Super God Gene – ตอนที่ 2899 วิหารเหลือง

ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆไม่ได้ประหลาดใจอะไร พวกเขาจะประหลาดใจมากกว่าถ้าการทดสอบของสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์นั้นเป็นอะไรที่ง่าย ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย

“ถ้าพวกเราผ่านการทดสอบแรกได้แล้ว พวกเราก็ไปกันต่อเถอะ” ไป๋ว่านเจี้ยพูดและเริ่มเดินออกไปหาสะพานที่ลอยขึ้นมาจากทะเล

องค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆเดินตามไป แต่หานเซิ่นไม่ได้ทำแบบนั้น เขาเดินผ่านประตูของวิหารแดงเพื่อเข้าไปดูข้างใน

ทันใดนั้นโลงศพโลหะก็เปิดออกอีกครั้งหนึ่ง และหานเซิ่นก็เห็นมอนสเตอร์คริสตัลที่มีร่างกายโปร่งใสออกมาจากโลงศพ

“จริงๆด้วย สิ่งมีชีวิตนี่ดูเหมือนกับสปิริต แต่มันไม่ได้เหมือนซะทีเดียว” หานเซิ่นมองไปยังอันเดดที่โปร่งใสอย่างครุ่นคิด

ในตอนที่อันเดดปรากฏตัวออกมา มันก็ชกหมัดเข้าใส่หานเซิ่น หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะตอบโต้อะไร เขาต้องการจะรับหมัดตรงๆเพื่อสัมผัสพลังของมัน

ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ ถึงแม้เขาจะรับหมัดนั้นตรงๆ เขาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างมากเขาก็คงจะรู้สึกเหมือนถูกยุงกัด

แต่หมัดที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงของอันเดดมาไม่ถึงตัวหานเซิ่น มีหมัดของอีกคนชกเข้ามาปะทะกับมันซะก่อน มันทำให้อันเดดกระเด็นออกไปด้านหลัง

หานเซิ่นหันกลับไปมองและเห็นไป๋เวยที่โซเซออกไปด้านหลัง

“ที่นี่มันอันตราย เจ้าควรถอยออกไป!” ไป๋เวยพูด หลังจากนั้นเธอก็เข้าไปปะทะกับอันเดดอีกครั้ง

มันเป็นหมัดช็อคกิ้งสกายปะทะหมัดช็อคกิ้งสกาย ไป๋เวยและอันเดดนั้นต่อสู้กันอย่างดุเดือด

หมัดช็อกกิ้งสกายของไป๋เวยนั้นทรงพลังมากๆ แต่หมัดช็อคกิ้งสกายของอันเดดก็เป็นอะไรที่แปลกประหลาด มันยากที่จะตัดสินได้ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ

หมัดช็อคกิ้งสกายของไป๋เวยเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆในระหว่างการต่อสู้ ไม่นานเธอก็เริ่มใช้หมัดช็อกกิ้งสกายของอันเดด หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าไป๋เวยกำลังใช้อันเดดเพื่อฝึกหมัดช็อคกิ้งสกายของตัวเอง

พรสวรรค์ของเธอนั้นสูงมากๆ ในเวลาเพียงไม่นานเธอก็ใช้หมัดช็อกกิ้งสกายของอันเดดได้อย่างคล่องแคล่ว

ปัง!
อันเดดถูกชกและแตกกระจายเป็นชิ้นๆก่อนที่จะละเหยเหมือนกับน้ำ

“อันเดดระดับเริ่มต้นถูกฆ่า” เสียงที่เหมือนกับหุ่นยนต์ดังขึ้นจากวิหารแดงอีกครั้ง และโลงศพโลหะก็ปิดตัวเองในทันที

ไป๋หลิงซวงยิ้มและเดินเข้าไปหาไป๋เวยขณะที่พูดขึ้นว่า “ไป๋เวย วิชาหมัดของเจ้าพัฒนาขึ้นมาก”

“ขอบคุณพี่สิบ มันเป็นเพียงแค่วิชาพื้นฐานของเอ็กซ์ตรีมคิง” ไป๋เวยตอบ

ขณะที่เธอกำลังพูดคุยกัน โลงศพโลหะก็เปิดขึ้นอีกครั้งและมีอันเดดที่เหมือนกันออกมาอีก

ปัง!
ในจังหวะที่อันเดดเพิ่งจะออกมา ไป๋หลิงซวงก็สะบัดมือของเธอ แสงน้ำแข็งพุ่งไปแช่ร่างกายของอันเดดจนกลายเป็นน้ำแข็งก่อนที่จะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

หลังจากที่คุ้นเคยกับรูปแบบการโจมตีและการเคลื่อนไหวของอันเดดนี่แล้ว เหล่าองค์ชายและองค์หญิงก็สามารถจำกัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย

“พวกเรารีบออกไปจากวิหารแดงกันเถอะ ไม่อย่างนั้นมันจะมีอันเดดออกมาเรื่อยๆ”
ไป๋หลิงซวงพูด หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปจากวิหารแดง

หานเซิ่นและไป๋เวยก็ออกไปจากวิหารแดงเช่นกัน หลังจากที่ออกไปแล้วหานเซิ่นก็หันกลับไปมองและเห็นว่าโลงศพโลหะนั้นปิดสนิท มันไม่มีอะไรออกมาอีก

‘อันเดดนั่นดูเหมือนกับสปิริตจริงๆ พวกมันเหมือนกันซะจนน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งออร่าของพวกมัน นี่เป็นอะไรที่แปลกมากๆ’
หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดต่อไปว่า ‘ซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์สูญเสียสปิริตของพวกมันไป นี่มันจะเกี่ยวข้องกับอันเดดที่อยู่ที่นี่ไหมนะ?’

หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเองกำลังค้นพบเรื่องบางอย่าง แต่มันยังคงไม่กระจ่าง เขารู้ว่าจำต้องคิดให้หนักกว่านี้เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างพวกมัน เพราะยังไงซะคำตอบของเรื่องต่างๆก็ไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆ

“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ มันมีเหตุผลบางอย่างที่ท่านพ่อส่งท่านมาที่อย่างนั้นใช่ไหม?” ไป๋หลิงซวงเดินเข้ามาตรงหน้าหานเซิ่น เธอลดตัวลงและยิ้มให้กับเขา

“มันจะมีเหตุผลอะไรได้?” หานเซิ่นถาม

“อย่างเช่นการสังเกตและบันทึกผลงานขององค์ชายและองค์หญิงแต่ละคน?” ไป๋หลิงซวงเข้ามากระซิบที่ข้างหูของหานเซิ่น

หลังจากนั้นไป๋หลิงซวงก็ลุกขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราไปกันเถอะ คนอื่นๆคงจะข้ามไปเกาะต่อไปแล้ว ถ้าพวกเราชักช้ามากกว่านี้ พวกเราอาจจะพลาดของดีๆ”

หลังจากนั้นไป๋หลิงซวงก็เดินไปบนสะพานด้านหลังวิหารแดง

หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ไป๋หลิงซวงคาดเดาถูกแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เธอคงจะไม่เคยฉุกคิดเลยสินะว่านอกจากต้องคอยดูพวกเขาแล้ว เรายังต้องคอยปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัย ต้องขอบอกว่าราชาไป๋คิดรอบคอบจริงๆ ถ้าเขาปล่อยให้ยอดฝีมือคนอื่นมาแทน เหล่าองค์ชายและองค์หญิงก็อาจจะรู้สึกเอะใจขึ้นมา’ หานเซิ่นเดินข้ามสะพานไปพร้อมๆกับไป๋เวย

องค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่เริ่มข้ามสะพานไปก่อนแล้ว มีองค์ชายและองค์หญิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ดูการต่อสู้ของไป๋เวย ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงช้ากว่าหน่อย ส่วนหานเซิ่น ไป๋หลิงซวงและไป๋เวยข้ามสะพานเป็นคนสุดท้าย เมื่อพวกเขาไปถึงเกาะที่สอง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามันเหมือนกับเกาะแรก บนยอดของภูเขานั้นมีวิหารที่ทำจากโลหะอยู่ เพียงแต่ว่าวิหารนี้เป็นสีเหลืองราวกับว่ามันถูกทำขึ้นมาจากทองคำ ป้ายบนบานประตูเขียนเอาไว้ว่า “วิหารเหลือง”

เมื่อประตูของวิหารเหลืองเปิดออก พวกเขาก็เห็นอันเดดโปร่งใสที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ภายในร่างกายคริสตัลมีเส้นเลือดที่เป็นสีเหลือง

พลังของอันเดดนี้เหนือกว่าอันเดดของวิหารก่อนหน้า มันยังคงใช้หมัดช็อคกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่มันสามารถไล่ต้อนไป๋ชางลังได้ ไป๋ชางลังกำลังลำบาก

เมื่อหานเซิ่นมาถึงเกาะ เขาก็สังเกตเห็นถึงความแตกต่างระหว่างอันเดดสีเหลืองกับอันเดดสีแดง

ถึงอันเดดสีเหลืองจะดูแข็งแกร่งกว่าอันเดดสีแดง แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไร ที่แตกต่างจริงๆก็คือร่างกายของอันเดดสีเหลือง มันมีผมยาวและร่างกายของมันก็ไม่ได้โปร่งใสมากเหมือนกับอันเดดสีแดง ร่างกายของอันเดดสีเหลืองสามารถมองทะลุเห็นเพียงแค่เส้นเลือดเท่านั้น ซึ่งต่างไปจากอันเดดสีแดงที่มองทะลุเห็นอวัยวะภายในด้วย มันดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าอันเดดสีแดงที่ดูเหมือนกับเครื่องจักร

อันเดดสีเหลืองนั้นคล่องแคล่วกว่าอันเดดสีแดง สติปัญญาของมันก็ดูเหนือกว่าด้วย ไป๋ชางลังนั้นใช้ร่างกายแห่งราชันเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังถูกไล่ต้อน เขาไม่สามารถชิงความได้เปรียบมาได้ ดูเหมือนว่าอีกไม่นานเขาก็จะเป็นฝ่ายแพ้

“ความรู้สึกที่คุ้นเคยรุนแรงขึ้นกว่าเดิม” หานเซิ่นมองไปที่อันเดดเหลืองและขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าอันเดดพวกนี้เกี่ยวข้องกับสปิริต

มีดของไป๋ชางลังถูกหักโดยอันเดด ซึ่งทำให้เขาจำใจต้องถอยออกมา

“ให้ข้าสู้กับมัน!” ดวงตาของไป๋ว่านเจี้ยดูเป็นประกาย เขาก้าวออกไปข้างหน้าและวิ่งเข้าไปปะทะกับอันเดดสีเหลือง

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset