หลังจากที่พระเจ้าจากไปแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เขากลัวว่าโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นอาจจะถูกรังแก เพราะความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้า
แต่หานเซิ่นรู้ว่าถึงจะกังวลไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาแค่ต้องกลายเป็นขั้นทรูก็อตและเข้าไปในจีโนฮอลล์ให้เร็วที่สุด
หานเซิ่นเริ่มคิดเกี่ยววิธีการที่จะบุกเข้าไปในเผ่าบุดด้าเพื่อเอามีดเปล่ากลับคืนมาและแก้แค้นเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า พลังของมีดนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อหานเซิ่นอย่างมาก มันเป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ่เอาชนะสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่า เขาคิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์ภายในจีโนฮอลล์
จากข้อมูลที่หานเซิ่นรวบรวมมา ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของจักรวาลจีโน ยอดฝีมือที่เข้าไปในจีโนฮอลล์นั้นต่างก็มีอาวุธขั้นทรูก็อตอยู่ ซึ่งจากประสบการณ์การต่อสู้กับเทพสปิริตของหานเซิ่น พลังของขั้นทรูก็อตนั้นส่งผลต่อเทพสปิริต
พลังที่ต่ำกว่าขั้นทรูก็อตนั้นจะไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเทพสปิริตได้ พวกมันทั้งหมดจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นต้องการจะกลายเป็นขั้นทรูก็อต ก่อนที่จะเข้าไปในจีโนฮอลล์
‘หนึ่งในหัวแกะของลูกบาศก์สี่แกะนั้นจะส่งเราไปยังสถานที่ฮอไรซอนทอลอีวิลถูกจับตัวเอาไว้ อีกหัวจะส่งเราไปที่ฟาร์มของพระเจ้า และอีกหนึ่งนำเราไปสถานที่รวมตัวของซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวมากมาย แล้วหัวแกะหัวสุดท้ายจะส่งเราไปที่ไหนกัน ถ้าเราใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อเทเลเพอร์ตและเดินทางด้วยชื่อของหานเซิ่น แม้แต่พระเจ้าก็คงจะหาเราไม่เจอ’
หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็ตัดสินใจจะลองดู
ในอดีตเขาจะหวาดกลัวเกี่ยวกับสถานที่ที่ลูกบาศก์สี่แกะจะส่งเขาไป แต่ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ เขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต แถมเขายังมีวิชากาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นอยู่ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากนัก
ที่หานเซิ่นไม่ต้องการใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นในการเดินทางก็เพราะเขากลัวว่าพระเจ้าอาจจะจับเส้นทางการเทเลพอร์ตของเขาได้ แต่ทว่าการเทเลพอร์ตของลูกบาศก์สี่แกะนั้นเกือบจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้ หานเซิ่นรู้ว่าพลังในการเทเลพอร์ตของมันนั้นแตกต่างไปจากการเทเลพอร์ตอื่นๆ มันยากที่พระเจ้าจะตามรอยเขาได้
หานเซิ่นแค่จำเป็นต้องใช้พลังในการเทเลพอร์ตของลูกบาศก์สี่แกะเพื่อไปจากที่นี่ หลังจากนั้นเขาก็จะออกจากโหมดซีโน่เจเนอิคและกลับไปเป็นหานเซิ่นอีกครั้ง มันจะไม่มีใครรู้ว่าเขาคือดอลลาร์ หลังจากนั้นเขาก็จะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตไปที่ไหนก็ได้
หานเซิ่นเข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์และเลือกปราสาทที่ไม่มีซีโน่เจเนอิคอยู่ภายใน หลังจากนั้นเขาก็เปิดระบบป้องกันของมันและใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อหยุดการหมุนของฟันเฟืองจักรวาลทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็เอาลูกบาศก์สี่แกะออกมาและกดหัวแกะหัวสุดท้ายลง
ปลาทองสีดำและขาวว่ายวนเป็นวงกลมด้วยความเร็วสูงและดูดหานเซิ่นเข้าไปในลูกบาศก์สี่แกะ ในตอนที่เขาคลานออกมาจากลูกบาศก์สี่แกะอีกครั้ง เขาไม่ได้อยู่ในโหมดซีโน่เจเนอิคอีกแล้ว ตอนนี้เขาดูเหมือนกับหานเซิ่น
หานเซิ่นมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่เขาไม่เห็นซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวรอบๆ ทั้งหมดที่เขาเห็นคือความว่างเปล่าของอวกาศ ไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่ เขาเห็นปราสาทที่ใหญ่ยิ่งกว่าดวงดาว ปราสาทนั่นดูเหมือนกับอสูรสีดำขนาดยักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในอวกาศ มันถูกทำขึ้นมาจากโลหะที่ดูเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง
ปราสาทนั้นดูเหมือนจะเคยได้รับความเสียหายมาก่อน มันดูผุพังและค่อนข้างเก่าแก่ มันเหมือนกับเครื่องจักรในกองขยะ
หานเซิ่นสัมผัสไม่ได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้นเขาจึงบินเข้าไปหาปราสาท เขาอยากจะเห็นว่ามันเป็นสถานที่แบบไหน ถ้าเขาจะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่น เขาจำเป็นต้องรู้ทิศทางที่จะมุ่งหน้าไปซะก่อน ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของจักรวาล
หานเซิ่นรีบเข้าไปหาปราสาทโลหะ และในตอนที่เขาเข้าไปใกล้ๆ มันก็ดูยับเยินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ โครงสร้างโลหะของปราสาทนั้นเต็มไปด้วยรอยแหว่งขนาดใหญ่ มันดูเหมือนกับรอยที่เกิดจากกรงเล็บของอสูรขนาดยักษ์
โชคดีที่ประตูของปราสาทโลหะนั้นยังสมบูรณ์ดี หานเซิ่นเห็นคำสองคำที่เขียนเอาไว้ “วิหารโลหะ”
“วิหาร… นั่นหมายความว่านี่แห่งอยู่ภายในจีโนฮอลล์อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเป็นวิหาร
หานเซิ่นคิดต่อไป ‘ไม่สิ ที่นี่คือจักรวาลจีโน มันแตกต่างไปจากบริเวณที่วิหารสกายไวน์แรดิชก็อตตั้งอยู่ บางทีเราอาจจะคิดมากเกินไป บางทีวิหารโลหะนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวิหารของเทพสปิริต’
หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อสแกนวิหารโลหะ ถ้าที่นี่เป็นวิหารแบบนั้นจริงๆล่ะก็ มันก็ควรจะมีเทพสปิริตอยู่ภายใน
หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา เมื่อเขาสัมผัสถึงพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกับเทพสปิริตไม่ได้
“เราคิดมากไปจริงๆ มันไม่มีทางเป็นวิหารแบบนั้นไปได้”
หานเซิ่นดันประตูเปิดออกและเดินเข้าไปในวิหารโลหะ ภายในนั้นเต็มไปด้วยโลหะที่ผุพังจำนวนมาก ปราสาทนั้นใหญ่โตยิ่งกว่าดวงดาว เขาไม่ได้เห็นภายในของปราสาททั้งหมด มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าเกิดการต่อสู้แบบไหนขึ้นถึงทำให้ที่นี่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
หานเซิ่นบินไปเรื่อยๆและสำรวจที่นี่ต่อไป เนื่องจากวิหารโลหะนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก มันจึงบอกได้ยากว่าเดิมที่มันเคยเป็นยังไงกันแน่ แถมรูปร่างของสิ่งก่อสร้างนั้นก็ดูแปลกประหลาดมากๆ มันแตกต่างไปจากสิ่งก่อสร้างที่หานเซิ่นเคยเห็นมาก่อน
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นบางสิ่งที่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
ภายในซากปรักหักพังที่เกลื่อนเต็มไปหมด หานเซิ่นสังเกตเห็นสิ่งที่ดูคล้ายคลึงกับแท่นบูชาที่เขาเคยเห็นในวิหารสกายไวน์แรดิชก็อต แท่นนั้นสามารถชุบชีวิตของสกายไวน์แรดิชได้
หานเซิ่นโบกมือเพื่อเคลื่อนย้ายเศษโลหะทั้งหมดออกไป ตอนนี้เมื่อแท่นบูชาเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หานเซิ่นก็แน่ใจว่ามันเหมือนกับที่เขาเคยเห็นในวิหารสกายไวน์แรดิชก็อตจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ สไตล์หรือเนื้อของแท่นบูชาก็เหมือนกันไม่มีผิด
“ที่นี่คือวิหารจริงๆ? แต่วิหารของเทพสปิริตจะดูย่อยยับแบบนี้ได้ยังไงกัน? แถมมันยังมาอยู่ในจักรวาล… วิหารนั้นควรจะอยู่ภายในจีโนฮอลล์ไม่ใช่หรอ” หานเซิ่นรู้สึกสับสน
หานเซิ่นลองเก็บกวาดบริเวณรอบๆโดยหวังว่าเขาจะหาเบาะแสอะไรได้บ้าง หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าแท่นบูชานั้นไม่สมบูรณ์ พลังบางอย่างทำลายบางส่วนของมันไป
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่? วิหารของเทพสปิริตถูกทำลายได้ยังไง ใครกันที่มีพลังพอจะทำลายวิหารของเทพสปิริตและนำมันมาไว้ในจักรวาลแบบนี้?”
ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้น เขาก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจากระยะไกล หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวๆ เขารีบซ่อนออร่าของตัวเองและหนีไปหลบหลังกำแพงโลหะ
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งมาถึงหน้าวิหาร มันยืนอยู่หน้าประตูและพูดขึ้นว่า “วิหารโลหะ” สิ่งมีชีวิตนั้นจ้องไปที่คำสองคำหน้าวิหาร
หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อดูว่านั่นคือใครกันแน่ และเขาก็ค้นพบว่าที่มานั้นเป็นชายคนหนึ่งที่มีผมสีขาว แต่น่าแปลกที่ถึงแม้เขาจะมีเส้นผมสีขาว แต่เขาก็ไม่ได้ดูแก่เลยสักนิดเดียว เขาดูเหมือนกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ชายคนนั้นจ้องไปที่วิหารโลหะอยู่สักพักก่อนที่จะถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“มันผ่านไปนานหลายปี ในที่สุดข้าไท่อีก็ได้กลับมาที่นี่”