Super God Gene – ตอนที่ 2958 วิวัฒนาการไปสู่ขั้นทรูก็อต

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะมีโอกาสเพิ่มระดับขึ้นในสวนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่อยากให้คนอื่นเห็นโหมดซีโน่เจเนอิคของเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเลือกจะยังไม่เลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อต

 

หานเซิ่นกลัวว่าถ้าเขาเลื่อนระดับขึ้นโดยไม่อยู่ในโหมดซีโน่เจเนอิค มันอาจจะมีแค่ร่างต่อสู้เดียวที่เพิ่มระดับขึ้น แบบนั้นมันจะเป็นอะไรที่สิ้นเปลือง

 

ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอีกต่อไป เขาจำเป็นต้องเลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อตเพื่อเอาชนะศัตรู แต่เขาเลือกจะไม่เข้าสู่โหมดซีโน่เจเนอิค เขาใช้เพียงแค่วิชากายหยกในการวิวัฒนาการ เขาต้องการจะเลื่อนระดับของวิชากายหยกไปสู่ขั้นทรูก็อตก่อนเป็นอันดับแรก

 

แต่ทันทีที่เขาเริ่มการวิวัฒนาการ ร่างกายต่อสู้ทั้งสี่ของเขาก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง

 

‘ดูเหมือนว่าถึงเราจะไม่ได้อยู่ในโหมดซีโน่เจเนอิค เราก็ยังเลื่อนระดับร่างกายต่อสู้ทั้งสี่พร้อมๆกัน’

หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ถึงเขาจะคิดว่าการเพิ่มระดับร่างกายต่อสู้แค่ร่างเดียวจะเป็นอะไรที่สิ้นเปลือง แต่เขาไม่ต้องการจะเปิดเผยโหมดซีโน่เจเนอิคของเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเลือกจะเลื่อนระดับแค่วิชากายหยก แต่ตอนนี้ร่างกายต่อสู้ทั้งสี่ของเขากำลังวิวัฒนาการพร้อมๆกัน นั่นถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ

 

เซลล์ในร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยีนของเขาก็ถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ร่างกายทั้งร่างของหานเซิ่นเหมือนกับว่าได้เกิดใหม่

 

เนื่องจากทั้งร่างกายของหานเซิ่นถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะมนตรา และเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็ห่อหุ้มชุดเกราะมนตราอีกชั้นหนึ่ง ผู้คนจึงจะเห็นแค่หัว ใบหน้า มือและชุดเกราะมนตราของเขาเท่านั้น

 

ถึงอย่างนั้นคนอื่นๆก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ ลวดลายที่อยู่บนชุดเกราะมนตราสีขาวเรืองแสงขึ้นมาเหมือนกับลาวา ดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังละลายเข้าไปในชุดเกราะ ซึ่งทำให้ทั้งชุดเกราะสว่างขึ้นมาและกลายเป็นอะไรที่โปร่งใสเหมือนกับคริสตัล มันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโลหะโปร่งใสที่กำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ

 

เมื่อหันมองไปควันสีดำที่ปกคลุมท้องฟ้า มันก็เหมือนกับปีศาจที่กำลังลงมาบนโลกใบนี้ หานเซิ่นกำหมัดเอาไว้แน่นและชกออกไปใส่ควันสีดำที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน

 

ปีศาจสาวขมวดคิ้ว ควันสีดำของอีแร้งแก่นั้นไม่ใช่แค่ทรงพลังเท่านั้น พลังของมันไม่ได้เป็นอะไรที่ตรงไปตรงมา มันมีพลังที่จะทำลายวิญญาณของศัตรู ถึงแม้ร่างกายจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การสัมผัสกับควันสีดำก็จะนำไปสู่ความตายอยู่ดี

 

ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ไม่ได้ใช้สมบัติอะไร เขาใช้หมัดของตัวเองเพื่อต่อสู้กับควันสีดำของอีแร้งแก่ ในสายตาของปีศาจสาว สิ่งที่หานเซิ่นทำไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย

 

“จับเป็นเขา!” ปีศาจสาวตะโกนบอกอีแร้งแก่ เธอกลัวว่าอีแร้งแก่จะเผลอไปฆ่าหานเซิ่น ถ้าเป็นแบบนั้นสปิริตศักดิ์สิทธิ์ก็จะหายไปด้วย

 

