“นั่นไม่ใช่อบิสไนท์” ถึงแม้สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆจะไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าเกราะนภา พวกเขาก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมาหลังจากได้เห็นพลังนั้น
อบิสไนท์เป็นซีโน่เจเนอิคธาตุมืด ดังนั้นไม่สำคัญว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนั้น มันก็ไม่ควรจะมีพลังของพระเจ้าไปได้
พระเจ้าเกราะนภาเคยได้รับบาดเจ็บจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และตอนนี้เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บจากหานเซิ่นอีก เขาจึงโกรธอย่างมาก เขาเปิดใช้สิ่งประจำตัวพระเจ้าเพื่อจะฆ่าหานเซิ่นให้ได้
ในตอนที่สิ่งประจำตัวพระเจ้าถูกใช้งาน ความแข็งแกร่งของพระเจ้าเกราะนภาก็ถูกผลักดันขึ้นจนถึงขีดจำกัด หานเซิ่นเห็นฟันเฟืองจักรวาลหนึ่งที่ถูกย้อมเป็นสีม่วงเหมือนกับสีชุดเกราะโครงกระดูกของพระเจ้าเกราะนภา มันทำให้ฟันเฟืองจักรวาลอื่นที่เชื่อมต่อกับมันอยู่ถูกย้อมกลายเป็นสีม่วงไปด้วยเช่นกัน
หานเซิ่นพยายามใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อควบคุมฟันเฟืองจักรวาลสีม่วงเหล่านั้น แต่เขาไม่สามารถทำอะไรกับพวกมันได้ มันเหมือนกับว่าฟันเฟืองจักรวาลเหล่านั้นแยกตัวออกไปเป็นเอกราชและไม่ได้รับอิทธิพลจากอาณาเขตตงเสวียน
หลังจากนั้นแสงสีม่วงแพร่กระจายตรงหน้าพระเจ้าเกราะนภา พวกมันกลายเป็นมีดแสงสีม่วงที่พุ่งเข้าไปล้อมร่างกายของหานเซิ่นเอาไว้
หอกสกายไวน์แรดิชก็อตของหานเซิ่นก็ระเบิดแสงสีเขียวออกมาเช่นกัน เขาใช้มันกวาดใส่มีดแสงสีม่วง แต่ในตอนที่หอกสกายไวน์แรดิชก็อตปะทะกับมีดแสงสีม่วง มีดแสงนั้นไม่ได้ถูกทำลายและมันก็ไม่ได้กระเด็นออกไปเช่นกัน มันติดอยู่กับหอกสกายไวน์แรดิชก็อต
หานเซิ่นเห็นมีดแสงสีม่วงติดอยู่กับหอกสกายไวน์แรดิชก็อตและรู้สึกตัวว่ามันเป็นชิ้นของกระดูกสีม่วง เมื่อกระดูกสีม่วงพวกนั้นมาติดกับหอกสกายไวน์แรดิชก็อต หานเซิ่นก็รู้สึกว่าหอกนั้นหนักขึ้นกว่าเดิม ในเวลาชั่วพริบตาหานเซิ่นก็เกือบจะถือหอกสกายไวน์แรดิชก็อตเอาไว้ไม่ไหว
ในขณะเดียวกันมีดแสงสีม่วงที่เหลือก็พุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นจากทุกทิศทาง หานเซิ่นต้องการจะใช้วิชาการเทเลพอร์ตเพื่อหนีไป แต่เขาสังเกตเห็นว่าฟันเฟืองจักรวาลรอบๆตัวเขาถูกตัดขาดโดยฟันเฟืองจักรวาลสีม่วง นอกซะจากเขาจะฝ่าฟันเฟืองจักรวาลสีม่วงพวกนั้นไป เขาก็ไม่สามารถใช้การเทเลพอร์ตเพื่อหนีไปได้
หานเซิ่นจำเป็นต้องแกว่งหมัดเพื่อต่อสู้ เขาต้องการจะชกมีดแสงสีม่วงกระเด็นออกไป แต่ในตอนที่มีดแสงสีม่วงสัมผัสกับหมัดของเขา มันก็กลายเป็นชิ้นกระดูกที่ติดอยู่กับกำปั้นของเขา
ภายในเวลาเพียงไม่นาน ร่างกายของหานเซิ่นก็ถูกปกคลุมด้วยชิ้นกระดูก หอกสกายไวน์แรดิชก็อตเองก็มีพวกมันติดอยู่เช่นกัน หานเซิ่นลอยอยู่ในอวกาศราวกับรูปปั้นที่สวมชุดเกราะกระดูก
ภายใต้กระดูกสีม่วงพวกนั้น พลังของหานเซิ่นไม่รั่วไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว เขาพยายามจะระเบิดพลังของตัวเองออกมา แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้
“เจ้ามีอาวุธประจำตัวพระเจ้าแล้วยังไง? สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำยังไงก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ดี มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้า เจ้าก็เป็นแค่เศษขยะที่ไร้ค่า”
พระเจ้าเกราะนภามองไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่อาฆาต หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น ชิ้นกระดูกบนร่างกายของหานเซิ่นก็เปลี่ยนเป็นอาวุธที่แหลมคม พวกมันกำลังจะตัดเนื้อหนังของหานเซิ่น
ชิ้นกระดูกที่คมกริบเริ่มเจาะเข้าไปในเนื้อของหานเซิ่น ถึงแม้ร่างกายซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นจะแข็งแกร่งเทียบได้กับร่างกายขั้นทรูก็อต แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันกระดูกพวกนั้นได้อยู่ดี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือชิ้นกระดูกสีม่วงพวกนั้นดูเหมือนจะป้องกันไม่ให้พลังของเขารั่วไหลออกมา หานเซิ่นจึงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
“นี่คือสิ่งที่เจ้าจะได้รับเมื่อดูหมิ่นเทพสปิริต กรงขังกระดูกเกราะนภาจะลอกเนื้อหนังของเจ้าออก ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้ความผิด” พระเจ้าเกราะนภาดูตื่นเต้น
“จบสิ้นแล้ว ตอนนี้แม้แต่จะยอมแพ้ดอลลาร์ก็ยังทำไม่ได้” หลี่เคอเอ๋อดูซีดเซียว เธอกังวลเกี่ยวกับดอลลาร์
“น่าเสียดายที่อาวุธประจำตัวพระเจ้านั้นดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ดอลลาร์ได้มาจากการเข้าไปในจีโนฮอลล์” ราชาไป๋ส่ายหัว
“เขามีอาวุธประจำตัวพระเจ้า แต่เขาก็ยังฆ่าพระเจ้าไม่ได้” ผู้หญิงในปราสาทนภาดูผิดหวัง
“ดอลลาร์เป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย” ผู้นำปราสาทนภาพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างน่าเสียดาย
“ถึงแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับขั้นทรูก็อตได้แล้ว แต่การจะสู้กับเทพสปิริตก็เป็นอะไรที่มากเกินไปอยู่ดี ถ้าเขากลายเป็นขั้นทรูก็อต มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะเอาชนะเทพสปิริตได้ มันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย ข้ากลัวว่าเขาจะไม่มีโอกาสทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
ถังเตียงลิ่วมองไปในสนามประลอง เขาตะโกนขึ้นว่า “สู้ต่อไป! อย่าเอาแต่ยืนอยู่แบบนั้น!”
หวังอวี่ฮังและคนอื่นๆดูซีดๆไป หนิงเยวี่ยดูหวาดกลัวขณะที่อุ้มเป่าเอ๋ออยู่ในอ้อมแขน นางฟ้าและซีโร่มองดูหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
สิ่งมีชีวิตในจักรวาลดูเหมือนจะลืมหายใจไป ขณะที่พวกเขามองดูชิ้นกระดูกตัดเนื้อหนังของหานเซิ่นอย่างเป็นกังวล พวกเขากำลังคิดเกี่ยวกับความโหดร้ายของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นที่กำลังถูกชิ้นกระดูกนับไม่ถ้วนตัดเนื้อหนังก็พูดขึ้นมา
“เจ้าคือพระเจ้าเกราะนภาจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะรู้จักสมญานามของข้า” พระเจ้าเกราะนภาพูด
“เจ้าคือพระเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามต่อ
“ใช่ แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะมาร้องขอชีวิต”
พระเจ้าเกราะนภาพูด “บาปของการดูหมิ่นต่อเทพสปิริตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะอภัยโทษให้ได้”
หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าเกราะนภาและพูด “บาปของการดูหมิ่นเทพสปิริตจะทำให้ข้าถูกตัดเป็นพันๆครั้ง ถ้าอย่างนั้นเจ้าที่เข้าสิงร่างกายของสิ่งมีชีวิตและฆ่าผู้คนล่ะจะมีบาปขนาดไหนกัน?”
พระเจ้าเกราะนภาหัวเราะและพูด “ข้าคือพระเจ้า พระเจ้าควบคุมจักรวาลนี้ ข้าไม่มีบาป ถึงแม้ข้าจะมีบาปอยู่ ใครกันที่จะตัดสินโทษข้า? ข้าคือพระเจ้า”
“ข้าจะเป็นคนตัดสินเอง” หานเซิ่นพูดอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าน่ะหรอ?” พระเจ้าเกราะนภาคิดว่านั่นเป็นอะไรที่น่าตลก เขามองหานเซิ่นเหมือนกับเป็นตัวตลกคนหนึ่ง
“ถ้าไม่มีใครตัดสินโทษเจ้า แบบนั้นข้าจะเป็นคนตัดสินโทษเจ้าเอง” หานเซิ่นยังคงมองไปที่พระเจ้าเกราะนภาอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าคิดว่าตัดสินโทษพระเจ้าอย่างข้าได้อย่างนั้นหรอ? โอเค ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจะตัดสินโทษข้ายังไงล่ะ?”
พระเจ้าเกราะนภามองหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม ร่างกายของหานเซิ่นกำลังจะถูกตัด แต่เขาก็ยังพูดอะไรแบบนั้นออกมา จากมุมมองของพระเจ้าเกราะนภาแล้ว เขาเป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง
มันไม่ใช่แค่พระเจ้าเกราะนภาที่กำลังคิดแบบนั้น สิ่งมีชีวิตในจักรวาลส่วนใหญ่ก็เริ่มจะสงสัยว่าหานเซิ่นเป็นคนบ้าหรือเปล่า ในเวลาแบบนี้เขายังพูดอะไรแบบนั้นออกมาอีก
“พระเจ้าเกราะนภา ให้ข้าตัดสินบาปของเจ้า” หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าเกราะนภา
ขณะที่หานเซิ่นพูด ดวงตาข้างซ้ายที่เป็นสีดำและขาวก็เรืองแสงออกมา ทันใดนั้นดวงตานั้นก็ไม่ดูเหมือนกับดวงตาของมนุษย์ที่มีความรู้สึกอยู่อีกต่อไป มันกลายเป็นดวงตาของเครื่องจักรที่เลือดเย็น