x
เมื่อเห็นอี๋ซาฟันเข้ามา หานเซิ่นก็ไม่ได้พยายามจะหลบเหมือนกับครั้งก่อน ร่างกายของเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและเทเลพอร์ตไปอยู่ตรงหน้าของเธอแทน ในตอนที่มีดเขี้ยวฟันลงมา หานเซิ่นก็ยื่นนิ้วกลางและนิ้วชี้มาข้างหน้าเพื่อรับมีดเขี้ยวเอาไว้ พลังของมีดที่น่ากลัวนั่นถูกจับเอาไว้โดยนิ้วมือของหานเซิ่น
พลังของอี๋ซาไปรวมกันอยู่บนมีดเขี้ยว และเธอพยายามจะกดมันลงไป ขณะที่นิ้วของหานเซิ่นยังคงหนีบมันเอาไว้ มีดเขี้ยวดูเหมือนกับว่ามันจะมีรากงอกและไม่สามารถขยับไปไหนได้
‘ดูเหมือนว่าฝักมีดที่ทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวของพระเจ้านี้จะไม่ได้ดีเด่นอะไร ด้วยพลังเสริมของมัน พลังของอี๋ซาก็ยังคงก้าวข้ามร่างกายซีโน่เจเนอิคของเราไม่ได้อยู่ดี’
ที่หานเซิ่นมอบฝักมีดให้กับอี๋ซาก็เพราะว่าเขาอยากจะเห็นว่าฝักมีดนั้นทรงพลังแค่ไหน ถ้าอี๋ซาใช้ฝักมีดนั้นเอาชนะเขาได้ เขาก็จะมอบฝักมีดให้กับเธอ โดยถือซะว่ามันเป็นรางวัลตอนแทนที่เธอเป็นอาจารย์ของเขา
แต่น่าเสียดายถึงแม้จะได้รับพลังเสริมจากฝักมีด อี๋ซาก็ยังคงไม่สามารถหมุนฟันเฟืองจักรวาลขณะที่อยู่ภายใต้การควบคุมของศาสตร์ตงเสวียนได้อยู่ดี
นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่งเกินไป และอี๋ซาก็เพิ่งจะได้รับฝักมีดไป เธอยังไม่สามารถเปิดใช้พลังทั้งหมดของฝักมีดได้
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นฝักมีดก็ไม่ได้ทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่สมบูรณ์ เมื่อเทียบกับสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่สมบูรณ์แล้ว พลังของมันจึงด้อยกว่ามากพอสมควร
“นั่นเป็นไปได้ยังไงกัน? ดอลลาร์หยุดการโจมตีของราชินีแห่งมีดที่น่ากลัวได้ นี่เขาเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายแล้วอย่างนั้นหรอ?”
“เมื่อดูจากระดับพลังของเขาแล้ว เขาควรจะเป็นแค่ขั้นลาร์วาเท่านั้น แต่การที่สิ่งมีชีวิตขั้นลาร์วามีพลังถึงขนาดนี้ นั่นหมายความว่าเขาเป็นที่สุดของคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน”
“ไม่แปลกใจเลยที่ดอลลาร์จะอวดดีแบบนั้น เขามีความสามารถพอที่จะโอ้อวด”
…
หานเซิ่นปล่อยมือและถอยออกไปด้านหลังหลายก้าว เขามองไปที่อี๋ซาและพูด
“ราชินีแห่งมีด ข้าไม่คิดว่าเจ้ามีพลังพอที่จะเอาชนะข้า”
อี๋ซามองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ เธอสะบัดมือและโยนฝักมีดกลับคืนให้กับหานเซิ่น ในตอนที่หานเซิ่นรับฝักมีดมา อี๋ซาก็บินออกไปจากสนามประลองเรียบร้อยแล้ว
“ในตอนที่ข้าเอาชนะเจ้าได้ ข้าจะเอาฝักมีดนั่นกลับคืนมา” เสียงนั้นดังก้องไปทั่วสนามประลอง
หานเซิ่นบินออกมาจากสนามประลองโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกลับไป
หานเซิ่นเอาชนะการประลองได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่มันยังมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่เก่งกาจอีกมากมายเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ อย่างเช่นจางเสวียนเต้า ดราก้อนวัน เดม่อนอัลฟ่า ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์และผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่น่ากลัวทั้งนั้น โกลเด้นโกรวเลอร์นั้นก็พิสูจน์ตัวเองว่าไร้เทียมทาน มันไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่กล้าเข้าไปในสนามประลองเพื่อต่อสู้กับมัน
ด้วยเหตุนั้นถึงแม้ความสามารถของหานเซิ่นจะทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกใจ แต่มันก็ไม่ได้มหัศจรรย์อะไรมาก
เมื่อกลับมาที่สวน หานเซิ่นก็เห็นพระเจ้ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน มันมีกระดานหมากล้อมวางอยู่ตรงหน้าของเขา
พระเจ้ามองไปที่หานเซิ่นและพูด “ความแข็งแกร่งของเจ้ายากจะหาใครในระดับเดียวกันมาเทียบได้ แม้แต่ในหมู่สิ่งมีชีวิตขั้นบัตเตอร์ฟลาย เจ้าก็ถือว่าดี เจ้ามียีนที่ทรงพลังขนาดนั้น มันก็ควรจะมีสายเลือดโบราณอยู่ แต่เจ้าดูไม่เหมือนคนที่มีสายเลือดโบราณ มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเจ้ามาจากเผ่าพันธุ์ไหน?”
“ข้าเป็นมนุษย์” หานเซิ่นตอบ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่หมากบนกระดานและเห็นว่ามันยังไม่จบเกมส์ เขาจึงถามอย่างสับสน
“ใครกันที่มาเล่มหมากล้อมเจ้า?”
“แค่ชายที่น่าสนใจคนหนึ่ง” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ชายที่น่าสนใจ? เขาอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นไม่เห็นใครคนอื่นอยู่ที่นี่
“เขาอยู่ที่นี่” พระเจ้าพูดและชี้ไปที่กระดาน
“ที่นี่?” หานเซิ่นมองไปที่กระดานด้วยความสับสน นอกจากกระดานหมากล้อมแล้ว เขาไม่เห็นหรือสัมผัสได้ถึงอะไรอย่างอื่น
“เขาอยู่บนกระดาษหมากล้อมนี่” พระเจ้าพูดพร้อมกับหัวเราะ
“เขาอยู่…” ใบหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป เขาตรวจเช็คหมากบนกระดาษอย่างละเอียดและสังเกตเห็นว่าหมากดำตัวหนึ่งดูแปลกๆ
ตัวหมากดำและหมากขาวเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากๆ แต่ทว่าหมากดำตัวหนึ่งนั้นมีสัญลักษณ์สลักเอาไว้ มันเป็นสัญลักษณ์รูปชายแก่
“ทำไมสัญลักษณ์นี้ถึงดูคุ้นๆ… โอ้ ไม่นะ!”
หานเซิ่นตกใจ “นั่นโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์หนิ? ทำไมเขาถึงกลายเป็นตัวหมากตัวหนึ่ง?”
“เขาทำการอธิษฐานกับข้าสามครั้ง หนึ่งในพวกมันคือการขอเล่นหมากล้อมกับข้า ข้าแค่ทำให้คำอธิษฐานของเขาเป็นจริง”
พระเจ้าชี้ไปที่กระดานและถามต่อไปว่า “เจ้าอยากจะมาเล่นต่อให้จบไหม?”