แต่อีแร้งแก่ไม่ได้ฟังเสียงตะโกนของปีศาจสาว ก่อนหน้านี้มันโมโหมากที่ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้ ตอนนี้มันจึงไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้อีกต่อไป มันสายเกินไปแล้วที่ปีศาจสาวจะห้ามมันเอาไว้

 

ปีศาจสาวเห็นว่าอีแร้งแก่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารและรู้ตัวว่ามันต้องแย่แน่ๆ ไม่เพียงแค่สปิริตศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายไปพร้อมกับหานเซิ่น เมื่อเสี่ยวฮวารู้ความจริงขึ้นมา พวกเขาก็จะไม่สามารถอธิบายอะไรได้

 

ในจักรวาลนี้ถึงมันจะมีฟีนิกซ์และกิเลนตัวอื่นอยู่อีก แต่พวกเขาไม่มีทางหาซีโน่เจเนอิคที่เหมือนกับสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดมาได้อีกแล้ว ถึงพลังของปีศาจสาว อีแร้งแก่และอสูรไร้ดวงตาจะไม่ได้แย่ไปกว่าสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถมาแทนที่สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้

 

มันมีเหตุผลว่าทำไมอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดถึงมีแค่สี่ตัว และมันก็ไม่ใช่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดก็ได้ ที่สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ถูกเรียกว่าสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็เพราะว่าเดิมทีพวกมันเป็นอาวุธขั้นสุดยอดที่ผู้นำเซเคร็ดจะใช้เพื่อฆ่าพระเจ้า

 

แต่ในบรรดาอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ มีเพียงแค่กิเลนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่กลายเป็นอาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ส่วนฟีนิกซ์ โกสต์คาร์และแมวเก้าชีวิตนั้นยังไม่ได้กลายเป็นสปิริตศักดิ์สิทธิ์ในตอนที่เซเคร็ดล่มสลาย

 

ตอนนี้โกสต์คาร์และฟีนิกซ์นั้นหายสาบสูญไป ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าพวกมันยังอยู่หรือตายไปแล้ว ส่วนแมวเก้าชีวิตก็คอยเฝ้าก็อตแซงชัวรี่ ดังนั้นอาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์จึงเหลือแค่กิเลนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ถ้ามันถูกทำลายไป มันก็จะเป็นผลเสียอย่างมากต่อแผนการสร้างเซเคร็ดขึ้นมาใหม่ พวกเขาจะขาดอาวุธที่จำเป็นไป

 

ความคิดมากมายหลายอย่างพุดขึ้นมาในหัวของปีศาจสาว แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้แม้แต่อย่างเดียว เพราะควันสีดำและหมัดของหานเซิ่นปะทะกันเรียบร้อยแล้ว

 

ในจังหวะต่อมา ปีศาจสาวก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ หมัดของหานเซิ่นระเบิดควันสีดำของอีแร้งแก่เหมือนกับว่าควันสีดำนั้นเป็นแค่ควันธรรมดาๆ มันถูกทำลายอย่างง่ายดาย

 

หานเซิ่นชกควันสีดำจนเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ตรงกลาง หานเซิ่นเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างนั้นและไปปรากฏตัวตรงหน้าอีแร้งแก่

 

อีแร้งแก่ไม่ได้ตื่นตะหนก ในอดีตมันเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตที่ไร้เทียมทานในจักรวาล นอกจากผู้นำเซเคร็ดแล้วในจักรวาลนี้มันไม่เคยก้มหัวให้กับผู้ใด

 

เสียงร้องของนกสั่นสะเทือนทั้งอวกาศ อีแร้งแก่กระพือปีกและส่งกรงเล็บที่แหลมคมออกไปปะทะกับหมัดของหานเซิ่น

 

หมัดและกรงเล็บปะทะกัน กรงเล็บของอีแร้งแก่นั้นสามารถฉีกทุกอย่างในจักรวาลนี้ได้ แต่มันกลับถูกทำลายโดยหมัดของหานเซิ่น นอกจากนั้นพลังหมัดของหานเซิ่นยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันพุ่งต่อไปใส่อกของอีแร้งแก่

 

 

ปัง!

ร่างกายของอีแร้งแก่ถูกส่งกระเด็นออกไปเหมือนกับลูกปืนใหญ่ มันไปชนเข้ากับดาวดวงหนึ่งและแรงกระแทกที่เกิดขึ้นก็ทำให้ดาวดวงนั้นถูกทำลาย และมันยังคงกระเด็นต่อไปเรื่อยๆและชนเข้ากับดวงดาวอีกหลายดวง มันทำให้ดวงดาวในอวกาศระเบิดไปตามๆกัน

 

“นั่น…นั่น…นั่นเป็นไปได้ยังไง?” อสูรไร้ดวงตาตกใจอย่างมาก โชคดีที่ว่ามันไม่มีดวงตา ไม่อย่างนั้นดวงตาของมันก็คงจะหลุดออกมาจากเบ้า

 

อสูรยักษ์ไร้ดวงตารู้ดีว่าอีแร้งแก่นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน มันไม่ได้อ่อนแอ่ไปกว่าฟีนิกซ์หรือโกสต์คาร์ที่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์เลย มันแข็งแกร่งเท่าที่ขั้นทรูก็อตจะแข็งแกร่งได้

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะกลายเป็นขั้นทรูก็อต เขาก็เพิ่งจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้แค่แป๊บเดียว พลังของเขายังไม่ควรจะเทียบชั้นกับอีแร้งแก่ได้ แต่หมัดที่เขาปล่อยออกไปไม่เพียงแต่จะทำลายกรงเล็บของอีแร้งแก่เท่านั้น มันยังส่งอีแร้งแก่กระเด็นออกไปอีก เขามีพลังที่น่ากลัวถึงขนาดนั้นได้ยังไง

 

ปีศาจสาวเองก็ไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน หมัดของหานเซิ่นสามารถทำลายกรงเล็บของอีแร้งแก่ได้ ในจักรวาลแห่งนี้พลังแบบนั้นมีแค่ผู้นำเซเคร็ดเท่านั้นที่จะทำได้

 

“พวกเจ้าต้องการสู้กับข้าไม่ใช่หรอ? ตอนนี้รีบเข้ามาสิ!”

ร่างกายของหานเซิ่นแว็บหายไป เขาเทเลพอร์ตไปอยู่เหนืออสูรไร้ดวงตาและชกหมัดออกไปใส่หลังของมัน

 

อสูรยักษ์ไร้ดวงตาส่งเสียงคำรามออกมา มันเกร็งร่างกายซึ่งทำให้กระดูกที่เหมือนกับฟันปลางอกออกมาจากด้านหลัง พวกมันหมุนอย่างรวดเร็วเหมือนกับใบเลื้อย พวกมันเข้าปะทะกับหมัดของหานเซิ่น

 

กระดูกที่เหมือนกับใบเลื้อยแตกกระจายเป็นชิ้นๆ และเปลือกบนหลังของอสูรยักษ์ไร้ดวงตาก็ถูกชกโดยหานเซิ่น มันเกิดเป็นรูเลือดขนาดใหญ่และมีเลือดทะลักออกมาราวกับภูเขาไฟ ร่างกายของมันถูกส่งกระเด็นออกไป

 

“นั่นเป็นไปได้ยังไง? ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น…”

ปีศาจสาวไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เธอคิดว่าพละกำลังขนาดนั้นมีแค่ขั้นทรูก็อตที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะมีได้ แต่หานเซิ่นไม่ได้มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ ถึงอย่างนั้นร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งถึงระดับนี้ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ

 

“เจ้าต้องการสปิริตศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?” เสียงของหานเซิ่นดังเข้ามาในหูของปีศาจสาว เขาเทเลพอร์ตมาอยู่ตรงหน้าเธอและชกหมัดเข้าใส่ปีศาจสาว

 

“ร่างกายหัวใจปีศาจหญิงงาม!” ทันใดนั้นร่างกายของปีศาจสาวก็เกิดความเปลี่ยนแปลง เสื้อผ้าทั้งหมดของเธอฉีกขาดและเผยให้เห็นร่างกายที่งดงามของเธอ

 

มันสมบูรณ์แบบจนสามารถขโมยดวงวิญญาณของคนที่มองได้ ร่างกายทั้งร่างของปีศาจสาวปลดปล่อยออร่าที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนจะทนได้ออกมา แม้แต่เทพเจ้าก็ยังต้องตกหลุมรักเธอ พวกเขาจะยอมตายเพื่อเธอโดยที่ไม่รู้สึกเสียใจ

 

ตูม!

ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังคงชกไปใส่อกของปีศาจสาวและหมักก็ผ่านร่างกายของเธอไป เลือดสีแดงสดและผิวสีขาวเหมือนกับหิมะนั้นตัดกันทำให้เกิดเป็นภาพที่ทั้งน่ากลัวและสวยงาม

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset