“วิธีนี้ได้ผล พี่ใหญ่ขว้างลูกประคำไปใส่ไข่นั่นอีกและทำให้มันเผยสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา” ไป๋อู๋ฉางพูดอย่างตื่นเต้น
ไป๋ว่านเจี้ยเห็นด้วย เขายังคงขว้างลูกประคำออกไปใส่ไข่ยักษ์เรื่อยๆ ไข่ยักษ์ส่องสว่างและโปร่งใสมากกว่าเดิม ใบหน้าของเด็กผู้หญิงที่อยู่ภายในไข่เริ่มจะกลายเป็นอะไรที่ชัดเจน
หานเซิ่นมองไปที่ไข่ยักษ์พร้อมกับขมวดคิ้ว เขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างภายในไข่อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว เขาเห็นว่าเด็กสาวผมทองที่อยู่ข้างในนั้นกำลังจะตื่นขึ้นมา นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกกังวลใจ
‘ทำไมทางเอ็กซ์ตรีมคิงถึงได้ส่งองค์ชายและองค์หญิงของพวกเขามาที่นี่ พวกเขาต้องการอะไรกันแน่? มันไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าข้างในนี้มีอะไรอยู่? แต่ถ้าพวกเขารู้อยู่แล้ว ทำไมพวกเขาถึงยังส่งองค์ชายและองค์หญิงเข้ามาโดยที่ไม่พูดอะไร นั่นเป็นอะไรที่แปลกเกินไป’ ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด เขาก็ได้ยินไป๋หลิงซวงพูดขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าจะมีเด็กผู้หญิงผมสีทองอยู่ข้างใน” ไป๋หลิงซวงพูดขณะที่มองไปที่ไข่ยักษ์
ไป๋ว่านเจี้ยโยนลูกประคำไปกว่าเจ็ดสิบเม็ด ซึ่งทำให้ไข่ยักษ์นั้นดูโปร่งใสราวกับคริสตัล คนที่อยู่รอบๆนั้นเกือบจะเห็นใบหน้าของเด็กผู้หญิงที่อยู่ภายในไข่ได้ แต่มันยังคงไม่ชัดเจนซะทีเดียว
“นี่มันแปลกจริงๆ” ไป๋อู๋ฉางพูด
“สิ่งมีชีวิตภายในไข่ใบนี้ดูเหมือนกับหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง แต่เผ่าพันธุ์ของพวกเราไม่มีใครเกิดมาจากไข่ถูกไหม?”
ไป๋หลิงซวงกรอกตาและพูด “เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เกิดมาจากไข่ เจ้าเคยเห็นสิ่งมีชีวิตไหนเกิดมาพร้อมกับชุดนอนบ้างล่ะ?”
“เจ้าพูดถูก” ไป๋อู๋ฉางพูด “นั่นหมายความว่ามีใครบางคนขังนางเอาไว้ข้างใน บททดสอบของพวกเราคือการช่วยนางออกมาอย่างนั้นหรอ?”
