นั่นหมายความว่ายังไง? เจ้าจะผิดสัญญาที่ให้เอาไว้อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ถ้าพระเจ้าไม่ทำตามข้อตกลง หานเซิ่นก็ไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้
“ข้าแค่สัญญาว่าจะมอบกู่หว่านเอ๋อให้กับเจ้า แต่ข้าไม่เคยบอกว่าข้าจะออกจากร่างของนาง” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็อึ้งไป เขารู้ว่าในด้านการเล่นคำนั้นเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพระเจ้า ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดอะไร มันก็ไร้ประโยชน์ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงหยุดพูดและคิดกับตัวเอง
‘การพาตัวกู่หว่านเอ๋อกลับไปโดยที่มีพระเจ้าสิงอยู่นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการไม่พาตัวเธอกลับไปซะอีก มันมีแต่จะทำให้ไผ่เดียวดายโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม’
พระเจ้าดูเหมือนจะรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร
“ข้ามีแผนที่จะเดินทางท่องจักรวาล เอาแบบนี้เป็นไง? เจ้าเป็นไกด์พาข้าทัวร์ หลังจากผ่านไปครึ่งปี ข้าจะมอบกู่หว่านเอ๋อที่สมบูรณ์ให้กับเจ้า”
ใบหน้าของหานเซิ่นไม่ได้ดีขึ้นหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น การเดินทางกับพระเจ้าคนนี้เป็นเวลาถึงครึ่งปีนั้นถือว่าเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ
“แน่นอนว่าข้าจะปล่อยนางไป แต่นั่นจะถือว่าเจ้ายอมปล่อยกู่หว่านเอ๋อไปเอง มันจะไม่ถือว่าข้าผิดสัญญา” พระเจ้าพูด
หานเซิ่นกัดฟัน “เอางั้นก็ได้ แต่ในเวลาครึ่งปีนี้ เจ้าห้ามทำการเดิมพันกับข้า และเจ้าห้ามบอกให้ข้าทำการอธิษฐานเช่นกัน”
“ได้เลย” พระเจ้าพยักหน้าโดยไม่เสียเวลาคิด
หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เขารู้ว่าพระเจ้าคนนี้อันตรายมากๆ แต่นี่เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยกู่หว่านเอ๋อ ด้วยพลังที่น่ากลัวของพระเจ้า นอกซะจากเขามีพลังพอที่จะบุกเข้าไปในจีโนฮอลล์ มันก็ไม่มีหนทางอื่นที่เขาจะเอาตัวกู่หว่านเอ๋อมาได้
การที่เขาชนะการเดิมพันครั้งนี้ได้นั้นถือว่าโชคดีมากๆแล้ว ถ้าพวกเขาเดิมพันกันอีกครั้ง หานเซิ่นก็ไม่รู้ว่าเขาจะชนะได้อีกครั้งหรือเปล่า
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง “หานจิงจือเอาชนะเขาถึงสิบเอ็ดครั้งได้ยังไงกัน?”
“รีบไปกันเถอะ ว่าแต่พวกเราจะไปที่ไหนกันดี?” พระเจ้ามองหานเซิ่นด้วยความสนใจ
“เจ้าอยากไปที่ไหนล่ะ? ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น” หานเซิ่นถามอย่างหดหู่
“บ้านของเจ้า” สิ่งที่พระเจ้าพูดนั้นทำให้หานเซิ่นอ้าปากค้าง
ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น ‘บ้านของเราคือสถานที่ที่เขาไปได้อย่างนั้นหรอ? แต่ถึงเขาจะไปได้ เราก็ไม่มีวันพาเขาไป นั่นเป็นเหมือนกับการเชิญหมาป่าไปที่บ้าน ไม่สิมันไม่เหมือนการเชิญหมาป่าไปที่บ้าน มันเหมือนการเชิญพระเจ้าไปที่บ้าน และพระเจ้าคนนี้ก็น่ากลัวกว่าหมาป่ามาก แต่ถ้าอย่างนั้นเราจะพาเขาไปที่ไหนได้? ร่างกายของเราไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ตลอดไป เราจะกลับกลายเป็นเด็กในเร็วๆนี้ ถ้าพระเจ้าเห็นเรื่องนั้นเข้า… มันก็คงจะเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม…’
ในระหว่างการเดิมพัน หานเซิ่นกังวลว่าร่างกายจะกลับกลายเป็นเด็ก แต่ความกังวลของเขาไม่เกิดขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าในตอนที่เขากลับไปที่ฟาร์มของพระเจ้าอีกครั้ง มันเป็นเวลาเดียวกันกับก่อนที่เขาจะย้อนเวลาไปในตอนที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮยังหนุ่ม ด้วยเหตุนั้นเขาพอจะคาดเดาได้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่กลับกลายเป็นเด็ก
ส่วนเหตุผลที่ทำไมพระเจ้าถึงกลับออกมาช้าหนึ่งชั่วโมงนั้นหานเซิ่นไม่รู้