Super God Gene – ตอนที่ 2908 ซีโน่เจเนอิคแปลกๆ

สมญานามก็อตฟาเธอร์หานที่เขาได้รับนั้นยังคงเป็นที่พูดถึงกันไปทั่วจักรวาล เขาทำให้ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ลดระดับจากขั้นทรูก็อตมาอยู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย และเขาก็ลดระดับของเบิร์นนิ่งแลมปจากขั้นบัตเตอร์ฟลายให้กลายเป็นสามัญชนคนหนึ่ง เรื่องนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไปและทำให้ผู้คนทั้งจักรวาลเอาแต่พูดถึงมัน

 

ถึงแม้ตอนนี้หานเซิ่นจะเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่ในจักรวาลนี้ไม่มีใครกล้าจะปฏิบัติกับเขาเหมือนกับระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายคนหนึ่ง

 

หานเซิ่นหันไปมองกลุ่มคนที่ตะโกนขึ้นมาและสังเกตว่าพวกเขามีกันอยู่แปดคน พวกเขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่มาจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน

 

พวกเขาแต่ละคนนั้นดูคุ้นๆ หานเซิ่นเคยเห็นพวกเขาในการประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน แต่ผลงานของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นอะไร นั่นทำให้หานเซิ่นไม่สามารถจำชื่อพวกเขาได้

 

‘คนพวกนี้ไม่ใช่คนเผ่าพันธุ์เดียวกัน พวกเขามาทำอะไรกันที่นี่?’ หานเซิ่นคิด

 

ยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามักจะร่วมมือกันอยู่บ่อยๆ แต่โดยปกติแล้วมันจะเป็นการร่วมมือกันของมิตรสหายสามถึงห้าคน มันถือว่าหาได้ยากที่จะเห็นระดับเทพเจ้าจากหลายเผ่าพันธุ์มาอยู่ด้วยกันมากขนาดนี้

 

ระดับเทพเจ้าทุกคนจดจำหานเซิ่นได้ พวกเขาจึงเข้ามาทักทายหานเซิ่น

 

ระดับเทพเจ้าที่ดูเหมือนกับหนูพูดขึ้นว่า

“ก็อตฟาเธอร์หาน มันถือเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบกับก็อตฟาเธอร์หานที่นี่ นี่คือวันที่โชคดีของข้า…”

ขณะที่เขาพูด หางที่เล็กแต่ยาวของเขาก็โบกไปมา มันทำให้ผู้คนรู้สึกรำคาญที่ได้เห็นมัน

 

หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ ระดับเทพเจ้าที่ดูเหมือนกับหนูก็พูดต่อว่า

“ข้าอยากจะขอให้ก็อตฟาเธอร์หานช่วยอวยพรให้กับข้า ข้าอยากรู้ว่าก็อตฟาเธอร์หานจำเป็นต้องใช้สิ่งของอะไรเพื่อจะอวยพรให้กับข้าบ้าง?”

 

ทุกสิ่งมีชีวิตรู้ว่าหานเซิ่นไม่ได้จำเป็นต้องใช้สิ่งของอะไรเพื่อจะอวยพรให้กับคนอื่น ที่เขาถามออกไปแบบนั้นเหมือนกับเป็นการถามว่าการอวยพรของหานเซิ่นนั้นราคาเท่าไหร่

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “การอวยพรให้กับเจ้าเป็นเรื่องง่าย แค่สมบัติขั้นทรูก็อตหนึ่งชิ้น ข้าก็จะอวยพรให้กับเจ้า แต่ข้าไม่รับประกันว่าเจ้าจะเพิ่มระดับขึ้น”

 

หานเซิ่นตั้งราคาที่สูงก็เพื่อเป็นการปฏิเสธแบบอ้อมๆ มันไม่มีใครจะยอมมอบสมบัติขั้นทรูก็อตเพื่อการอวยพรของเขา หานเซิ่นนั้นไม่ได้ต้องการจะใช้วิชาโลหิตชีพจร

 

สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าทั้งหมดดูผิดหวัง พวกเขาเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ ดังนั้นพวกเขาไม่มีสมบัติขั้นทรูก็อตที่จะมอบให้กับหานเซิ่น

 

แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะโต้แย้งอะไร พวกเขาไม่ต้องการจะยั่วโมโหหานเซิ่น พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะเลื่อนมาสู่ระดับเทพเจ้า ถ้าพวกเขาต้องกลับกลายเป็นสามัญชน มันก็จะเป็นอะไรที่น่าเศร้า ไม่ใช่แค่กับตัวของพวกเขา มันจะส่งผลกระทบต่อตั้งเผ่าพันธุ์ของพวกเขา

 

มันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเผ่าบุดด้าและเผ่าเดสทรอยเยอร์ บุดด้านั้นแทบจะรักษาบุดด้าคิงดอมเอาไว้ไม่ได้ ส่วนเผ่าเดสทรอยเยอร์ก็กำลังถูกรุกรานโดยศัตรูเก่า

 

หานเซิ่นมองไปที่พวกเขาและถาม “พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่?”

 

ระดับเทพเจ้าที่ดูเหมือนกับหนูรีบตอบในทันที “ก่อนหน้านี้มันเพิ่งจะเกิดก็อตสปิริตสตอร์มขึ้น ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งปรากฏออกมาจากก็อตสปิริตสตอร์มนั้น พวกเราคิดว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวนั้นประหลาดมากๆ พวกเรายังกำลังพูดถึงเรื่องของมัน”

 

“มันแปลกประหลาดยังไง?” หานเซิ่นถาม

 

ทุกคนอธิบายเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่พวกเขาพบให้หานเซิ่นฟัง ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟในที่นี่อยู่ในบริเวณเดียวกันในตอนที่เกิดก็อตสปิริตสตอร์มขึ้น

 

ซีโน่เจเนอิคในก็อตแอเรียนั้นจะปรากฏตัวมาออกมาพร้อมกับก็อตสปิริตสตอร์ม

 

แต่ทว่าซีโน่เจเนอิคที่พวกเขาเห็นภายในก็อตสปิริตสตอร์มนั้นแตกต่างไปจากปกติ ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเป็นแผ่นหินที่มีความสูงสามสิบฟุต แผ่นหินแผ่นนั้นห่อหุ้มไปด้วยแสงสว่าง แม้แต่คนตาบอดก็มองเห็นมันได้จากระยะไกลเป็นพันไมล์

 

พวกเขารีบเข้าไปตรงหน้าแผ่นหิน แต่แผ่นหินนั้นไม่ได้มีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์อะไรเขียนเอาไว้ มันไม่มีรูปภาพถูกวาดเอาไว้เช่นกัน มันมีเพียงแค่รอยสามรอย

 

รอยสามรอยนั้นเรียงลำดับความใหญ่จากด้านบนลงด้านล่าง รอยแรกนั้นเป็นรอยฝ่ามือของมนุษย์ที่ดูใหญ่กว่าปกติ

 

รอยที่สองเป็นอุ้งเท้าของแมวที่ขนาดเล็กลงมา แต่มันก็ยังคงใหญ่กว่าปกติเช่นเดียวกัน

 

รอยที่สามเป็นรอยเท้าวัว แต่ทว่ารอยเท้าวัวนี้มีขนาดปกติ มันเป็นรอยเท้าเล็กๆ

 

รอยประทับทั้งสามบนแผ่นหินนั้นปลดปล่อยแสงที่สว่างไสวออกมา

 

ภายในก็อตแอเรียนั้น ซีโน่เจเนอิคทั้งหมดเป็นอะไรที่แปลกประหลาด มันจึงไม่ได้ถือว่าแปลกอะไรที่ซีโน่เจเนอิคจะเป็นหิน ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟพวกนี้ต้องการจะทำลายแผ่นหินเพื่อจะดูว่าพวกเขาจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากลับไปไหม

 

แต่ในตอนที่พวกเขาโจมตีใส่แผ่นหิน พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรแผ่นหินได้ แต่แสงบนแผ่นหินนั้นสว่างยิ่งกว่าเดิม แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แผ่นหินไม่ได้ตอบโต้อะไรการโจมตีของพวกเขา

 

“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? นี่แผ่นหินซีโน่เจเนอิคนั้นยังอยู่แถวๆนี้ไหม?”

ซีโน่เจเนอิคที่ออกมาจากก็อตสปิริตสตอร์มบางตัวนั้นจะยังไม่หายไปในตอนที่ก็อตสปิริตสตอร์มสิ้นสุด ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นถามออกไปแบบนั้น

 

“มันยังคงอยู่แถวๆนี้ แต่แผ่นหินไม่ได้เรืองแสงอีกแล้ว ถ้าพวกเราไม่เห็นมันเรืองแสงออกมา มันก็คงจะไม่มีใครคิดว่านั่นคือซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ถ้าก็อตฟาเธอร์หานเห็นมัน ก็อตฟาเธอร์หานก็คงจะคิดว่ามันเป็นแค่แผ่นหินธรรมดาๆ”

สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหนูหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ก็อตฟาเธอร์หาน ถ้าก็อตฟาเธอร์หานสนใจ พวกเราจะพาก็อตฟาเธอร์หานไปดูมัน”

 

“รบกวนด้วย” หานเซิ่นกังวลว่าจะหาซีโน่เจเนอิคระดับสูงไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคที่แปลกประหลาดนี้ เขาก็คิดว่ามีโอกาสสูงที่แผ่นหินนี่จะเป็นซีโน่เจเนอิคระดับสูง

 

หานเซิ่นบินตามคนอื่นๆไปกว่าสามพันไมล์ และที่สุดแล้วเขาก็ได้เห็นแผ่นหินที่คนอื่นพูดถึง

 

แผ่นหินนั้นดูไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ไม่มีรอยแกะสลักอะไรอยู่บนผิว มันดูเหมือนกับแผ่นหินขนาดใหญ่ธรรมดาๆแผ่นหนึ่ง

 

หานเซิ่นมองที่แผ่นหินและเห็นรอยสามรอยที่คนอื่นพูดถึง พวกมันเป็นเหมือนกับที่พวกเขาบรรยายให้ฟัง

 

แต่นอกจากแผ่นหินแล้ว มันมีคนๆหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างหน้ารอยทั้งสามรอย คนๆนั้นก็คือไป๋อู๋ซาง เขาเป็นหนึ่งในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงที่เข้าร่วมการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน

 

หานเซิ่นได้ยินว่าไป๋อู๋ซางเป็นคนที่เหนือกว่าราชาไป๋ซะอีก เขาเป็นคนจากยุคสมัยเดียวกับราชาเป่า เขาติดอันดับหนึ่งในสิบในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน

 

หานเซิ่นไม่ได้ดูการต่อสู้ของไป๋อู๋ซาง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไป๋อู๋ซางมากนัก

 

ก่อนที่จะถึงการต่อสู้จัดอันดับท็อปหนึ่งร้อย หานเซิ่นไม่ได้ดูการต่อสู้ของคนอื่นมากนัก เขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นความสามารถของไป๋อู๋ซาง และในการต่อสู้จัดอันดับท็อปหนึ่งร้อย มันก็ไม่มีใครกล้าท้าสู้กับไป๋อู๋ซาง และไป๋อู๋ซางก็ไม่ได้ท้าสู้กับใครคนไหน

 

ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรู้แค่ว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่แข็งแกร่งขนาดไหนนั้น หานเซิ่นไม่อาจจะรู้ได้

 

ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟหลายคนเข้าไปโค้งคำนับไป๋อู๋ซาง ไม่มีใครกล้าจะเสียมารยาทกับเขา

 

หานเซิ่นแค่ยืนดูอยู่เฉยๆ ตัวตนของเขาในตอนนี้คือหานเซิ่นที่มีความบาดหมางกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง เขาจะไม่พูดคุยกับระดับเทพเจ้าจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง

 

ไป๋อู๋ซางไม่ได้สนใจเหล่าสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่เข้าไปทำความเคารพ เขาแค่จ้องมองไปที่แผ่นหิน

 

ถึงจะถูกเมินเฉย แต่เหล่าสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมา พวกเขาแค่ถอยกลับออกมา

 

ไป๋อู๋ซางมองไปที่แผ่นหินอยู่สักพัก หลังจากนั้นเขาก็ยกหมัดขึ้นและชกใส่แผ่นหิน

 

เขาใช้วิชาหมัดช็อกกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง มันเป็นหมัดที่ดูเรียบง่าย แต่พลังของมันสามารถสยบได้ทั้งท้องฟ้าและผืนดิน

 

ตูม!

เขาชกไปถูกแผ่นหินและทำให้ผิวของแผ่นหินยุบลงไปเป็นรูปร่างกำปั้น

 

ในจังหวะที่ไป๋อู๋ซางดึงหมัดกลับไป รอยกำปั้นบนแผ่นหินก็เรืองแสงสีรุ้งขึ้นมา

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset