ในจักรวาลมีเผ่าพันธุ์มากมายและมีชุดอยู่นานาชนิด ชุดที่จะเห็นส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นชุดเกราะที่มีไว้สำหรับปกป้องร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะเข้ามาในระบบจักรวาลร้าง การจะเดินทางเข้ามาที่นี่พวกเขาจะสวมใส่ชุดเกราะซีโน่เจเนอิคหรือไม่ก็ชุดเกราะจีโนประจำตัว
แต่ชุดของโครงกระดูกนี่แตกต่างออกไป มันดูเหมือนกับผ้าไหมธรรมดาๆซะมากกว่า และมันดูจะไม่มีประสิทธิภาพในการปกป้องร่างกายแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนกับชุดที่ใส่เพื่อแฟชั่น
ชุดของโครงกระดูกนั้นเป็นเสื้อคลุมหลวมๆที่เป็นสีฟ้าซะส่วนใหญ่ ด้านข้างของชุดนั้นมีดอกไม้สีดำประดับเอาไว้
สสารแสงสีม่วงล่องลอยไปถูกกับชุดนั่นอยู่เรื่อยๆ มันทำให้ชุดเรืองแสงอย่างสว่างไสว แต่ชุดนั้นไม่ได้ถูกย่อยสลาย โครงกระดูกเองก็เช่นกัน
หานเซิ่นคิด ‘การที่มันทนต่อสสารแสงสีม่วงได้แบบนี้ ชุดและโครงกระดูกนั่นต้องเป็นอะไรที่พิเศษ น่าเสียดายที่เราใช้พลังไม่ได้ ถ้าทำได้ เราก็คงจะเอาชุดนั่นมาเป็นของตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นสมบัติชั้นสูง’
โครงกระดูกล่องลอยขึ้นลงในอวกาศเคียงคู่ไปกับแคปซูลอวกาศของพวกเขา มันเกือบจะชนเข้ากับแคปซูลอวกาศ หานเซิ่นรู้สึกอยากจะเอามันเข้ามาข้างใน
แต่แคปซูลอวกาศกว้างพอสำหรับคนแค่คนเดียวเท่านั้น มันแคบมากพอแล้วที่เขาและเป่าเอ๋อต้องอยู่ข้างใน มันไม่มีที่เหลือให้กับโครงกระดูกนั่น
แถมปลาทองตัวใหญ่บอกว่าพวกเขาจะต้องซ่อนตัวและอย่าได้เปิดเผยตัวเองออกมา ไม่อย่างนั้นที่พวกเขาอุส่าซ่อนตัวมาตั้งนานก็จะสูญเปล่า หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก และสุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
แคปซูลอวกาศล่องลอยตามกระแสของอวกาศไปเรื่อยๆ หานเซิ่นไม่รู้แล้วว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน โครงกระดูกนั้นยังคงล่องลอยเคียงข้างกับพวกเขาไป ในบ้างครั้งมันจะลอยออกห่างไปจากแคปซูลอวกาศ แต่มันก็ไม่เคยลอยออกไปไกลจนเกินไป
หลังจากผ่านไปอีกหลายวัน แสงสีแดงบนเกล็ดก็เริ่มอ่อนลง ดูเหมือนกับว่าพลังงานของมันกำลังจะหมด แสงสีแดงที่ห่อหุ้มแคปซูลอวกาศอยู่เองก็มัวลงไปเช่นกัน หานเซิ่นได้ยินเสียงซ่าๆดังขึ้นมาจากด้านนอก มันฟังดูเหมือนกับว่าแคปซูลอวกาศกำลังจะถูกย่อยสลาย
“พลังของเกล็ดนี่กำลังจะหมด ถ้าเกิดเจ้าปลาทองตัวใหญ่พูดผิดขึ้นมาล่ะ?” หานเซิ่นมองออกไปข้างนอกและเห็นว่ามันยังปกคลุมด้วยแสงสีม่วง
ปัง!
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อรู้สึกตกใจ เนื่องจากแคปซูลอวกาศไปชนบางสิ่งเข้าและเริ่มกลิ้งไปเหมือนกับลูกบอล ในตอนที่แคปซูลอวกาศหยุดกลิ้ง หานเซิ่นและเป่าเอ๋อก็สังเกตเห็นว่ามันไม่มีสสารแสงสีม่วงอีกแล้ว
หานเซิ่นมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่ได้เห็นแสงสีม่วงอีก ข้างนอกนั้นเป็นสีขาวเหมือนกับหิมะ มันแตกต่างไปจากฝุ่นสีเทาที่หานเซิ่นเคยเห็น หิมะพวกนี้ไม่ใช่ฝุ่นผง มันเป็นหิมะจริงๆ
“พวกเรามาถึงแล้ว” หานเซิ่นดีใจ ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงของแตกหัก แคปซูลอวกาศไม่สามารถทนต่อไปได้อีก มันพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนหิมะขาว เกล็ดปลาที่หานเซิ่นถืออยู่ก็แตกสลายและร่วงหล่นลงไปบนพื้น
‘ที่นี่เหมือนกับที่ปลาทองตัวใหญ่บอกไม่มีผิด’ หานเซิ่นคิด พวกเขาอยู่ภายในแคปซูลอวกาศมาเป็นเวลาหลายวัน เป่าเอ๋อดูดีใจที่ได้เป็นอิสระจากพื้นที่แคบๆ
ปัง!
