อีแร้งแก่พูดขึ้นมาเป็นคนแรก “ถึงแม้เจ้าจะมีสายเลือดของนายน้อย เจ้าก็ไม่สิทธิที่จะขโมยสปิริตของนายน้อยไป เจ้าต้องมอบสปิริตศักดิ์สิทธิ์คืนมาให้กับพวกเรา”
“ใช่แล้ว สปิริตศักดิ์สิทธิ์ต้องถูกคืนกลับมา” เรดโกสต์พูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น
“นี่พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นหรอ?” สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงเปลี่ยนไป
อาเหมยหัวเราะและพูดกับหานเซิ่น “เจ้าเป็นพ่อของนายน้อย ดังนั้นจึงถือว่าเจ้าเป็นแขกของเซเคร็ด แต่สปิริตศักดิ์สิทธิ์นั้นสำคัญมากๆ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ต้องการจะขโมยสิ่งที่เป็นของลูกชายตัวเองหรอกใช่ไหม? ข้าหวังว่าเจ้าจะยินดีคืนสปิริตศักดิ์สิทธิ์มา”
“ข้าจะคืนสปิริตศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเจ้าต้องพาเสี่ยวฮวามาพบกับข้าก่อน และข้าจะคืนมันให้กับเขา” หานเซิ่นพูด
“ในตอนนี้เสี่ยวฮวาไม่ได้อยู่ในเซเคร็ด” อาเหมยพูด
“เจ้าควรจะฝากสปิริตศักดิ์สิทธิ์เอาไว้กับข้า และข้าจะเป็นคนนำมันไปมอบให้กับนายน้อยเอง”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะรอจนกว่าเขาจะกลับมา” หานเซิ่นตอบ
“ถ้ามิสเตอร์หานจะมอบมันคืนให้กับลูกของเขา ทำไมมิสเตอร์หานต้องฝากมันเอาไว้กับพวกเจ้าด้วย?”
ไนน์เทาซันด์คิงตะโกนจากด้านข้างของหานเซิ่น “รีบนำทางให้กับมิสเตอร์หาน ให้มิสเตอร์หานไปรอนายน้อยของพวกเจ้าในปราสาทศักดิ์สิทธิ์”
“เขาเข้าไปในปราสาทศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้” เรดโกสต์พูด
“มิสเตอร์หานเป็นพ่อทางสายเลือดของนายน้อย ทำไมเขาจะเข้าไปในปราสาทศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้?” ไนน์เทาซันด์คิงถามอย่างไม่พอใจ
เรดโกสต์มองไปที่ไนน์เทาซันด์คิงและพูด “หยุดตะโกนสักที ผีเสื้อเติบโตมาจากหนอนผีเสื้อ ผีเสื้อนั้นบินได้ แล้วหนอนผีเสื้อล่ะบินได้ไหม?”
“นั่นหมายความว่ายังไง?” ไนน์เทาซันด์คิงโกรธ
“ก็หมายความตามที่ข้าบอก มอบสปิริตศักดิ์สิทธิ์มาและไสหัวไปซะ! ในตอนที่นายน้อยจำเป็นต้องใช้มัน มันจะตกเป็นของเขาเอง” เรดโกสต์และไนน์เทาซันด์คิงจ้องหน้ากัน
“เจ้ากล้าดียังไงมาเมินเฉยต่อมิสเตอร์หานแบบนี้! เขาถูกบอกให้มาที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์โดยท่านผู้นำ นี่พวกเจ้าคิดจะขัดคำสั่งของท่านผู้นำอย่างนั้นหรอ?” ไนน์เทาซันด์คิงโกรธจัดจนตัวสั่น
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรอ?” เรดโกสต์ถามด้วยความดูถูก
ไนน์เทาซันด์คิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปีศาจสาวพูดขึ้นมาก่อน
“เทาซันด์อาย ปราสาทศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมือนกับที่อื่น ที่นั่นคือความหวังสุดท้ายของเซเคร็ด มีเพียงแค่นายน้อยเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปข้างใน ถ้าเจ้ายังคงภักดีต่อเซเคร็ด อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะเข้าใจในเรื่องนั้น”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ อาเหมยก็หันมาพูดหับหานเซิ่น
“แมวเก้าชีวิตคงจะเคยบอกกับเจ้าเกี่ยวกับสถานการณ์ของนายน้อยอย่างนั้นสินะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ พวกเราก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาจะไม่เป็นอันตรายใดๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนั้น ในตอนนี้นายน้อยกำลังจะเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้า ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จะสร้างเซเคร็ดกลับขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นประตูของเซเคร็ดก็จะเปิดออก และเจ้าจะเข้ามาพบกับเขาในฐานะแขกอย่างเป็นทางการของเซเคร็ด”
“ส่วนสปิริตศักดิ์สิทธิ์นั่นเป็นสิ่งที่นายน้อยจำเป็นต้องใช้ ไม่อย่างนั้นในตอนที่เซเคร็ดเปิดออกอีกครั้ง นายน้อยก็จะไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภัยอันตราย เจ้าเป็นพ่อของนายน้อย เจ้าคงไม่อยากเห็นนายน้อยต้องเป็นอะไรไปอย่างนั้นใช่ไหม?”
ปีศาจสาวหลี่ตาและพูดต่อ “ที่ข้าบอกกับเจ้ามากขนาดนี้ ก็เพราะเจ้าเป็นพ่อของนายน้อย ถ้าเป็นคนอื่นละก็ พวกเราจะไม่มัวเสียเวลาพูดแบบนี้ พวกเราเคารพเจ้าในฐานะพ่อของนายน้อยและหวังว่าเจ้าจะเข้าใจในเรื่องนี้”
“จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เซเคร็ดเปิดออกอีกครั้ง? อันตรายแบบไหนที่เสี่ยวฮวาต้องเจอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่อาเหมย
“นั่นเป็นเรื่องของเซเคร็ด! มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า” อีแร้งแก่พูด
หานเซิ่นมีสีหน้าที่มืดมัว “เรื่องของเซเคร็ด? เสี่ยวฮวาคือลูกชายของข้า เจ้าจะบอกว่าเรื่องของลูกชายข้า ไม่ใช่ธุระของข้าอย่างนั้นหรอ?”
“เด็กน้อย อย่าทำให้พวกเราต้องลงมือกับเจ้า ถ้าพวกเราจำเป็นต้องต่อสู้กับเจ้าเพื่อแย่งสปิริตศักดิ์สิทธิ์มา พวกเราก็จะไม่ยั้งมือเพียงเพราะเห็นว่าเจ้าเป็นพ่อของนายน้อย”
ร่างกายของเรดโกสต์ปลดปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา มันพยายามจะกดดันหานเซิ่น
หานเซิ่นเป็นคนที่หัวแข็งมากๆ นอกจากนั้นเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเสี่ยวฮวา เขาไม่คิดจะยอมถอยให้กับอีกฝ่าย
“ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะไม่มีความสามารถพอ” หานเซิ่นพูด เขาหยิบมีดเหตุและผลออกมา และถือโล่เมดูซ่าส์เกซในมืออีกข้างหนึ่ง
ถึงแม้สปิริตศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณอสูรจะมีชื่อที่ต่างกัน แต่แก่นแท้แล้วพวกมันเหมือนกัน ถ้าหานเซิ่นใช้กำลังเพื่อแย้งชิงวิญญาณอสูรจากคนอื่นไม่ได้ เขาก็ใช้กำลังเพื่อแย้งชิงสปิริตศักดิ์สิทธิ์จากคนอื่นไม่ได้เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าของตายไป สปิริตศักดิ์สิทธิ์ก็จะหายไปด้วย หานเซิ่นไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาสปิริตไปจากเขาได้ ไม่อย่างนั้นปีศาจสาวก็คงจะโจมตีเขาไปนานแล้ว เธอคงจะไม่เสียเวลาพูดกับเขามากขนาดนี้
สีหน้าของเรดโกสต์ อีแร้งแก่และคนอื่นๆเปลี่ยนไป พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะมีปฏิกิริยาแบบนั้น
ในยุคสมัยของเซเคร็ด พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทาน มีผู้คนไม่มากนักที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ และในยุคสมัยนี้พวกเขาคู่ควรกับคำว่าไร้เทียมทานยิ่งกว่าเมื่อก่อนซะอีก
