หานเซิ่นดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ มันเป็นอะไรที่อยู่เหนือจินตนาการของเขา หลังจากที่หว่านเอ๋อตื่นขึ้นมา แสงสีทองของเธอก็ขยายออกไปและสร้างปฏิกิริยาที่รุนแรงกับโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด มันบังคับให้หานเซิ่นต้องปล่อยเธอออกมา ไม่อย่างนั้นร่างกายของพวกเขาทั้งคู่ก็จะถูกฉีกขาด
หลังจากที่หว่านเอ๋อปรากฏตัวออกมา แสงคริสตัลรอบๆก็ถูกหยุด ภายใต้แสงสีทองของหว่านเอ๋อ ไข่คริสตัลยักษ์นั้นละลายอย่างรวดเร็วเหมือนกับน้ำแข็งใต้แสงอาทิตย์
ไม่ใช่แค่ไข่คริสตัลยักษ์เท่านั้นที่ละลาย แม้แต่เด็กผู้หญิงผมทองที่ดูเหมือนกับหว่านเอ๋อก็ละลายเช่นกัน ร่างกายของเธอเป็นเหมือนกับรูปปั้นน้ำแข็งที่ค่อยๆละลายภายใต้ความร้อน ที่สุดแล้วเธอก็กลายเป็นของเหลวไหลลงไปสู่กงล้อคริสตัลที่อยู่ที่ก้นของภูเขา
สิ่งที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือหลังจากที่ร่างกายของเด็กผู้หญิงผมทองละลายไปแล้ว มันทิ้งเงาที่ดูเหมือนกับวิญญาณเอาไว้ หานเซิ่นเห็นว่าเงานั้นมีใบหน้าของหว่านเอ๋อ มันเหมือนกับสปิริตที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้าของเธอ
หว่านเอ๋อยื่นมือออกมาเพื่อจะสัมผัสมัน และเงานั่นก็ค่อยๆหายเข้าไปในมือของหว่านเอ๋อ
หลังจากที่หว่านเอ๋อดูดกลืนเงานั่นเข้าไป ร่างกายของเธอก็ค่อยๆมัวลง เธอหันมามองที่หานเซิ่นและเรียกเขาว่า “พี่ชาย” ด้วยเสียงที่แผ่วเบาก่อนที่จะสลบไป
โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของหานเซิ่นก็จางหายไปเช่นกัน เขารีบรับตัวหว่านเอ๋อที่หมดสติเอาไว้ เขารู้สึกว่าพลังชีวิตของเธอกลับไปเหมือนกับตอนแรกที่เขาพบกับเธอ พลังชีวิตของเธอดูยุ่งเหยิงและอ่อนแอมากๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นเอาหว่านเอ๋อกลับไปไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา เขารู้สึกสับสนอย่างมาก
จากสิ่งที่หานเซิ่นรู้ในตอนนี้ เขาคิดว่าหว่านเอ๋อน่าจะเกี่ยวข้องกับเซเคร็ด แต่เขาไม่คิดว่าผู้นำเซเคร็ดนั้นจะเป็นพี่ชายที่หว่านเอ๋อพูดถึง
ถ้าผู้นำเซเคร็ดเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ และหว่านเอ๋อดูจะรักพี่ชายของเธอมากขนาดนี้ ผู้นำเซเคร็ดจะใช้เธอเป็นตัวทดลองได้ยังไงกัน?
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงผมทองในไข่ยักษ์คืออะไร แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือเด็กผู้หญิงผมทองคนนั้นมีสปิริตของหว่านเอ๋ออยู่ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกควบคุมโดยหว่านเอ๋อ
“ดูเหมือนว่าคนของเซเคร็ดจะใช้สปิริตของหว่านเอ๋อเพื่อทำการทดลอง หว่านเอ๋อถึงตกอยู่ในสภาวะที่ไม่เสถียรภาพแบบนี้ การทดลองนี้ทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไรกัน? พวกเขาคิดจะสร้างเทพสปิริตขึ้นมาอย่างนั้นหรอ? แต่ทำไมถึงได้ใช้สปิริตของหว่านเอ๋อล่ะ?”
