“แสงของตะเกียงพาเจ้ามาที่นี่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ไม่ใช่ บริเวณที่ข้าหล่นลงไปนั้นมีตะเกียงแค่ตะเกียงเดียว รอบๆมันมืดสนิท ข้าคิดว่าคงจะต้องตายที่นั่น แต่มันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น” หยางยวิ๋นเซิงพูด
“เรื่องประหลาดอะไร?” หานเซิ่นมองเขาด้วยความสนใจ
หยางยวิ๋นเซิงยิ้มแห้งๆขณะที่พูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ในความมืด”
“ผู้หญิงร้องไห้?” หานเซิ่นแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ แต่หลังจากนั้นมูนชาโดว์ก็อตก็ปรากฏตัวออกมา นั่นทำให้หานเซิ่นเชื่อว่ามันคงจะเป็นเสียงของมูนชาโดว์ก็อต
แต่ตอนนี้เมื่อหยางยวิ๋นเซิงได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยอีกคน มันก็เป็นอะไรที่แปลกเกินไปหน่อย
หยางยวิ๋นเซิงพูดต่อ “สิ่งที่ข้าจะบอกกับเจ้าต่อไปนี้อาจจะทำให้เจ้าหัวเราะเยาะ แต่ในตอนข้าที่กำลังสิ้นหวัง การได้ยินเสียงร้องไห้ทำให้ข้าคิดว่าถ้ายังไงต้องตายอยู่แล้ว ข้าก็ขอเลือกจะต้องตายขณะที่ต่อสู้ดีกว่าที่ต้องตายอยู่ที่นั่น ด้วยเหตุนั้นข้าจึงวิ่งตามเสียงร้องไห้ไป ข้าตั้งใจจะต่อสู้กับอะไรก็ตามที่อยู่ในความมืด”
“แต่มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ ข้าคิดว่าจะถูกฆ่าตายในความมืดนั้น แต่หลังจากที่ข้าวิ่งไล่ตามเสียงร้องไห้ไป พลังของความมืดที่บดขยี้ร่างกายของข้าก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนกันก่อนหน้านี้ พลังของข้าป้องกันพลังของความมืดเอาไว้ได้ ขณะที่วิ่งตามเสียงร้องไห้ไปเรื่อยๆ ข้าก็ได้มาเจอกับแสงสว่างของตะเกียงที่นี่ ในตอนที่ข้ามาถึงนั้น เสียงร้องไห้ของผู้หญิงก็ได้หายไป” หยางยวิ๋นเซิงพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
‘นี่หยางยวิ๋นเซิงตามมูนชาโดว์ก็อตมาถึงที่นี่อย่างนั้นหรอ? ไม่มีทาง มูนชาโดว์ก็อตอยู่บนรอยแยกนั่น ถ้าหยางยวิ๋นเซิงไล่ตามเสียงร้องไห้ของมูนชาโดว์ก็อตมา เขาก็คงจะอยู่บนรอยแยกเช่นเดียวกัน และเขาก็ควรจะมาถึงที่นี่นานแล้วไม่ใช่เพิ่งจะมาถึงที่นี่ตอนนี้’
หานเซิ่นมองไปที่หยางยวิ๋นเซิงและถาม “ครั้งสุดท้ายที่เจ้าได้ยินเสียงของผู้หญิงมันเมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อไม่นานนี้เอง” หยางยวิ๋นเซิงตอบ
หานเซิ่นคิด ‘ถ้าที่หยางยวิ๋นเซิงพูดเป็นความจริง ดูเหมือนว่าเสียงร้องไห้นั่นจะไม่ใช่ของมูนชาโดว์ก็อต’
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน จู่ๆเสียงร้องไห้ของผู้หญิงก็ดังขึ้นอีกครั้งจากด้านนอกของสวนศักดิ์สิทธิ์
“มันดังขึ้นอีกแล้ว” หยางยวิ๋นเซิงพูด “เสียงร้องไห้นั่น”
หานเซิ่นมองออกไปข้างนอกสวนศักดิ์สิทธิ์ ตะเกียงสองอันด้านนอกประตูนั้นไม่ได้สว่างมากนัก ด้านนอกของสวนจึงถูกปกคลุมไปด้วยความมืด พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้
ทุกคนกลั้นลมหายใจอยู่สักพัก ที่สุดแล้วเสียงร้องไห้ก็หายไป มันเหมือนกับว่าผู้หญิงที่กำลังร้องไห้นั้นไปจากที่นี่แล้ว
หลังจากนั้นหยางยวิ๋นเซิงก็ชี้ไปที่หม้อหินและพูด “นี่พวกเจ้าทำเนื้อนี้อย่างนั้นหรอ? ข้าขอกินด้วยได้ไหม? ข้าไม่อยากจะหิวตาย”
สถานที่แห่งนี้น่ากลัวมากๆ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าสามารถตายได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนั้นเขาอยากกินอาหารเพื่อปลดปล่อย
“เนื้อนี้เป็นของหนู!” เป่าเอ๋อกระโดดขึ้นยืนบนโต๊ะหินและกางมือสองข้างออกเพื่อปกป้องหม้อหินเอาไว้
หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนมาถึงที่หน้าสวนศักดิ์สิทธิ์ คนๆนั้นกำลังเดินเข้ามาข้างใน
พวกเขาทุกคนหันไปมองและเห็นชายแก่ในชุดคลุมสีทองเดินเข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์ คนๆนั้นก็คือไนน์เทาซันด์คิง
“ที่นี่คือสวนศักดิ์สิทธิ์ คนนอกอย่างพวกเจ้าไม่ควรเข้ามาในนี้!”
ไนน์เทาซันด์คิงดูโกรธเมื่อเห็นหานเซิ่นและคนอื่นๆอยู่ที่นี่ แต่สายตาของเขาไปหยุดที่หานเซิ่นและคนอื่นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่สายตาของเขาจะมองไปทางอื่นราวกับว่าเขากำลังมองหาอะไรบางอย่าง
หยางยวิ๋นเซิงดูเป็นกังวล เขาเพิ่งจะรอดพ้นจากอันตรายมาถึงสถานที่ที่ปลอดภัย แต่เขาก็ได้มาเจอกับไนน์เทาซันด์คิงอีกครั้ง หยางยวิ๋นเซิงรู้ว่าไนน์เทาซันด์คิงไม่ได้ดีเหมือนอย่างหานเซิ่น
สายตาของไนน์เทาซันด์คิงไปหยุดอยู่ที่หม้อหินและรูปปั้นของหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ภายในศาลา เขาดูตื่นเต้นขึ้นมา แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เล็ดลอดไปจากสายตาของหานเซิ่น
“พวกเจ้ายังไม่รีบหนีไปอีกอย่างนั้นหรอ? นี่พวกเจ้าอยากตายหรือยังไง?”
ไนน์เทาซันด์คิงจ้องมองไปที่หานเซิ่น ขณะที่เดินเข้ามาหาศาลา เครื่องหมายสีทองดำปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา ซึ่งทำให้เขาดูแปลกประหลาด มันเหมือนกับว่ามีตะขาบจำนวนมากห้อมล้อมร่างกายของเขาเอาไว้
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขายืนอยู่ตรงหน้าศาลาโดยไม่หนีไปไหน
หยางยวิ๋นเซิงรู้สึกหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่ไนน์เทาซันด์คิงเป็นยอดฝีมือจากยุคสมัยของเซเคร็ด มันไม่สามารถบอกได้ว่าเขาวิวัฒนาการไปมากแค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาอาจจะเป็นถึงขั้นทรูก็อตระดับท็อปของจักรวาล หยางยวิ๋นเซิงจึงรู้แก่ใจว่าตัวเขาไม่มีทางจะสู้กับไนน์เทาซันด์คิงได้
เมื่อเห็นไนน์เทาซันด์คิงเดินเข้ามาทีละก้าวๆ หยางยวิ๋นเซิงก็ตัวสั่นรัว แต่ไนน์เทาซันด์คิงไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขา สายตาของไนน์เทาซันด์คิงจ้องไปที่หานเซิ่นเพียงคนเดียว
ร่างกายของไนน์เทาซันด์คิงดูแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาของหยางยวิ๋นเซิง ไนน์เทาซันด์คิงเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดไม่สามารถถูกโค่นล้มได้ เขาคิดว่าไนน์เทาซันด์คิงจะส่งการโจมตีที่ทรงพลังออกไปใส่หานเซิ่น
แต่ไนน์เทาซันด์คิงกลับเดินไปอยู่ต่อหน้าของศาลาโดยที่ไม่ทำการโจมตีใดๆ เขาแค่พยายามข่มขู่หานเซิ่นด้วยพลังของเขาและพูด
“ข้ากลัวจะไปสร้างความเสียหายกับมรดกของท่านผู้นำ อย่าได้บังคับให้ข้าต้องฆ่าเจ้า”
เป่าเอ๋อหัวเราะออกมาและพูด “ลุงทำเป็นพูดดี แต่ที่จริงลุงคงจะกลัวพ่อของหนูทำร้ายลุงมากกว่า”
สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขาพูดเย้นหยันกลับว่า
“ข้าเดินทางติดตามผู้นำเซเคร็ดไปทั่วจักรวาลและสังหารยอดฝีมือขั้นทรูก็อตไปนับไม่ถ้วน ในยุคสมัยนั้นบรรพบุรุษของพวกเจ้ายังคงดื่มนมอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก การฆ่าพวกเจ้ามันง่ายนิดเดียว ข้าแค่อยากจะทำบุญโดยการปล่อยพวกเจ้าไป อย่าได้เข้าใจผิด”
หานเซิ่นยิ้มให้กับไนน์เทาซันด์คิง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
เป่าเอ๋อเมินเฉยต่อคำพูดของไนน์เทาซันด์คิงเช่นกัน เธอใช้ช้อนในมือตักเนื้อที่อยู่ในหม้อหินขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!” สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงเปลี่ยนไป เขาตะโกนขึ้นมาและรีบพุ่งเข้าหาศาลาหิน เขาเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าตัวเป่าเอ๋อ แสงสีทองดำที่เหมือนกับตะขาบบนร่างกายของเขาก็พุ่งออกไปหาเธอเช่นกัน
หานเซิ่นกระโดดมาขวางเอาไว้ ขณะที่ถือโล่เมดูซ่าส์เกซอยู่ในมือ เขาเปิดใช้พลังของมันและแสงประหลาดก็ถูกฉายออกไปใส่แสงสีทองดำ พวกมันทั้งหมดถูกแช่แข็งกลายเป็นหินกลางอากาศ
“พลังแช่แข็งนี้แข็งแกร่ง แต่สำหรับข้าแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่ของเด็กเล่น” ไนน์เทาซันด์คิงชักดาบออกมาจากเอวของเขา
ดาบนั้นดูแปลกประหลาดมากๆ หานเซิ่นเคยเห็นดาบที่หายากมามากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นดาบเล่มไหนที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน
ดาบเล่มนี้มีความกว้างสองนิ้วและยาวสี่ฟุต มันดูเหมือนจะถูกทำขึ้นมาจากหยกเลือด สิ่งที่แปลกที่สุดคือการที่บนดาบนั้นมีดวงตาอยู่ ตั้งแต่ปลายดาบจนถึงด้ามจับมีดวงตาประหลาดเรียงแถวต่อกัน บางดวงตานั้นเปิดอยู่ ขณะที่บางดวงตาปิดอยู่ บางดวงตาเปิดมาครึ่งหนึ่ง พวกมันดูแตกต่างไปจากกันและกัน พวกมันทั้งหมดเรียงแถวกันอย่างแปลกประหลาดและน่าสยดสยอง พวกมันทำให้ผู้คนที่ได้เห็นรู้สึกไม่สบายใจ
“ภายใต้ดาบไนน์อายด์ของข้า ไม่มีอะไรรอดไปได้ ข้าเป็นคนที่เชื่อในศีลธรรมอันดี ข้าตั้งใจจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการจะตาย แบบนั้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของข้า” ไนน์เทาซันด์คิงพูด หลังจากนั้นเขาก็ยกดาบไนน์อายด์ขึ้น