พวกเขาทั้งคู่มองไปรอบๆทุ่งหิมะ พวกเขาต้องการจะตามหาสถานที่ที่ปลาทองตัวใหญ่บอก แต่ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อหันไปมองและสังเกตเห็นว่ามันคือโครงกระดูกที่พวกเขาเห็นในตอนที่อยู่ในแคปซูลอวกาศ มันหล่นลงมาบนหิมะใกล้ๆกับพวกเขา
“พ่อ มันคือโครงกระดูกนั่น” เป่าเอ๋อวิ่งเข้าไปหาโครงกระดูกและนั่งยองๆข้างๆมัน เธอใช้นิ้วจิ้มไปที่หัวของโครงกระดูกจนหัวของโครงกระดูกหันไปอีกด้านหนึ่ง แต่มันก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นมา
หานเซิ่นเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ชุดของเขาเป็นของดี มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะเก็บพวกมันเอาไว้ เขาควรจะทำดีและมอบมันให้กับพวกเรา พวกเราจะฝังเขาเป็นการแลกเปลี่ยน แบบนั้นพวกเราก็จะได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่”
หลังจากที่พูดแบบนั้น หานเซิ่นก็เริ่มค้นร่างของโครงกระดูก เขาต้องการจะดูว่านอกจากชุดแล้ว มันยังมีสมบัติอะไรอย่างอื่นอยู่อีกไหม
หานเซิ่นไม่พบสมบัติอะไรจนกระทั่งคลำไปถูกกระเป๋าเสื้อ เขาพบบางสิ่งอยู่ในนั้น แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร เขาเอามือล้วงเข้าไปข้างในและหยิบสิ่งนั้นออกมา
“มันคือแว่นตา… มันไม่ได้เป็นแว่นตาเดียวกันกับที่คริสตัลไลเซอร์มีหรอกใช่ไหม” หานเซิ่นสังเกตแว่นตาอย่างละเอียด
มันเป็นแว่นที่ดูเหมือนกับแว่นตาคางคกที่ใช้กันแดด แต่เลนส์ของแว่นตาเป็นสีดำ พวกมันไม่โปร่งใส พวกมันดำสนิทราวกับหมึก
หานเซิ่นยกแว่นตาขึ้นมาสวม และในจังหวะที่เขาทำแบบนั้น แว่นตาก็แสดงพลังประหลาดออกมา พลังนั้นแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของหานเซิ่นโดยที่ไม่รั่วไหลออกไปที่อื่น
“โอ้…พ่อ… ทำไมพ่อถึงเปลี่ยนเป็นวานรตัวใหญ่ได้?” ดวงตาของเป่าเอ๋อเบิกกว้างขณะที่เธอมองไปที่หานเซิ่น
ถึงแว่นตาจะไม่โปร่งใส แต่หานเซิ่นมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เขามองดูตัวเองและรู้สึกตัวว่าเขาถูกเปลี่ยนเป็นวานรตัวใหญ่
เขารีบถอดแว่นออกและร่างกายของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
“นี่คืออาวุธประจำตัวพระเจ้า” หานเซิ่นมองไปที่แว่นกันแดดในมือของเขา หัวใจของเขาเต้นรัว ทันใดนั้นแว่นกันแดดก็หายวับไปและไปปรากฏอยู่ในจิตอย่างน่าตกใจ
แว่นตานี่ควรจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวพระเจ้าที่ได้มาจากการฆ่าเทพสปิริต มันเหมือนกับฝักมีดที่ทำขึ้นจากกระดูกของพระเจ้าเกราะนภา
“พ่อให้หนูลองมั่ง หนูอยากจะกลายเป็นวานรตัวใหญ่” เป่าเอ๋อพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
หานเซิ่นมอบแว่นกันแดดให้กับเป่าเอ๋อ เธอสวมใส่มันและร่างกายของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่เธอไม่ได้กลายเป็นวานรตัวใหญ่ เธอกลายเป็นผึ้งที่มีขนาดพอๆกับกำปั้น เธอกระพือปีกและส่งเสียงหึ่งอยู่ข้างๆหูของหานเซิ่น
“พ่อ หนูกลายเป็นผึ้งน้อย” เป่าเอ๋อพูดขณะที่บินไปมาอย่างมีความสุข
‘แว่นตานี่เปลี่ยนร่างกายของผู้คนได้ นั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างมหัศจรรย์’
หานเซิ่นคิด เป่าเอ๋อที่กลายเป็นผึ้งน้อยบินลงไปบนพื้น หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นกระต่ายขาว
“พ่อ หนูกลายเป็นกระต่ายขาว!” เป่าเอ๋อตื่นเต้นมากๆ เธอกระโดดไปมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นนกพิราบเพื่อบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในเวลาอันสั้นเป่าเอ๋อก็เปลี่ยนเป็นอะไรหลายอย่าง หานเซิ่นมองดูอย่างตกตะลึง
“โอ้มายก็อด แว่นตานี่เหมือนกับซุนหงอคงที่แปลงกายได้เจ็ดสิบสองร่าง”
หลังจากที่มองดูเธออยู่สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกเบื่อ เขาย่อตัวลงและพยายามถอดเสื้อคลุมของโครงกระดูกออกมา เสื้อคลุมนี้สามารถทนต่อพลังในการย่อยสลายของสสารแสงสีม่วงได้ ดังนั้นมันต้องเป็นของดีอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่คงจะไม่ได้เป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าอีกอันหรอกใช่ไหม?”
หานเซิ่นถอดเสื้อคลุมออกมา แต่เขาไม่ได้ลองสวมมันในทันที เขามองไปที่โครงกระดูกและเริ่มขุดหลุม เขาวางโครงกระดูกไว้ข้างในและกลบหลุมก่อนที่จะพูดว่า “ข้าฝังเจ้าลงในดิน… ไม่สิ ฝังลงในหิมะเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ปราศจากที่กำบัง ขอบคุณสำหรับสิ่งของที่มอบให้กับพวกเรา ตอนนี้พวกเราถือว่าไม่ติดค้างอะไรกันอีก”