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาที่ถูกบอกว่าเป็นที่สุดของที่สุดในจักรวาลก็ยังถูกอสูรยักษ์ไร้ดวงตาจับตัวอย่างง่ายดาย
หานเซิ่นเป็นแค่สิ่งมีชีวิตจากก็อตแซงชัวรี่ และเขาก็เป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลายเท่านั้น ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็กล้าขึ้นเสียงกับพวกเขา พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“เป็นอะไรไป?” หานเซิ่นดูสงบนิ่ง เขามองผ่านอีแร้งแก่เข้าไปในความมืดมิด หานเซิ่นกำลังมองไปในตำแหน่งที่เรดโกสต์ปรากฏตัวออกมา ถ้าการสันนิษฐานของเขาถูกต้อง ที่นั่นก็คือที่ที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่
“ข้าไม่สนใจว่าที่นี่คือที่ไหน ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าเป็นใคร ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับการเปิดเซเคร็ดขึ้นอีกครั้ง เซเคร็ดนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรในสายตาของข้า ถ้าปราสาทศักดิ์สิทธิ์นั่นเป็นบางสิ่งที่จะนำภัยมาสู่เสี่ยวฮวาล่ะก็ ข้าก็จะทำลายมันให้ย่อยยับ”
หลังจากที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น เขาก็ส่งตะเกียงหินไปให้กับเป่าเอ๋อและพูด “เป่าเอ๋อ หนูถือตะเกียงนี้ให้กับพ่อ พวกเราจะทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์เฮงซวยนี่ เซเคร็ดเคยล่มสลายมาครั้งหนึ่งแล้ว เราจะทำให้มันเป็นแค่ประวัติศาสตร์ในหน้าหนังสือไปตลอดการ”
เป่าเอ๋อนั่งลงบนไหล่ของหานเซิ่น เธอถือตะเกียงหินและตะโกนอย่างตื่นเต้น “ทำลายมัน! ทำลายมัน!”
“เจ้ายังไม่มีความสามารถพอ” เรดโกสต์พูดด้วยความดูถูก
ปีศาจสาวมองไปที่ตะเกียงหินด้วยความตกใจ “ทำไมตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดถึงมาอยู่ในมือของพวกเจ้า?”
“อะไรนะ? ตะเกียงเผ่าพันธุ์?” เรดโกสต์ อีแร้งแก่และอสูรไร้ดวงตาตกตะลึง พวกมันมองไปที่ตะเกียงหินในมือของเป่าเอ๋อ
เรดโกสต์ตะโกนขึ้นมา “ตะเกียงเผ่าพันธุ์… มันคือตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดจริงๆ! มันมาอยู่ในมือของเขาได้ยังไง?”
“ในเมื่อตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดยังอยู่ที่นี่… นั่นก็หมายความว่า…” อีแร้งแก่ตื่นเต้นจนตัวสั่น
หานเซิ่นได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดและรู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับการที่ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดนั้นไม่ได้อยู่ในจีโนฮอลล์ แต่มาอยู่ในจักรวาลจีโนแทน แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาที่จะมาสนใจในเรื่องนั้น เขากระโดดเข้าไปความมืดเพื่อมุ่งหน้าตรงไปที่ปราสาท
“ข้าไม่สนใจว่ามันจะเป็นตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดหรือเผ่าพันธุ์ไหน อะไรก็ตามที่เป็นภัยต่อลูกชายของข้าจะต้องถูกทำลาย”
หานเซิ่นโกรธมากๆ เขาใช้วิชาโลหิตชีพจรและกายหยกจนถึงขีดสุด มันทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นหยกน้ำแข็งกึ่งโปร่งใส