หานเซิ่นพยายามจะคาดเดา แต่เขาไม่สามารถคิดหาคำตอบที่สมเหตุสมผลได้ มีหลายเรื่องเกินไปที่ต้องทำการคาดเดาและผลจากการคาดเดานั้นก็เป็นแค่สมมุติฐานเท่านั้น
ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิด เขาเห็นกงล้อคริสตัลเริ่มหมุน เขารู้สึกแปลกใจ เขาคิดไปว่าเด็กผู้หญิงผมทองที่ละลายไปนั้นจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
โชคดีที่สิ่งที่หานเซิ่นคิดไม่เป็นความจริงขึ้นมา หลังจากที่กงล้อคริสตัลหมุนที่ศูนย์กลางของกงล้อก็เผยให้เห็นบ่อน้ำที่มีของเหลวกึ่งโปร่งใสอยู่ครึ่งหนึ่ง
ในตอนกงล้อคริสตัลหยุดหมุน บ่อของเหลวกึ่งโปร่งใสก็เผยออกมาให้เห็นอย่างสมบูรณ์
“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกค้นพบ… ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกค้นพบ…” ในหัวของหานเซิ่นมีเสียงประกาศดังขึ้นอย่างรัวๆ
“ของเหลวในบ่อน้ำนี้… คงจะไม่ได้เป็นยีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดหรอกใช่ไหม…” หานเซิ่นรู้สึกทั้งตกใจและดีใจ เขารีบบินไปหาบ่อน้ำ
หานเซิ่นเก็บของเหลวในบ่อขึ้นมา และเขาก็ได้ยินเสียงประกาศว่าเขาได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าดังขึ้นมาในทันที
“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าจำนวนมากขนาดนี้ มันจะใช้ได้ผลกับเราไหมนะ?” หานเซิ่นกลัวว่ายีนระดับเทพเจ้าพวกนี้จะมีระดับต่ำเกินไป
หานเซิ่นลองดื่มของเหลวนั่นเข้าไป และเขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าความกังวลของเขาไม่เป็นความจริง เขาดื่มของเหลวภายในบ่อเข้าไปเล็กน้อย ในหัวของเขาก็มีเสียงประกาศว่า “ยีนระดับเทพเจ้า+1” ดังขึ้นมา
“ได้ผล… มันได้ผล… ฉันใช้มันเพื่อกลายเป็นขั้นทรูก็อต…”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจและดื่มของเหลวกึ่งโปร่งใสในบ่อเข้าไปอย่างไม่หยุด
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ‘พวกมันทั้งหมดนี่คงจะถูกเตรียมไว้ให้กับหว่านเอ๋อ? เพราะนอกจากเธอแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตก็ยากจะเอาชนะเด็กผู้หญิงผมทองคนนั้นได้’
หานเซิ่นคิดว่าตัวเองคิดถูกแล้ว “ยังไงซะเธอก็ใช้มันไม่ได้ ตอนนี้ให้ฉันใช้มันแทนเธอละกัน แถมเธอยังอาศัยอยู่ภายในตัวฉันเป็นเวลานาน เธอจำเป็นต้องจ่ายค่าเช่า”
หานเซิ่นคิดจะเอาของเหลวกึ่งโปร่งใสทั้งหมดไป แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าถ้าออกของเหลวออกไปจากบ่อ พวกมันก็จะเน่าเสียอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่สามารถขนย้ายมันไปได้ เขาจำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อดึ่มของเหลวกึ่งโปร่งใสเข้าไปจนหมด
หลังจากที่หานเซิ่นดึ่มของเหลวกึ่งโปร่งใสภายในบ่อเข้าไปจนหมดแล้ว เขาก็ได้ยีนระดับเทพเจ้า
“น่าเสียดาย! เราขาดอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น” หานเซิ่นเลียริมฝีปากของเขาและบินออกจากภูเขา
หลังจากที่บินออกมา เขาก็ไม่เห็นองค์ชายและองค์หญิงอยู่เลยสักคน เขานับเวลาที่อยู่ภายในหุบเขาและรู้สึกตัวว่าเวลาหนึ่งเดือนนั้นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่รู้ว่าเครื่องเทเลพอร์ตที่กระดูกของมังกรปีศาจอวกาศจะยังใช้ได้อยู่ไหม”
หานเซิ่นกลับไปที่เกาะแรกสุด “ถ้าเราใช้มันไม่ได้ เราก็คงจะต้องใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อออกไปจากที่นี่”
“จริงๆด้วย หลังจากผ่านเวลาที่ถูกกำหนดไป มันก็ใช้งานไม่ได้อีกแล้ว”
หานเซิ่นกลับไปที่โครงกระดูกของมังกรปีศาจอวกาศและค้นพบว่าเครื่องเทเลพอร์ตไม่สามารถใช้งานได้ เขาไม่สามารถเปิดใช้งานมันจากข้างในได้
“ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าราชาไป๋พยายามจะหลอกเราหรือเปล่า เราไม่ควรกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงอีก เราควรใช้โอกาสนี้เพื่อหนีไปจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงซะเลย”
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นไม่ต้องการไปจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็เพราะทรัพยากรที่พวกเขามีอยู่ แต่ตอนนี้หานเซิ่นเกือบจะเลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อตได้แล้ว การอยู่ที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจึงไม่ได้สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป
“เสียดายก็แต่เรามีแผนที่จะพากิเลนโลหิตออกมาจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงด้วยกัน ตอนนี้เราทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว เราจำเป็นต้องคิดหาวิธีอื่น”
หานเซิ่นใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อออกไปจากสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อกลับไปที่สเปชการ์เด้น เขาใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบที่นั่นอยู่สักพักหนึ่ง เขาต้องการยีนระดับเทพเจ้าอีกแค่หกยีนเพื่อเลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อต โชคร้ายที่มันต้องใช้ยีนจากซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายขึ้นไปเพื่อจะเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าของเขาตอนนี้ ซึ่งภายในสเปชการ์เด้นนั้นไม่มีพืชซีโน่เจเนอิคที่มีระดับสูงขนาดนั้น หานเซิ่นจึงต้องหามันจากที่อื่น
‘เราต้องการยีนระดับเทพเจ้าอีกแค่หกยีนเท่านั้น การฆ่าซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายอีกสามตัวก็คงจะเพียงพอ บางทีเราควรจะลองกลับเข้าไปในก็อตแอเรีย ที่นั่นเราอาจจะหาพวกมันได้’
เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็เปิดประตูเข้าไปในก็อตแอเรียโดยที่ใช้ฐานะของหานเซิ่น
“ก็อตฟาเธอร์หาน!” ในจังหวะที่หานเซิ่นมาถึงก็อตแอเรีย เขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขาปรากฏตัว ระดับเทพเจ้าคนหนึ่งสังเกตเห็นหานเซิ่นและเขาก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ มันทำให้ระดับเทพเจ้าคนอื่นๆหันมามองที่หานเซิ่น