“ในที่สุดก็เคลื่อนไหว” หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าคนที่จางเสวียนเต้าท้าสู่คือแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตที่อยู่อันดับที่หก
แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตเป็นหนึ่งในเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อต และเขาก็เป็นบุคคลที่อันดับสูงที่สุดในบรรดาแอนเชี่ยนท์ก็อตทั้งหมด
หานเซิ่นเคยเห็นแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตต่อสู้มาก่อน ซึ่งเขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตที่แข็งแกร่งมากๆ เขามีพลังที่ลึกลับ ทำให้เขาสามารถเอาชนะซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตที่ท้าชิงเขาได้อย่างง่ายดาย
หานเซิ่นเชื่อว่าด้วยพลังของแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อต อันดับของเขาควรจะสูงกว่านี้
หานเซิ่นประหลาดใจที่ผู้นำปราสาทนภาเลือกจะท้าสู้กับแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อต หานเซิ่นคิดว่าเขาจะเลือกซีโน่เจเนอิคที่มีอันดับสูงกว่าอย่างซีกกิ้งเพอร์ฟูมบีสต์ซะอีก
แต่ในตอนที่ผู้นำปราสาทนภาเข้ามาในสนามประลองอวกาศ เขามองไปที่แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตและพูด
“แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อต มันถึงเวลาที่พวกเราจะจบเรื่องนี้”
แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตนั้นดูเหมือนกับยักษ์สีทองแดง ไตรพอดสีทองแดง(ขาตั้งกล้อง)อันหนึ่งอยู่ในมือของเขา เขามองกลับไปที่จางเสวียนเต้า และจู่ๆไตรพอดทองแดงในมือของเขาก็เรืองแสงประหลาดออกมา ดวงดาวทั้งหมดที่อยู่บนท้องฟ้าตกลงมาราวกับสายธารแห่งดวงดาว พวกมันทั้งหมดกำลังเข้าไปหาไตรพอดทองแดง มันเหมือนกับว่าทั้งจักรวาลกำลังถูกดูดเข้าไปข้างในนั้น
หานเซิ่นเคยดูแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตมาก่อน ในตอนนั้นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตถูกดูดเข้าไปในไตรพอดโดยที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
จางเสวียนเต้ายังคงยืนนิ่งอยู่ในอวกาศ เขาปล่อยให้ดาวทั้งหลายเคลื่อนที่ผ่านร่างกายของเขาไป ขณะที่ตัวเขายังคงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนกับว่าพลังของไตรพอดทองแดงไม่ส่งผลอะไรกับเขา
“แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อต ใช้พลังทั้งหมดออกมา เจ้าจะได้ไม่มีอะไรต้องเสียใจในภายหลัง”
จางเสวียนเต้าเป็นเหมือนกับเทพที่กำลังยืนระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน พลังทุกอย่างในโลกดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรกับเขา
แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวโกรธ ไตรพอดทองแดงเรืองแสงสว่างไสวยิ่งกว่าเดิม แสงเหล่านั้นมาจากรอยแกะสลักบนไตรพอด บางรอยแกะสลักนั้นเป็นดวงดาว บางรอยแกะสลักเป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนรอยแกะสลักที่เหลือเป็นพืช
ทุกสสารนั้นเป็นสัญลักษณ์บนไตรพอดทองแดงนั่น ขณะที่สัญลักษณ์เหล่านั้นเรืองแสงออกมา พลังของทั้งจักรวาลก็ดูเหมือนจะไหลไปหาไตรพอดทองแดง มันทำให้พลังของไตรพอดทองแดงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“มันกำลังใช้พลังของจักรวาล แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตนี่น่ากลัวจริงๆ” หานเซิ่นหวาดกลัวเล็กน้อย
พระเจ้ามองไปที่แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตด้วยความสนใจ
“แอนเชี่ยนท์ก็อตเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด พรสวรรค์ของพวกเขาสูงสุดในบรรดาเผ่าพันธุ์ชั้นสูงทั้งหมด แต่ประชากรของพวกเขาก็มีน้อยที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหมดเช่นกัน พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุด แต่ทุกวันนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่แค่นั้น พวกเขาแทบจะไม่พัฒนาขึ้นเลยสักนิดเดียว”
“พวกเขาเป็นถึงขั้นทรูก็อตเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะพัฒนาต่อไปได้ยังไง? หรือเจ้าหมายถึงการเข้าไปในจีโนฮอลล์?” หานเซิ่นพูด
พระเจ้าส่ายหัวและพูดต่อไปว่า “แต่มันจะโทษพวกเขาก็ไม่ได้ เผ่าพันธุ์อื่นมีขั้นบันไดนับไม่ถ้วนให้ก้าวขึ้นไป ขณะที่พวกเขามีขั้นบันไดอยู่แค่สองถึงสามขั้นเท่านั้น การที่พวกเขาก้าวขึ้นไปได้ช้านั้นถือเป็นเรื่องปกติ”
ไตรพอดได้รับพลังเสริมจากทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล พลังของมันน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตคำรามออกมาและยกไตรพอดทองแดงในมือขึ้น ไตรพอดส่งเสียงเหมือนกับการคำรามของมังกรออกมา และในขณะเดียวกันมันก็ปลดปล่อยแสงที่น่ากลัวออกมา
ภายในลำแสงนั่น หานเซิ่นเห็นเงาประหลาดบางอย่าง มันดูเหมือนกับเทพสปิริตที่กำลังเอื้อมมือไปจับตัวผู้นำปราสาทนภาที่กำลังยืนอยู่ในอวกาศ
