“ระดับพลังไม่มีความเกี่ยวข้องกับน้ำหนักจริงๆสินะ”
หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเอาเลือดของปลาทองตัวน้อยไปโยนใส่ศิลาจารึกแห่งโชคชะตา เหมือนกับก่อนหน้านี้หลังจากที่ศิลาจารึกดูดซับเลือดของปลาทองน้อยเข้าไป ด้านบนของศิลาจารึกก็แสดงตัวเลขออกมาและเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะยังไงซะแม่ของมันก็มีวิญญาณที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 26 กิโลกรัมเท่านั้น
แต่ตัวเลขบนศิลาจารึกแห่งโชคชะตานั้นเพิ่มไปจนถึงหลักที่สาม และมันก็ยังเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีต่อมามันก็เพิ่มขึ้นไปถึงหลักที่สี่
“วิญญาณนี้แปลกจริงๆ พวกมันเกี่ยวพันกันทางสายเลือด แต่น้ำหนักวิญญาณของพวกมันแตกต่างกันอย่างมาก” หานเซิ่นแปลกใจ
ไนน์เทาซันด์คิงที่อยู่ใกล้ๆพูดขึ้นมา “วิญญาณนั้นโดยปกติแล้วเป็นสิ่งที่ยากจะมองเห็นได้ มีเพียงแค่สมบัติซีโน่เจเนอิคอย่างศิลาจารึกแห่งโชคชะตาเท่านั้นที่จะมองเข้าไปในวิญญาณ น้ำหนักของวิญญาณนั้นเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย คนที่มีระดับต่ำก็อาจจะมีวิญญาณที่หนักมากๆได้เช่นกัน ถึงแม้คนสองคนจะกำเนิดมาจากแม่เดียวกัน แต่วิญญาณของพวกเขาก็แตกต่างกันได้ มันยากที่จะบอกถึงหลักเกณฑ์ในการกำหนดน้ำหนักของวิญญาณ”
หานเซิ่นพยักหน้า เขามองไปที่ตัวเลขของปลาทองน้อยที่ยังคงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปสักพักตัวเลขน้ำหนักวิญญาณของปลาทองน้อยก็ไปหยุดที่ 7,493
ไนน์เทาซันด์คิงถอนหายใจออกมา “7000 กิโลกรัมอย่างนั้นหรอ? มันยังห่างจากหนึ่งหมื่นอยู่พอสมควรเลย”
ราชครูกู่เยวียนพูด “น่าเสียดาย ถ้าหนึ่งในพวกเรามีน้ำหนักวิญญาณถึงหนึ่งหมื่น บางทีพวกเราอาจจะออกไปจากที่นี่ได้”
หานเซิ่นหันไปมองราชครูกู่เยวียนและถาม “ราชครู ราชครูลองทดสอบดูหรือยัง?”
