“เจ้านี่มันบ้าไปแล้ว!” อีแร้งแก่กระพือปีกและมาปรากฏตัวตรงหน้าหานเซิ่นในชั่วพริบตา หานเซิ่นใช้อาณาเขตกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว แต่ภายในอาณาเขตกาลเวลา อีแร้งแก่ก็ยังคงรวดเร็วดั่งสายฟ้า มันเหมือนกับว่าอาณาเขตกาลเวลานั้นไม่ได้ส่งผลต่อมันเลยสักนิดเดียว
หานเซิ่นรู้ว่าอาณาเขตกาลเวลานั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์ แต่เป็นเพราะอีแร้งแก่รวดเร็วเกินไป มันรวดเร็วเกินกว่าที่อาณาเขตกาลเวลาจะหยุดมันได้
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นเห็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถใช้ความเร็วเพื่อทำลายพลังของอาณาเขตกาลเวลาได้ ในเรื่องความเร็วของอีแร้งแก่นั้นถือเป็นที่สุดในจักรวาลนี้ ไม่มีใครที่สามารถเทียบชั้นกับมันในเรื่องนั้นได้
อีแร้งแก่เป็นเหมือนกับเมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้า การกระพือปีกของมันทำให้เกิดมีดสุญญากาศจำนวนมากขึ้นมา พวกมันเป็นเหมือนกับวังวนที่ล้อมหานเซิ่นเอาไว้ มีดสุญญากาศทั้งหมดนั้นมีพลังที่เหมือนจะฉีกมิติของอวกาศได้ ถึงแม้คนที่ถูกมีดสุญญากาศพวกนั้นเข้าจะเป็นยอดฝีมือขั้นทรูก็อต พวกเขาก็คงจะไม่รอดอยู่ดี
มีดสุญญากาศพวกนั้นแค่ล้อมหานเซิ่นเอาไว้ พวกมันไม่ได้เข้ามาใกล้มากกว่านั้นเพื่อจะฆ่าเขา
“หานเซิ่น เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเจ้ากับนายน้อย ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งเท่านั้น!”
อีแร้งแก่พูด “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า!”
“ข้าจะมอบโอกาสให้กับเจ้าเช่นกัน ไปพาเสี่ยวฮวามาพบกับข้า”
หานเซิ่นพูดก่อนที่จะเทเลพอร์ตออกไปจากวังวนของมีดสุญญากาศ
“เลิกเสียเวลาพูดกับเขา!” เรดโกสต์รีบตามเข้าไปในความมืด ดวงตาสีแดงของมันเรืองแสงขึ้นมา มันเตรียมตัวจะโจมตีใส่หานเซิ่น แต่มันได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง
“ไม่ว่าใครก็ห้ามทำร้ายมิสเตอร์หาน!” ไนน์เทาซันด์คิงลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจะไล่ตามมา ดวงตาบนชุดเกราะของเขาเปิดออก พวกมันปลดปล่อยแสงสีเขียวนับหมื่นไปหยุดเรดโกสต์เอาไว้
“เจ้ามันก็แค่คนรับใช้คนหนึ่ง เหตุผลเดียวที่ข้าเลือกจะไม่ฆ่าหานเซิ่น ก็เพราะความสัมพันธ์ของเขากับนายน้อย เจ้าคิดว่าข้าจะยอมยั้งมือและไม่ฆ่าเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
เรดโกสต์โกรธ ร่างกายของมันระเบิดแสงสีแดงออกมาเพื่อต่อสู้กับแสงสีเขียวของไนน์เทาซันด์คิง
ปากของอสูรยักษ์ไร้ดวงตาเปลี่ยนไปรูปร่างเหมือนแตร มันเป่าคลื่นกระแทกออกไปใส่หานเซิ่น คลื่นกระแทกเปลี่ยนเป็นวงแหวนเสียงจำนวนมากที่พยายามจับตัวหานเซิ่นเอาไว้ วงแหวนเสียงนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมันไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะหลีกเลี่ยงได้
แต่หานเซิ่นไม่ได้ชะลอความเร็วลง ถึงแม้ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาจะถูกจับตัวโดยวงแหวนเสียงที่น่ากลัวพวกนี้ก็ตาม
หานเซิ่นตะโกน “เป่าเอ๋อ ตะเกียงหิน!”