เงานั่นดูแข็งแกร่งมากๆ หานเซิ่นคิดว่ามันแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเห็นในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน แม้แต่ดราก้อนวันที่ใช้อาวุธเผ่าพันธุ์บลัดดราก้อนรูเลอร์ ซึ่งเป็นการรวมดราก้อนระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตเจ็ดคนเอาไว้ก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเงาที่อยู่ในลำแสงนี้
เงาในลำแสงให้ความรู้สึกเหมือนกับเทพสปิริตที่สามารถทำลายโลกใบนี้ได้ มันเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัว แม้แต่หานเซิ่นที่มีจิตใจแข็งแกร่งก็ยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นตัวเล็กลงไป
“เวลาผ่านไปหลายปี แต่เจ้าก็ยังใช้วิธีเดิมๆ” ผู้นำปราสาทนภามองไปที่เงาในลำแสงด้วยความดูถูก
นิ้วหนึ่งเคลื่อนไหว และมนต์แสงก็ถูกปล่อยออกไป มันไปติดอยู่บนฝ่ามือในลำแสง
เมื่อเงาในลำแสงถูกมนต์แสงของผู้นำปราสาทนภาเข้า เขาก็รีบดึงมือของตัวเองกลับไปราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมา
มันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น มนต์แสงติดอยู่ที่ฝ่ามือของเงาก็สว่างไสวขึ้นเรื่อยๆจบกลบลำแสงที่ออกมาจากไตรพอลทองแดง
ขณะที่พลังของมนต์แสงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ขับไล่ลำแสงและเงาที่อยู่ภายในกลับเข้าไปในไตรพอลทองแดง ไม่ว่าเงาในลำแสงจะคำรามออกมาแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหยุดมันได้
“มนต์แสงของผู้นำปราสาทนภาทรงพลังมากๆ”
หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขา มนต์สังหารยีนดั้งเดิมของปราสาทนภานั้นเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นเคยเห็นมาก่อน แต่ผู้นำปราสาทนภาก็ทำให้เขารู้สึกตกใจอยู่ดี แน่นอนว่าเหตุผลหลักเป็นเพราะความจริงที่ว่าผู้นำปราสาทนภานั้นแข็งแกร่งเกินไป พลังที่เขาปล่อยออกไปนั้นทรงพลังที่สุดเท่าที่ทรูก็อตคนหนึ่งจะทำได้แล้ว
ในวินาทีต่อมาหลังจากที่มนต์แสงไปถูกไตรพอดทองแดง มันก็ไม่สำคัญว่าแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตจะมีพลังมากขนาดไหน เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังอะไรออกมาได้ มันเหมือนกับว่าไตรพอดทองแดงถูกปิดผนึกเอาไว้ และเมื่อมนต์แสงเพิ่มพลังมากขึ้น ไตรพอดทองแดงก็ดูหนักขึ้นตามไปด้วย แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตดูเหมือนจะไม่สามารถถือมันเอาไว้ได้อีกต่อไป แขนของเขาเริ่มจะถูกกดลงไปด้านล่าง
แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตคำรามอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาไม่สามารถหยุดไตรพอดทองแดงจากการร่วงลงไปได้ ที่สุดแล้วไตรพอลทองแดงก็หลุดจากมือของเขาและร่วงลงไปสู่อวกาศ
จางเสวียนเต้าสะบัดแขนเสื้อและเก็บไตรพอลทองแดงเข้าไป หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
“แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อต เจ้าให้ข้ายืมสิ่งนี้ไปสักหนึ่งพันปีในฐานะดอกเบี้ย”
แอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตโกรธจัด ร่างกายทองแดงของเขาเรืองแสงอย่างสว่างไสว มันทำให้เขาดูเหมือนกับดวงดาวที่เปล่งประกายบนท้องฟ้า เขาฉีกผ่านช่องว่างอวกาศเพื่อเข้าไปหาจางเสวียนเต้า
จางเสวียนเต้าสะบัดแขนเสื้อ และทำให้ร่างกายทองแดงของแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อตชนเข้ากับรอยแยกในอวกาศ เขาตกลงไปในรอยแยกนั้นและหายลับไป
“อีกหนึ่งพันปีให้หลัง เจ้าค่อยมารับไตรพอดกลับคืนไปจากปราสาทนภา” หลังจากที่จางเสวียนเต้าพูดแบบนั้น เขาก็หันกลับหลังและเดินจากไป ทุกสิ่งมีชีวิตตกตะลึง
“เขาแข็งแกร่งจริงๆ” หานเซิ่นรู้สึกยอมรับในความสามารถของผู้นำปราสาทนภา พลังและวิธีการของเขานั้นคล้ายคลึงกับของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ
แม้แต่พระเจ้าก็ยังชื่นชมเขา “จางเสวียนเต้าเผ่านภานี่ยอดเยี่ยมมากๆ!”
การต่อสู้ต่อมาๆนั้นเป็นอะไรที่น่าเบื่อเมื่อเทียบกับการต่อสู้ของจางเสวียนเต้า ทุกสิ่งมีชีวิตนั้นยังคงเอาแต่พูดกันถึงการต่อสู้ระหว่างจางเสวียนเต้ากับแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อต พวกเขาต่างคิดกันว่าถ้าไม่ใช่เพราะกฎที่ว่าหนึ่งคนจะท้าชิงได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จางเสวียนเต้าก็คงจะได้อันดับที่สูงกว่านั้น หรืออาจจะแย่งอันดับที่สองของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮได้เลย
วันต่อๆมา ถึงแม้จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่หลายคู่ แต่มันก็ไม่มีการต่อสู้ไหนที่ดีเท่ากับของจางเสวียนเต้า
เมื่อเห็นว่ามันถึงวันสุดท้ายแล้ว ในที่สุดหานเซิ่นก็ตัดสินใจจะท้าชิงอันดับ เป้าหมายของเขาก็คือเทพช้างมาฮา