หานเซิ่นมองปลาทองตัวใหญ่ที่กำลังจ้องมองมาที่พวกเขาจากด้านนอกฟองสบู่ เขารวบรวมพลังของคัมภีร์นภาอำพันในมือ เขาต้องการจะโจมตีใส่เจ้าปลาทองเพื่อลองดูว่าเขาจะสามารถลดระดับของมันได้ไหม
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะได้โจมตี เจ้าปลาทองก็อ้าปากและดูดหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อเข้าไปพร้อมกับฟองสบู่
หลังจากที่ปลาทองดูดพวกเขาเข้าไปแล้ว มันก็แกว่งหางและเริ่มว่ายออกไป
หานเซิ่นและเป่าเอ๋ออยู่ภายในฟองสบู่ที่ถูกดูดเข้าไปในท้องของปลาทอง ภายนอกฟองสบู่นั้นถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงที่สว่างมากๆ มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังอยู่ภายในหมอกสีแดง
เหนือหมอกสีแดงขึ้นไป หานเซิ่นเห็นกำแพงโลหะที่ดูเหมือนกับทองแดงรางๆ ส่วนที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือการที่บนกำแพงนั่นมีสัญลักษณ์ประหลาดและตัวอักษรถูกสลักเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันถูกทำขึ้นด้วยมือคน
หานเซิ่นสังเกตว่าฟองสบู่ยังคงไม่แตก และมันไม่มีพลังอะไรที่กำลังย่อยร่างกายพวกเขา เขาจึงไม่ได้รีบร้อนทำอะไร สายตาของเขาถูกดึงดูดไปที่ตัวอักษรและสัญลักษณ์บนกำแพงโลหะ
“ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ในระบบจักรวาลร้างเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรอ? มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะสร้างซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตขึ้นมา แม้แต่เทพสปิริตก็ทำไม่ได้ นี่ในสมัยก่อนเซเคร็ดแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นตรวจเช็คตัวอักษรและสัญลักษณ์บนกำแพงโลหะ
หานเซิ่นไม่รู้ว่าสัญลักษณ์พวกนั้นหมายความว่าอะไร แต่ตัวอักษรบนกำแพงโลหะนั้นเป็นภาษาสามัญของจักรวาลจีโน
“ตัวทดลองหมายเลข304…” หานเซิ่นอ่านตัวอักษรเหล่านั้นได้ แต่พวกมันไม่มีความหมายอะไร แต่ลายมือของตัวอักษรเหล่านั้นทำให้เขาประหลาดใจ
หานเซิ่นจดจำลายมือแบบนี้ได้ ก่อนหน้านี้ในระบบเทียนเซีย หานเซิ่นได้เข้าไปในดวงตาของเพอเพิลไฟต์และได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกขังอยู่ในภูเขาสองโลก ลายมือของเธอนั้นเหมือนกับลายมือที่เขียนอยู่บนกำแพงโลหะนี้
“ดูเหมือนว่าการสันนิษฐานของเราจะถูกต้อง ปลาทองตัวนี้ต้องเป็นผลจากการทดลองของเซเคร็ดไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนั้นคือนักวิจัยที่ทำงานร่วมกับผู้นำเซเคร็ด ปลาทองนี่ต้องเป็นหนึ่งในตัวทดลองของนาง”
หานเซิ่นจำได้ว่าภายในท้องของแมงมุมหลุมดำ เขาได้พบกับเสือขาวตัวหนึ่ง มันสามารถทำให้เห็ดงอกขึ้นบนหัวของพวกเขาได้
ถึงแม้หานเซิ่นจะรู้เกี่ยวกับที่มาของปลาทอง แต่ในสถานการณ์แบบนี้มันเป็นข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ถึงเขาอยากจะไปถามเธอ เขาก็ไม่สามารถทำได้
หานเซิ่นต้องการจะทำลายฟองสบู่และหนีออกไป แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าทิศทางที่ปลาทองกำลังว่ายไปนั้นตรงกับทิศทางที่เขาต้องการจะไป เขาก็ลดกำปั้นลง
‘ปลาทองนี่กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่เราต้องการจะไป และเนื่องจากมันไม่มีอันตรายอะไรในท้องของเจ้าปลาทอง บางทีการอยู่ในท้องของมันต่อไปอาจจะปลอดภัยกว่า’
หลังจากที่คิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ตัดสินใจจะอยู่ในท้องของเจ้าปลาทองต่อไป
เป่าเอ๋อกระโดดลงมาจากไหล่ของหานเซิ่น เธอไถลไปรอบๆฟองสบู่อย่างสนุกสนาน
หานเซิ่นคิดว่ามันแปลกๆ ปลาทองนั้นกลืนพวกเขาเข้ามา แต่มันไม่ได้ทำลายฟองสบู่ที่ขังพวกเขาเอาไว้ ด้วยเหตุนั้นหมอกสีแดงจึงไม่สามารถทำร้ายหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อได้ มันบอกได้ยากว่าเจ้าปลาทองนั้นต้องการอะไรกันแน่
‘นี่ปลาทองคิดว่าพวกเรามีความสัมผัสกับผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่มันไม่ฆ่าพวกเรา? นี่มันต้องการจะพาพวกเราไปที่ไหนกัน?’ หานเซิ่นคิด
เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายในท้องของปลาทอง หานเซิ่นจึงสัมผัสได้แค่เส้นทางที่เจ้าปลาทองกำลังมุ่งหน้าไป แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงอะไรอย่างอื่นภายนอกได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือรอคอยไปเรื่อยๆ
‘ผู้หญิงคนนั้นกลับมาที่ระบบจักรวาลร้างอย่างนั้นหรอ? นี่เธอค้นพบว่าเรามาที่นี่ เธอก็เลยสั่งให้ปลาทองตัวนี้มาพาตัวเราไปอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นไม่มีอะไรจะทำ ดังนั้นเขาจึงคิดเกี่ยวกับเป้าหมายของเจ้าปลาทอง
หลังจากที่ผ่านไปหลายวัน แต่เจ้าปลาทองก็ยังว่ายไปอย่างไม่หยุด หานเซิ่นไม่รู้ว่าเจ้าปลาทองนั้นกำลังจะไปที่ไหนกันแน่ แต่อย่างหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือเจ้าปลาทองไม่ได้ต้องการจะฆ่าพวกเขา อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่ปล่อยให้ฟองสบู่คอยปกป้องพวกเขานานถึงขนาดนี้
ปลาทองนั้นว่ายไปเรื่อยๆเป็นเวลาเจ็ดถึงแปดวัน เป่าเอ๋อคิดว่ามันเริ่มจะน่าเบื่อ เธอไม่อยากจะเล่นไถลไปกับผิวของฟองสบู่อีกต่อไป เธอเอากระดานหมากรุกออกมาและเล่นหมากรุกกับหานเซิ่น
พวกเขาไม่รู้ว่าเล่นหมากรุกกันไปทั้งหมดกี่ตา แต่ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกว่าเจ้าปลาทองนั้นหยุดเคลื่อนไหว หลังจากนั้นฟองสบู่ที่ขังหานเซิ่นและเป่าเอ๋อก็เริ่มบินออกไป เจ้าปลาทองพ่นฟองสบู่ออกมาจากปากของมัน
หานเซิ่นมองไปรอบๆ พวกเขายังคงอยู่ในทะเลขยะ แต่บนกองขยะบริเวณนี้เต็มไปด้วยดอกไม้นับไม่ถ้วน มันดูเหมือนสวนดอกไม้ในอวกาศ มันมีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนกับโดมอยู่ไม่ไกล มันมีน้ำไหลออกมาจากช่องว่างของสิ่งก่อสร้างนั้นเหมือนกับน้ำตก พวกมันดูงดงามมาก
น้ำที่อยู่ภายในสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นเหมือนกับทะเลสาบ มันมีปลาทองที่มีขนาดเล็กกว่าลอยตัวรออยู่ที่ริมน้ำ ปากของมันชี้ขึ้นไปบนฟ้าและดวงตาของมันเบิกกว้าง
ฟองสบู่ที่หานเซิ่นและเป่าเอ๋ออยู่นั้นกำลังเคลื่อนเข้าไปหาปากของปลาทองน้อย
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขายิ้มแห้งๆออกมาและคิดกับตัวเอง
‘ดูเหมือนว่าเราจะคิดมากเกินไป เหตุผลที่เจ้าปลาทองไม่ได้ฆ่าพวกเรา ก็เพราะว่ามันเก็บพวกเราเอาไว้ป้อนให้กับลูกของมัน ปลาทองตัวนี้เป็นพ่อแม่ที่ดีจริงๆ มันรู้ว่าลูกของมันชอบกินอาหารสดๆ’
เมื่อเห็นฟองสบู่เคลื่อนที่เข้าไปใกล้ปากของปลาทองน้อย หานเซิ่นก็เริ่มรวบรวมพลัง เขาต้องการจะทำลายฟองสบู่ที่กักขังพวกเขาเอาไว้
“ก็ดี! แบบนี้เราจะได้จัดการพวกมันพร้อมกันไปเลย”
หานเซิ่นจ้องไปที่ปลาทองน้อย เขายังไม่ได้ลงมือ เขารอให้ฟองสบู่เข้าไปใกล้กับปลาทองน้อยอีกหน่อย เขาต้องการจะใช้ปลาทองน้อยเป็นตัวประกัน แบบนั้นเจ้าปลาทองตัวใหญ่ก็คงจะไม่กล้าทำอะไรพวกเขา
ถึงแม้มันจะเป็นปลาทองน้อย แต่หัวของมันก็ใหญ่ยิ่งกว่าวาฬเพชฌฆาต มันเป็นเรื่องง่ายที่ปลาทองน้อยจะกินหานเซิ่นและเป่าเอ๋อเข้าไป
เมื่อเข้าไปใกล้ๆเจ้าปลาทองตัวน้อย หานเซิ่นก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันแตกต่างออกไปจากปลาทองตัวใหญ่
เกล็ดของปลาทองตัวใหญ่นั้นทำขึ้นมาจากโลหะ แต่ภายในเกล็ดของมันเป็นเนื้อสีแดง เจ้าปลาทองตัวน้อยก็ดูเหมือนกับว่าทำขึ้นมาจากโลหะเช่นกัน แต่มันไม่มีเนื้ออยู่เลย มันดูเหมือนกับรูปปั้นปลาที่ทำขึ้นจากโลหะ มันดูแปลกประหลาดมากๆ
เมื่อเห็นว่าฟองสบู่มาถึงตรงหน้าปลาทองน้อย หานเซิ่นก็ไม่ลังเลอีก เขารวบรวมพลังและชกออกไปใส่ผิวของฟองสบู่
หมัดนั้นไม่เพียงพอที่จะทำลายฟองสบู่ แต่พลังน้ำแข็งของกายหยกก็แช่แข็งฟองสบู่และทำให้มันกลายเป็นน้ำแข็งไป
หานเซิ่นเรียกดาบโคลด์ไลท์ออกมาและฟันใส่ฟองสบู่ที่ถูกแช่แข็งจนแตกกระจาย
โดยไม่มีความลังเล หานเซิ่นรีบพุ่งเข้าไปหาปลาทองน้อยที่กำลังอ้าปากเพื่อรอรับอาหาร