เขายกโล่เมดูซ่าส์เกซขึ้นมา ดวงตาบนโล่เปิดออกและปล่อยแสงที่น่ากลัวออกไปปะทะกับพลังเสียง เป่าเอ๋อนั่นรีบยื่นตะเกียงหินมาตรงหน้าของโล่เมดูซ่าส์เกซ หลังจากที่แสงประหลาดของโล่ผ่านเปลวเพลิงของตะเกียง มันก็ถูกย้อมเป็นสีขาว
เมื่อแสงสีขาวปะทะกับพลังเสียง พลังเสียงที่เหมือนกับคลื่นก็ถูกแช่แข็งในอากาศ มันดูแปลกประหลาดมากๆ มันเหมือนกับคลื่นทะเลถูกแช่แข็งอยู่ในอวกาศ
หานเซิ่นเทเลพอร์ตอีกครั้ง ในจังหวะที่เขากำลังจะไปถึงความมืด ปีศาจสาวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขาและยิ้ม
เธอดูงดงามมากๆ แต่เธอไม่ได้ยิ้มบ่อยนัก เธอเป็นคนที่เย็นชามากๆ เธอเป็นเหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง ตอนนี้เมื่อเธอยิ้มออกมา มันก็เหมือนกับน้ำพุร้อนพุ่งออกมาเพื่อละลายหิมะที่ปกคลุมภูเขาและดอกไม้ก็บานสะพรั่งขึ้นมา รอยยิ้มที่น่าตกตะลึงของเธอนั้นยากที่จะบรรยายได้
รอยยิ้มของเธอเป็นอะไรที่งดงาม แต่สำหรับหานเซิ่นแล้ว ทั้งหมดนี้ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ภายใต้รอยยิ้มนั้นหานเซิ่นรู้สึกสับสน เขามีความรู้สึกว่าอยากจะตายเพื่อผู้หญิงคนนี้ เขาต้องการเข้าในอ้อมแขนของเธอ ความจริงแล้วร่างกายของเขากำลังเคลื่อนที่เข้าไปหาปีศาจสาวโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
ทันใดนั้นก็มีกระจกหินปรากฏขึ้นในมือของหานเซิ่น แสงสีเงินส่องออกมาจากกระจกหินนั้นและมีเงาของจิ้งจอกเก้าหางปรากฏขึ้นบนผิวของกระจก
ในจังหวะที่จิ้งจอกสาวปรากฏตัวออกมา มิติของอวกาศรอบๆที่สงบนิ่งก็เกิดการกระเพื่อมราวกับการแปรปรวนของคลื่นในทะเล
ปีศาจสาวขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เธอมองไปที่กระจกและพูด
“กระจกไนน์สปินเดสทินี้ของเผ่าจิ้งจอก”
ทุกอย่างดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา หานเซิ่นหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดและหนีหายเข้าไปในความมืด
ปีศาจสาวและคนอื่นๆไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะมีลูกไม้แบบนี้ซ่อนอยู่ ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่พวกเขาจะหยุดหานเซิ่น
“ไล่ตามเขาไป!” อีแร้งแก่ตะโกน มันกระพือปีกและบินเข้าไปในความมืด ท้องฟ้าของความมืดเกิดสายฟ้าขึ้นมานับไม่ถ้วนจนทำให้มันดูเหมือนกับว่านกเทพสายฟ้ากำลังบินผ่านท้องฟ้า
นอกจากเรดโกสต์ที่กำลังต่อสู้กับไนน์เทาซันด์คิง ปีศาจสาวและอสูรยักษ์ไร้ดวงตาก็รีบตามเข้าไปในความมืดเพื่อจะหยุดหานเซิ่น
ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาใช้จังหวะนั้นเพื่อทำลายวงแหวนเสียงที่รัดตัวของเขาเอาไว้
“ไม่คิดว่าคนที่ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่จะเพิ่มระดับขึ้นได้ถึงขนาดนั้น บางทีมันอาจจะยังคงมีความหวังอยู่” ผู้อาวุโสหนึ่งไม่ได้เลือกที่จะหนีไป เขาวิ่งตามเข้าไปในความมืด
หลังจากที่หานเซิ่นวิ่งเข้าไปในความมืดได้ไม่นาน อีแร้งแก่ก็ไล่ตามเขามาจนทัน อีแร้งแก่นั้นยังคงรวดเร็วเกินไป แม้ในความมืดที่น่ากลัวนี้ ความเร็วของมันก็ยังน่าตกใจ
“เจ้ารนหาที่ตายเอง” อีแร้งแก่โกรธอย่างมาก ในยุคสมัยของเซเคร็ด ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนถูกมันกลืนกินเข้าไป มันถูกกล่าวขานว่าเป็นอสูรที่เก่งกาจที่สุดในยุคนั้น
ตลอดทั้งชีวิตของมัน มีแค่ผู้นำเซเคร็ดเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มันยอมสวามิภักดิ์ด้วย แม้แต่คนอย่างปีศาจสาวที่เป็นผู้พิทักษ์ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นคนที่มันปฏิบัติเหมือนกับเป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นต้องการจะตีฝ่าพวกมันเข้าไปในปราสาทศักดิ์สิทธิ์ หัวใจของอีแร้งแก่ก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร มันอ้าปากและพ่นควันสีดำออกมา ควันสีดำนั้นปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน พวกมันตรงเข้าไปหาหานเซิ่น ควันสีดำนั้นเป็นเหมือนกับมังกรพิษที่น่ากลัว
“อย่าฆ่าเขา! พวกเราจำเป็นต้องจับเป็น!” ปีศาจสาวตะโกน เธอยังอยู่ห่างจากพวกเขาไปพอสมควร ในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คน เธอเป็นคนที่มีความรู้สึกนึกคิดมากที่สุด คนอื่นๆนั้นรู้จักแค่การฆ่าฟัน
ปีศาจสาวไม่ต้องการให้หานเซิ่นถูกฆ่าตาย ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไปอธิบายกับเสี่ยวฮวาได้ยังไง? เรื่องแบบนี้ปกปิดได้แค่ช่วงหนึ่ง มันไม่ใช่สิ่งที่จะปกปิดได้ตลอดไป
แต่เมื่ออีแร้งแก่เริ่มลงมือแล้ว มันก็ไม่คิดจะฟังใครทั้งนั้น
“ข้าจะกลืนกินเนื้อหนังและวิญญาณของเขา! หลังจากนั้นเขาก็จะไม่ได้ไปผุดไปเกิดอีก! เขาจะหายไปจากจักรวาลนี้! จักรวาลนี้จะไม่มีใครรู้จักชื่อของเขาอีก!”
หลังจากนั้นควันสีดำก็พุ่งตรงเข้าไปเพื่อเขมือบหานเซิ่นเหมือนกับปากของมังกรพิษ
ในความมืดมิดนั้น ฟันเฟืองจักรวาลพังทลาย หานเซิ่นจึงเทเลพอร์ได้แค่ภายในรัศมีของแสงสว่างจากตะเกียงหินเท่านั้น เขาไม่สามารถหนีจากควันสีดำได้ เขาจึงยกโล่เมดูซ่าส์เกซขึ้นมาและต่อสู้กับควันสีดำของอีแร้งแก่ตรงๆ
เป่าเอ๋อยื่นตะเกียงหินมาข้างหน้าดวงตาของเมดูซ่า แสงประหลาดที่ปล่อยออกไปถูกเปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีขาวและปะทะเข้ากับควันสีดำ แต่มันไม่สามารถแช่แข็งควันสีดำทั้งหมดได้ มันแช่แข็งได้แค่ควันสีดำที่อยู่ข้างหน้า ควันสีดำที่เหลือยังคงโจมตีเข้ามา มันทำลายควันสีดำข้างหน้าและพุ่งตรงเข้ามาปะทะกับแสงของโล่เมดูซ่าส์เกซอีก ก่อนที่จะถูกแช่แข็งไป สถานการณ์ดูเหมือนจะวนลูปอย่างนั้นไปเรื่อยๆ