หานเซิ่นส่ายหัว เขาไม่ต้องการจะจบลงเหมือนอย่างโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นตัวหมากตัวหนึ่งบนกระดาน
“อย่าได้กังวล เขาแค่เป็นแบบนั้นเพราะเขาทำการอธิษฐานกับข้า”
พระเจ้าพูดพร้อมกับหัวเราะ “ข้าแค่จะเล่นหมากล้อมกับเจ้าเท่านั้น มันไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง”
หานเซิ่นส่ายหัว “ฝีมือการเล่นหมากล้อมของข้าแค่พื้นๆ เจ้าควรจะไปหาคนที่เป็นเซียนหมากล้อมมาเล่นกับเจ้า”
“วิชาจีโนของเจ้าคล้ายคลึงกับเวรี่ไฮเซ้นส์ของเผ่าเวรี่ไฮมากๆ หมากล้อมนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้าเพื่อจะเข้าใจสิ่งต่างๆ มันจึงไม่เสียหายอะไรที่จะเรียนรู้มัน” พระเจ้าพูด
หานเซิ่นรู้ว่าพระเจ้าพยายามจะบอกว่าศาสตร์ตงเสวียนและเกมส์หมากล้อมนั้นมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน ในอดีตเขาเคยศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเล่นหมากล้อม ดังนั้นความสามารถในการเล่นหมากล้อมของเขาจึงถือว่าดี
แต่การเล่นหมากล้อมกับพระเจ้าเป็นอะไรที่มากกว่าแค่การฝึก มันจะต้องเป็นเกมส์หมากล้อมที่มีความกดดันมากยิ่งกว่าการต่อสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเขาตกหลุมพลางของพระเจ้า มันก็มีโอกาสที่เขาจะจบลงเหมือนอย่างโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ หานเซิ่นจึงส่ายหัวและพูด
“ข้าต้องไปเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้รอบต่อไป ไม่มีเวลาจะมาเล่นกับเจ้า”
ที่หานเซิ่นพูดเป็นความจริง เขาจำเป็นต้องวิวัฒนาการเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายก่อนที่การประลองรอบต่อไปจะเริ่มต้นขึ้น
“ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ เจ้าไม่ต้องมอบอะไรให้กับข้า แต่ถ้าเจ้าป็นฝ่ายชนะ ข้าจะมอบหมากตัวนี้ให้กับเจ้า” พระเจ้าชี้ไปยังตัวหมากที่ โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์กลายเป็น
“ข้าจะเอาหมากตัวนั้นไปเพื่ออะไร?” หานเซิ่นส่ายหัว
“ผู้คนกลายเป็นตัวหมาก และตัวหมากก็กลายเป็นผู้คน ถ้าเจ้ามีหมากตัวนี้อยู่ เจ้าก็จะทำอะไรกับเขาก็ได้ เขาจะทำเฉพาะสิ่งที่เจ้าต้องการ ถึงแม้เจ้าจะส่งเขาไปตาย เขาก็จะไม่ปฏิเสธเจ้า”
หลังจากที่พระเจ้าพูดแบบนั้น เขาก็หยิบหมากขาวขึ้นมาและวางลงบนกระดาษก่อนที่จะยิ้มและพูดต่อไปว่า “ตาเจ้าแล้ว”
หานเซิ่นไม่รู้ว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ระดับไหนกันแน่ แต่เขาจะต้องเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเป็นอย่างน้อย เพราะเขาสามารถเข้าออกสเปชการ์เด้นได้ตามใจชอบ การมีระดับเทพเจ้าแบบนั้นอยู่เป็นอะไรที่ดีมากๆสำหรับหานเซิ่น
แถมโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ยังมีพลังที่จะเดินทางเข้าออกสเปชการ์เด้นได้อย่างอิสระ ซึ่งนั่นถือเป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่น เขากังวลว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นเครื่องมือของคนอื่น ถ้าเขาเก็บโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เอาไว้กับตัวได้ นั่นก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก
มันเป็นสิ่งที่น่าดึงดูด แต่หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อคำพูดของพระเจ้า
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าในเวลาครึ่งปีที่ข้าอยู่กับเจ้า ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า ข้าจะไม่ผิดสัญญา เจ้าควรจะรู้ว่าพระเจ้านั้นไม่พูดโกหก” พระเจ้าพูด
“เอางั้นก็ได้ ข้าจะเล่นหมากล้อมเกมส์นี้กับเจ้า” หานเซิ่นนั่งลงตรงข้ามกับพระเจ้าและหยิบตัวหมากสีดำขึ้นมา
หานเซิ่นคิดว่าฝีมือการเล่นหมากล้อมของตัวเองนั้นไม่เลว ในสหพันธ์เขาถือเป็นนักเล่นหมากล้อมระดับท็อป แต่ในตอนที่เขาเล่นหมากล้อมกับพระเจ้า เขาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
หานเซิ่นเล่นกับพระเจ้าแปดเกมส์ และเขาก็พ่ายแพ้ทุกเกมส์ เขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
ความรู้สึกของหานเซิ่นเมื่อต้องเล่นกับพระเจ้านั้นเหมือนกับว่าเขากำลังเล่นกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เขาจำเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อคำนวณแต่ละตาของตัวเอง แต่คู่ต่อสู้ของเขาจะเดินหมากในทันทีราวกับว่าเดิมมั่วๆ ดูเหมือนกับว่าพระเจ้านั้นไม่ได้คิดเกี่ยวกับการเดินหมากของเขาเลยสักนิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็พ่ายแพ้ราบคาบทุกครั้ง