“พวกเราทุกคนลองทดสอบดูเรียบร้อยแล้ว มันมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน แต่ไม่มีใครที่ถึงหนึ่งหมื่น ถ้าหนึ่งในพวกเรามีน้ำหนักวิญญาณถึงหนึ่งหมื่น พวกเราก็คงจะไม่ติดอยู่ที่นี่”
ราชครูกู่เยวียนหยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดกับหานเซิ่นว่า “ตอนนี้มันเหลือแค่เจ้ากับลูกสาวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำการทดสอบ ข้าหวังว่าเจ้าจะมีวิญญาณหนักเกินหนึ่งหมื่นกิโลกรัมเพื่อที่พวกเราจะได้ออกไปจากที่นี่”
หานเซิ่นพยักหน้า เขายกนิ้วขึ้นมาและบีบเอาหยดเลือดหยดหนึ่งออกมา หลังจากนั้นเขาก็โยนมันไปใส่ศิลาจารึกแห่งโชคชะตา
เลือดของหานเซิ่นเป็นสีแดง มันแดงเหมือนกับทับทิม เมื่อมันไปสัมผัสกับศิลาจารึกแห่งโชคชะตา ศิลาจารึกก็ดูดซับมันเข้าไป ไม่นานทั้งศิลาจารึกก็เปลี่ยนเป็นคริสตัลสีทับทิม
ตัวเลขปรากฏขึ้นบนศิลาจารึก พวกมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไปถึงเลขสามหลักในเวลาเพียงไม่นาน
เมื่อไนน์เทาซันด์คิงเห็นว่าวิญญาณของหานเซิ่นหนักเกินหนึ่งพัน เขาก็ดูอิจฉาขณะที่พูดขึ้นว่า
“คุณหานมีชีวิตที่แพงมากๆ น้ำหนักวิญญาณของคุณหานเพิ่มขึ้นถึงเลขสี่หลักอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าการจะถึงหนึ่งหมื่นนั้นคงจะไม่ยากเกินไป”
“เจ้าประเมินเขาสูงเกินไปแล้ว” ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาพูดขึ้นมา
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขารู้ดีว่าหานเซิ่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากก็อตแซงชัวรี่ และเขาก็เคยเห็นพรสวรรค์ในตัวหานเซิ่นมาก่อน ยีนของหานเซิ่นนั้นไม่เสถียรและพรสวรรค์ก็ธรรมดาๆ
ถึงแม้น้ำหนักของวิญญาณจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับยีนหรือพรสวรรค์ของคนๆนั้น แต่กฎของก็อตแซงชัวรี่ก็จะทำล้ายวิญญาณของคนที่อยู่ข้างใน มันมีคนไม่มากนักที่รู้ถึงเรื่องนี้
ผู้อาวุโสหนึ่งเคยพยายามเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ และเขาก็เคยถูกทำร้ายโดยกฎของก็อตแซงชัวรี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้เกี่ยวกับมันเป็นอย่างดี
ยอดฝีมือของหลายเผ่าพันธุ์รู้ว่าคริสตัลไลเซอร์นั้นได้หนีเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ ภายใต้กฎของที่นั่น พวกเขาเชื่อว่าวิญญาณของคริสตัลไลเซอร์ไม่มีทางเกินกว่าหนึ่งหมื่นเมื่อพวกเขาออกมา
ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆจ้องไปที่ตัวเลขบนศิลาจารึกแห่งโชคชะตา พวกเขาหวังว่าวิญญาณของหานเซิ่นจะหนักเกินหนึ่งหมื่น
ไนน์เทาซันด์คิงรู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสหนึ่งพูด เขาพูดขึ้นว่า “ชีวิตของคุณหานนั้นแพงมากๆ มันเป็นสิ่งที่คนชีวิตถูกๆอย่างเจ้าไม่มีทางเทียบได้”
“โอ้ จริงอย่างนั้นหรอ? ข้าอยากเห็นจริงๆว่าชีวิตของเขาจะแพงสักแค่ไหนกัน”
ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาพูดอย่างอ่อนโยน แต่ใบหน้าของเขาทำให้ไนน์เทาซันด์คิงโกรธมากๆ ไนน์เทาซันด์คิงต้องการจะฆ่าเขาด้วยมือของตัวเอง
“5000 …” เอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งเห็นว่าน้ำหนักวิญญาณของหานเซิ่นเพิ่มขึ้นสูงกว่า 5000 ซึ่งทำให้พวกเขามีความหวัง
“8000…” ดวงตาของราชครูกู่เยวียนเริ่มจะเปลี่ยนแปลง
หลังจากที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นไปถึง 9000 แม้แต่ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาก็ดูแปลกๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากจะเชื่อว่าหานเซิ่นที่มาจากก็อตแซงชัวรี่จะมีวิญญาณที่หนักขนาดนั้น
‘แปลกจริงๆ กฎของก็อตแซงชัวรี่ควรจะลดวิญญาณของคนที่อยู่ภายใน เขาออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ แบบนั้นทำไมเขาถึงมีวิญญาณที่หนักขนาดนั้นได้?’ ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาขมวดคิ้ว
ตัวเลยยังคงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ มันเข้าใกล้ 9999 มากขึ้นเรื่อยๆ เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าหลายคนกลั้นหายใจ ขณะที่จ้องมองไปที่ตัวเลขบนศิลาจารึก พวกเขาหวังว่าตัวเลขบนนั้นจะเพิ่มขึ้นเกินขีดจำกัดไป
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ในที่สุดตัวเลขสี่หลักบนศิลาจารึกก็เพิ่มขึ้นจนถึงขีดจำกัด ซึ่งก็คือ 9999 ในเวลาเดียวกันตัวเลขบนศิลาจารึกแห่งโชคชะตาก็หยุดไป มันหยุดไปแค่ชั่วครู่ แต่ในสายตาของทุกคนนั้น มันนานเป็นศตวรรษ
ในจังหวะต่อมาตัวเลขบนศิลาจารึกก็ก้าวกระโดด ครั้งนี้ตัวเลขไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่มันกลับมากลายเป็นเลขศูนย์แทน
ทุกคนตกใจ เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น? ข้าคิดว่าเมื่อมีคนที่มีน้ำหนักวิญญาณถึงหนึ่งหมื่นกิโลกรัม คนๆนั้นก็จะหลุดพ้นจากพลังของศิลาจารึกแห่งโชคชะตาได้ ทำไมจู่ๆน้ำหนักของวิญญาณถึงได้กลับมาอยู่ที่เลขศูนย์?”
“ไม่มีทางที่น้ำหนักวิญญาณของหานเซิ่นจะแค่ 9999 เขาต้องการอีกแค่หนึ่งกิโลกรัมเพื่อจะไปถึงหนึ่งหมื่น”
“ไปดูข้างหลังศิลาจารึกกัน ดูสิว่าวิญญาณของหานเซิ่นยังอยู่ที่นั่นไหม”
ทุกคนอ้อมไปดูด้านหลังของศิลาจารึก ทันใดนั้นศิลาจารึกแห่งโชคชะตาก็ส่องสว่างขึ้นมา ศิลาจารึกแห่งโชคชะตาที่ย้อมเป็นสีแดงเพราะเลือดของหานเซิ่นนั้นปล่อยแสงหนึ่งหมื่นดวงออกมา
พื้นดินก็เริ่มจะสั่นไหว แสงหนึ่งหมื่นดวงออกมาจากศิลาจารึกแห่งโชคชะตาและลอยตัวอยู่ในอากาศ
“Roar!”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินศิลาจารึกแห่งโชคชะตาทำเสียงที่เหมือนกับการคำราม มันเหมือนกับเสียงคำรามของเสือหรือมังกร หลังจากนั้นทุกคนก็เห็นศิลาจารึกแห่งโชคชะตาสีแดงเปลี่ยนเป็นสีขาวศักดิ์สิทธิ์ มีกิเลนหยกที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ออกมา แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างออกจากตัวของมันเหมือนกับดวงอาทิตย์ มันทำให้ดินแดนที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดนั้นสว่างไสวขึ้นมา
พื้นที่แตกร้าว…สิ่งก่อสร้างที่พังทลาย…เครื่องจักรที่แตกหัก… ทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนด้วยแสงสว่างจากกิเลนศักดิ์สิทธิ์
นอกจากซากปรักหักพังแล้วมันยังมีเงาที่ดูเหมือนกับแฟรี่ลอยตัวอยู่ ร่างกายของแฟรี่พวกนั้นกึ่งโปร่งใส พวกมันดูเหมือนกับเยลลี่สีฟ้า
“พวกมันคือสเปชชาร์ม” หานเซิ่นจดจำคำบรรยายของไนน์เทาซันด์คิงได้