“มันบอกได้ยากว่าพวกเราต้องช่วยหรือต้องฆ่านาง บางทีนางอาจจะเป็นอันเดดระดับสูงสุด”
ไป๋ว่านเจี้ยพูดขณะที่เขายังคงโยนลูกประคำใส่ไข่ยักษ์ต่อไป
ทุกคนจ้องมองไปยังเด็กผู้หญิงที่อยู่ในไข่ ยิ่งลูกประคำถูกโยนไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเด็กผู้หญิงก็เผยออกมาให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ เธองดงามราวกับนางฟ้า
ตอนนี้เธอกำลังขมวดคิ้วเหมือนว่าเธอกำลังไม่พอใจ ทุกคนกำลังจ้องไปที่เธอขณะที่ดวงตาของเธอเปิดออก มันทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ
เธอไม่ได้เหมือนกับคนธรรมดาที่จะค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากที่ตื่นจากการหลับไหล ดวงตาของเธอนั้นเปิดออกกว้างในทันที ม่านตาสีทองของเธอทำให้ดูเหมือนกับว่าเธอไม่มีตาดำ ถึงแม้เธอจะลืมตาขึ้นมา แต่ดวงตาของเธอนั้นขาดการโฟกัสราวกับคนที่กำลังเหม่อลอย มันดูแปลกประหลาดมากๆ และมันทำให้พวกเขารู้สึกหนาวขึ้นมา
ตอนนี้ไข่ยักษ์ดูเหมือนกับคริสตัลที่กำลังจะแตกร้าว ในชั่วพริบตาไข่ทั้งใบก็แตกกระจายราวกับแก้ว มันกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่ร่วงลงมาราวกับสายฝน เด็กผู้หญิงผมทองที่อยู่ข้างในถูกเผยออกมาให้เห็นอย่างสมบูรณ์
เด็กผู้หญิงผมทองลอยตัวอยู่ในภูเขา มันดูเหมือนว่ามีสายลมพัดขึ้นมาจากด้านล่างของภูเขา และทำให้เส้นผมสีทองของเธอปลิวไสว
โดยที่ไม่มีไข่ยักษ์คอยบดบัง ในที่สุดหานเซิ่นก็สัมผัสได้ถึงออร่าของเด็กผู้หญิงผมทองคนนั้น มันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ออร่าของเด็กผู้หญิงผมทองคนนี้แตกต่างไปจากหว่านเอ๋อโดยสิ้นเชิง แม้จะในตอนที่หว่านเอ๋อกำลังบ้าคลั่ง ออร่าของเธอก็จะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง และการกระทำของเธอเป็นสิ่งที่เธอทำไปโดยที่ไม่ได้รู้สึกตัว
แต่ออร่าของเด็กผู้หญิงผมทองคนนี้ทำให้หานเซิ่นคิดถึงคำสองคำ
“ออร่าของนางเหมือนกับเทพสปิริต” หานเซิ่นจ้องไปที่เด็กผู้หญิงผมทอง
หานเซิ่นเคยฆ่าสกายไวน์แรดิช อีวิลโลตัสและพระเจ้าเกราะนภามาก่อน เด็กผู้หญิงผมทองคนนี้ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับพวกเขา
ออร่าของพวกเขาเป็นอะไรที่ไม่ชัดเจน ออร่าของราชาจุนและพระเจ้านั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนี้ นี่เป็นความรู้สึกที่จะถูกปลดปล่อยออกมาโดยเทพสปิริตที่รวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตของจักรวาล
ตอนนี้เด็กผู้หญิงผมทองตรงหน้าทำให้หานเซิ่นมีความรู้สึกแบบนั้น
“นี่เด็กผู้หญิงผมทองคนนี้เป็นเทพสปิริตที่รวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตของจักรวาลอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นมองไปที่เด็กผู้หญิงผมทอง ขณะที่ความคิดแล่นผ่านหัวของเขา
ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆรวบรวมพลังของตัวเองและเตรียมตัวจะต่อสู้ ดูเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงออร่าที่น่ากลัวของเด็กผู้หญิงผมทอง
เด็กผู้หญิงผมทองค่อยๆลอยตัวขึ้นมาจากภูเขา ผมสีทองและชุดนอนสีขาวของเธอปลิวไสวไปกับสายลม
“รีบหนีเร็วเข้า!” หานเซิ่นตะโกน
ถึงแม้หานเซิ่นจะบอกไม่ได้ว่าเด็กผู้หญิงผมทองคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน แต่ออร่าของเธอเป็นของเทพสปิริตไม่ผิดแน่ ไม่ว่าเทพสปิริตคนหนึ่งจะอ่อนแอแค่ไหน มันก็ยังเหนือกว่าไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆที่เป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟอยู่ดี
“พวกเรามาถึงที่นี่เรียบร้อยแล้ว ทำไมพวกเราถึงไม่ลองดูสักตั้งก่อนที่พวกเราจะหนี? ข้าไม่ได้สนใจในบัลลังก์ แต่การทดสอบสนุกๆแบบนี้เป็นสิ่งที่ข้าจะไม่ยอดพลาดเด็ดขาด”
เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงผมทองลอยขึ้นมา ไป๋อู๋ฉางก็หัวเราะออกมา ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นโหมดภูตผีในทันที เขาปล่อยมีดแสงออกใส่เด็กผู้หญิงผมทอง
เด็กผู้หญิงผมทองทำเหมือนกับว่าเธอยังไม่ตื่น เธอลอยตัวอยู่เหนือภูเขาด้วยดวงตาที่ขาดการโฟกัส เธอไม่ได้มองไป๋อู๋ฉางที่กำลังโจมตีใส่เธอด้วยซ้ำ
มีดแสงของไป๋อู๋ฉางนั้นทรงพลัง มันพุ่งเข้าไปฟันใส่เด็กผู้หญิงผมทอง ชุดนอนของเธอถูกตัดขาดและมีดแสงก็พุ่งไปถูกผิวของเธอ แต่ทันใดนั้นมีดแสงก็ละลายหายไปโดยที่ไม่ทิ้งแม้แต่รอยแดงเอาไว้บนผิวของเธอ
หลังจากนั้นดวงตาที่ขาดการโฟกัสของเด็กผู้หญิงผมทองก็หันมามองที่ไป๋อู๋ฉางในทันที
ไป๋อู๋ฉางตั้งใจจะโจมตีอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นในจังหวะที่ทุกคนกระพริบตา พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าเด็กผู้หญิงผมทองได้หายตัวไปแล้ว
สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป เขารีบหันไปมองและเห็นไป๋อู๋ฉางที่อยู่ในโหมดภูติผีนั้นกำลังถูกเด็กผู้หญิงผมทองจับที่คอและยกให้ลอยขึ้นจากพื้น
ดวงตาของเด็กผู้หญิงผมทองยังคงขาดการโฟกัส เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เธอใช้มือข้างเดียวเพื่อยกไป๋อู๋ฉาง มันเหมือนกับว่าเธอแค่ยกไก่ตัวหนึ่งขึ้นด้วยการจับคอของมัน
ไป๋อู๋ฉางดูเหมือนกับว่าคนที่กำลังจมน้ำ เขาพยายามดิ้นรน แต่เขาทำอะไรไม่ได้ เขาแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่วินาทีเส้นผมของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเทา
“เจ้ากล้าดียังไง!” ไป๋ว่านเจี้ยทั้งตกใจและโกรธ เขาเปิดใช้ร่างกายแห่งราชันและเรียกค้อนขนาดใหญ่ออกมาทุบใส่เด็กผู้หญิงผมทอง
ไป๋หลิงซวงหยิบดาบน้ำแข็งของเธอออกมา ขณะที่ไป๋เวยเองก็ใช้หมัดช็อกกิ้งสกายเช่นกัน คนหนึ่งโจมตีเด็กผู้หญิงผมทองจากทางด้านซ้าย ขณะที่อีกคนโจมตีจากทางด้านขวา พวกเธอเองก็ต้องการจะช่วยไป๋อู๋ฉาง
ปัง!
ค้อนทุบไปที่ด้านหลังศีรษะของเด็กผู้หญิงผมทอง แต่นั่นแค่ทำให้คอของเธอขยับเพียงเล็กน้อย มันไม่ได้ทำให้เธอกระเด็นออกไปแม้แต่นิดเดียว
ไป๋หลิงซวงและไป๋เวยโจมตีศัตรูพร้อมๆกัน แต่การโจมตีของพวกเธอทำได้แค่สร้างความเสียหายกับชุดของอีกฝ่ายเท่านั้น บนผิวหนังของเด็กผู้หญิงผมทองไม่มีแม้แต่รอยแดง
เด็กผู้หญิงผมทองยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาสัมผัสค้อนขนาดใหญ่ และทำให้อาวุธระดับเทพเจ้านั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